พระยาราชาเศรษฐี นามว่า
ตั้ง เลี้ยง (陳聯
แต้จิ๋ว: ting5 liêng5) หรือ
เฉิน เหลียน[1] (
พินอิน: Chén Lián) หรือ
เจิ่น เลียน (
เวียดนาม: Trần Liên
[2] ตามเอกสารเวียดนาม) หรือ
เจ้าขรัวเหลียน[2] (昭科聯) หรือ
พระยาราชาเศรษฐีจีน เป็นเจ้าเมือง
บันทายมาศห่าเตียน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก
สมเด็จพระเจ้าตากสินเมื่อปีพ.ศ. 2314 ใน
สงครามสยาม-เวียดนาม พ.ศ. 2314 เดิมดำรงตำแหน่งเป็น
พระยาพิพิธผู้ว่าราชการที่โกษา[3]นิธิ เอียวศรีวงศ์ เสนอว่าพระยาพิพิธคือ"ขุนพิพิธวาที"
[1] ซึ่งเข้าร่วมกับกองกำลังของพระยาตากเมื่อตีฝ่าวงล้อมทัพพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อขุนรามหมื่นซ่องยกกำลังเข้าโจมตีพระยาตากที่
เมืองระยอง ปรากฏ"หลวงพิพิธ"เป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหารจีน "แลทหารจีนนั้นคือหลวงพิพิธ หลวงพิชัย ขุนจ่าเมือง เสือร้าย หมื่นท่อง หลวงพรหม..."
[4]ยูมิโอะ ซากูราอิ (Yumio Sakurai) เสนอว่า พระยาพิพิธนั้น เดิมเป็นพ่อค้า
ชาวจีนแต้จิ๋วชื่อว่าเฉิน ไท่ (陳太
พินอิน: Chén Tài) หรือเจิ่น ท้าย (Trần Thái) ตามเอกสารเวียดนามที่ระบุว่า เฉินไท่เป็นพ่อค้าชาวจีนแต้จิ๋ว รวบรวมกำลังพลที่เขาบัคมาเพื่อเข้าโจมตีเมือง
ห่าเตียน หมัก เทียน ติ๊อ (Mạc Thiên Tứ) เจ้าเมืองบันทายมาศห่าเตียนสามารถส่งทัพออกไปปราบเฉินไท่ได้สำเร็จ เป็นเหตุให้เฉินไท่หลบหนีไปยัง
เมืองจันทบุรีและไปสยามในที่สุด
[2] เดอเฟลส์ (de Fels) สันนิษฐานว่า เฉิ่นไท่ได้เข้าสวามิภักดิ์ต่อพระยาตากที่
เมืองตราดในนามว่า"จีนเจียม"
[2]ในเดือนตุลาคมพ.ศ. 2310 พระยาตากยกทัพเรือจากเมืองจันทบุรีเข้ามาที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเข้าโจมตีเมืองธนบุรีและต่อไปโจมตีค่ายโพธิ์สามต้นของพม่า โดยมีพระยาพิพิธ (ตั้ง เลี้ยง) และพระยาพิชัย (
พระยาพิชัยราชา) เป็นทัพหน้า
[4] สามารถเอาชนะ
สุกี้พระนายกอง ยึดค่ายโพธิ์สามต้นได้สำเร็จ ต่อมาเมื่อพระยาตากขึ้นครองราชสมบัติเป็น
สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ผู้ดำรงตำแหน่งว่าที่พระคลังในช่วงปีแรกของรัชกาลคือพระยาพิพัฒโกษา หรือ พระยาพิพิธโกษา (Pia Pipit Kosa
[5] ดังปรากฏในจดหมายที่ส่งไปยังทางการฮอลันดาที่เมือง
บัตตาเวียในเดือนมกราคมพ.ศ. 2312)
[5] สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงแต่งตั้งให้พระยาพิพิธ (ตั้ง เลี้ยง) ให้ได้ว่าที่โกษาธิบดี เดอเฟลส์สันนิษฐานว่า พระยาพิพิธนั้นคำรงตำแหน่งเป็น"พระยาพิพิธโภคากร" เจ้าเมืองตราด เมื่อทางการจีนเมืองกวางตุ้งส่งขุนนางลงมาสืบเหตุการณ์ที่เมืองบันทายมาศในพ.ศ. 2311 ปรากฏชื่อ"เฉินเหลียน"เป็นหนึ่งในคณะผู้ติดตามของพระยาตาก
[6]ในพ.ศ. 2312 สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระราชโองการให้พระยาโกษาธิบดี (ตั้ง เลี้ยง) ยกทัพเข้าตีเมืองกัมพูชาทางปราจีนบุรี พระยาโกษาสามารถเข้ายึดเมือง
พระตะบองได้
[7]แต่มีเหตุให้ต้องถอยและเลิกทัพไปในที่สุด เอกสารเวียดนามระบุว่า ในพ.ศ. 2312 หมักเทียนตื๊อเจ้าเมืองห่าเตียนส่งทัพเข้ามาโจมตีเมืองจันทบุรี แม่ทัพฝ่ายสยามที่ป้องกันเมืองจันทบุรีในเวลานั้นชื่อว่าเจิ่นไล (Trần Lai) ซึ่งยูมิโอะ ซากูราอิ สันนิษฐานว่าเจิ่นไลนี้คือคนคนเดียวกับเฉินเหลียนและเฉินไท่
[2]ในพ.ศ. 2314 สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระราชโองการให้แต่งทัพเรือเข้าโจมตีเมืองบันทายมาศห่าเตียน สมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จนำทัพเรือด้วยพระองค์เองโดยมีพระยาพิพิธหรือพระยาโกษาธิบดีเป็นแม่ทัพเรือ และ
พระยาพิชัยไอศวรรย์ (หยาง จิ้นจง) 楊進宗 Yáng Jìnzōng) เป็นทัพหน้า
[4][7] เมื่อทัพเรือหลวงเสด็จถึงจันทบุรี มีพระราชโองการให้พระยาพิพิธ (ตั้ง เลี้ยง) ยกทัพล่วงหน้าไปโจมตีเมือง
กำปงโสมจนสำเร็จเสียก่อน จากนั้นจึงยกทัพเข้าโจมตีเมืองบันทายมาศ ฝ่ายสยามเข้ายึดเมืองบันทายมาศได้สำเร็จในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2314 หมักเทียนตื๊อเจ้าเมืองห่าเตียนหลบหนีไป สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงแต่งตั้งให้พระยาพิพิธ (ตั้ง เลี้ยง) ผู้ว่าราชการที่โกษาธิบดี ขึ้นเป็นพระยาราชาเศรษฐีเจ้าเมืองบันทายมาศ
[2][4][7]คนใหม่ แล้วให้พระยาพิชัยไอศวรรย์ (หยาง จิ้นจง) มาว่าราชการที่โกษาธิบดีแทนที่
[1] นับจากนั้นมา พระยาราชาเศรษฐี (ตั้ง เลี้ยง) จึงได้รับสมยาว่า "พระยาราชาเศรษฐีจีน" ในขณะที่หมัก เทียน ตื๊อ อดีตเจ้าเมืองบันทายมาศ ได้รับสมญาว่า "พระยาราชาเศรษฐีญวน"ในปีต่อมาพ.ศ. 2315 หมัก เทียน ตื๊อ อดีตเจ้าเมืองบันทายมาศ ได้ส่งหนังสือไปแจ้งราชสำนักจีนใจความว่า "ปีที่แล้วเจิ้งสิ้นยกทัพเรือมาเป็นจำนวนประมาณหมื่นคน มีเฉิน เหลียน เป็นแม่ทัพเรือ และผู้คุมเครื่องบรรณาการหยางจิ้นจงเป็นแม่ทัพหน้า"
[6] เอกสารเวียดนามระบุว่า "หลังจากปราบ
เมืองนครได้สำเร็จแล้ว ฟี้ยาตันนำกำลังทหารจำนวนสองพันคนมารุกรานห่าเตียน โดยมีเจิ่นท้ายแห่งเขาบัคมาเป็นผู้นำทาง"
[2]หลังจากที่พระยาราชาเศรษฐีจีนครองเมืองบันทายมาศได้ประมาณแปดเดีอน ฝ่ายเวียดนามเจ้าญวนใต้
เหงียน ฟุก ถ่วน (Nguyễn Phúc Thuần) ส่งทัพญวนเข้ามาโจมตีเพื่อยึดเมืองบันทายมาศคืนในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2315
[2] ฝ่ายพระยาราชาเศรษฐีจีนไม่ทันตั้งตัวจึงเสียเมืองบันทายมาศให้แก่ญวน พระยาราชาเศรษฐี (ตั้ง เลี้ยง) ไปตั้งหลักที่เมือง
กำปอดได้รับความช่วยเหลือจากพระยาปังลิมาเจ้าเมืองกำปอดจึงสามารถยกทัพมาซุ่มโจมตียึดเมืองบันทายมาศคืนจากญวนได้ในสามวัน
[7] ปีต่อมาพ.ศ. 2316 สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงตัดสินพระทัยว่า เมืองบันทายมาศนั้นรักษาไว้ได้ยาก จึงมีพระราชโองการให้พระยาราชาเศรษฐีถอยทัพออกมาจากบันทายมาศ พระยาราชาเศรษฐีจึงกวาดต้อนชาวเมืองบันทายมาศลงเรือใหญ่น้อยกลับเข้ามาที่กรุงธนบุรี
[7]หลังจากที่ถอยทัพกลับมาจากเมืองบันทายมาศห่าเตียนแล้ว พระยาราชาเศรษฐี (ตั้ง เลี้ยง) ยังคงดำรงราชทินนามเดิมต่อไปในฐานผู้บัญชาการกองทหารจีน ใน
สงครามบางแก้วพ.ศ. 2318 สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระราชโองการให้พระยาราชาเศรษฐีและ
พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าจุ้ยอยู่รักษาค่าย
เมืองราชบุรี[7]เพื่อป้องกันการรุกรานของพม่าจากเมือง
ทวาย ในปีเดียวกัน
สงครามอะแซหวุ่นกี้ สมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จยกทัพขึ้นไปเมือง
พิษณุโลก ทรงให้พระยาราชาเศรษฐี (ตั้ง เลี้ยง) นำกองทัพจีนอยู่รักษาเส้นทางเสบียงที่
เมืองนครสวรรค์[7] ในช่วงปลายยุคสมัยกรุงธนบุรี พระยาราชาเศรษฐีจีนมีบทบาทเป็นหัวหน้าชุมชนชาวจีนแต้จิ๋ว ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณที่ลุ่มฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาตรงข้ามกับกรุงธนบุรี เมื่อ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสร้างเมืองกรุงเทพพระนครเป็นราชธานีในพ.ศ. 2325 ทรงให้พระยาราชาเศรษฐี (ตั้ง เลี้ยง) นำการย้ายชาวจีนไปตั้งบ้านเรือนใหม่อยู่ที่ตั้งแต่คลองวัดสามปลื้มไปจนถึง
สำเพ็ง[8]