อวตาร ของ พระวิษณุ

"ทศาวตาร" คืออวตารทั้งสิบของพระวิษณุ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดูลัทธิไวษณพ (นับเวียนตามเข็มนาฬิกา) มัตสยะ (ปลา), กูรมะ (เต่า), พระวราหะ (หมูป่า), วามนะ (พราหมณ์ค่อม), พระกฤษณะ, กัลกิ (อัศวินม้าขาว), พระโคตมพุทธเจ้า, ปรศุราม, พระราม, นรสิงห์ ส่วนรูปตรงกลางเป็นรูปพระกฤษณะและเหล่าสาวก
ดูบทความหลักที่: ทศาวตาร

ความเชื่อเรื่องพระวิษณุอวตารมีที่มาจากคัมภีร์กลุ่มปุราณะซึ่งแต่งขึ้นหลังคริสต์ศตวรรษที่ ๖[2] แต่ละปุราณะได้ระบุอวตารไว้แตกต่างกันไปตามผู้ประพันธ์ โดยทั่วไปแล้วชาวฮินดูถือว่าอวตารที่สำคัญมีอยู่ 10 ปาง ได้แก่

  1. มัตสยาวตาร (อวตารเป็นปลาศพริ) เพื่อช่วยเหลือพระสัตพรตกับเหล่ามวลมนุษย์และสัตว์ให้พ้นจากน้ำท่วมโลกและปราบอสูรหัยครีพซึ่งลักเอาคัมภีร์พระเวทของพระพรหม
  2. กูรมาวตาร (อวตารเป็นเต่า) เพื่อรองรับเขามันทระในพิธีกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูร
  3. วราหาวตาร (อวตารเป็นหมูป่า) มีสองตำนานหลัก ๆ คือ ๑) เพื่อปราบอสูรนาม "หิรัณยากษะ" ซึ่งลักเอาแผ่นธรณีไปโดยการม้วนแล้วเหน็บไว้ที่ข้างกาย และ ๒) เพื่อยุติการประลองพลังอำนาจกันระหว่างพระศิวะและพระพรหม
  4. นรสิงหาวตาร (อวตารเป็นนรสิงห์) เพื่อปราบอสูรนาม "หิรัณยกศิปุ" ผู้เป็นน้องชายของ "หิรัณยากษะ"
  5. วามนาวตาร (อวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย) เพื่อปราบอสูรนาม "พาลี" ผู้เป็นเหลนของ "หิรัณยกศิปุ"
  6. ปรศุรามาวตาร (อวตารเป็นพราหมณ์ผู้ใช้ขวานเป็นอาวุธ) เพื่อปราบกษัตริย์ (ผู้เป็นมนุษย์) นาม "อรชุน" หรือ "การตวีรยะอรชุน" ผู้มีหนึ่งพันกร ผู้ก่อยุคเข็ญและทำลายล้างศาสนา
  7. รามาวตาร หรือ รามจันทราวตาร (อวตารเป็นพระราม กษัตริย์แห่งอโยธยา) เพื่อปราบรากษสนาม "ราวณะ" หรือ "ราพณ์" หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม "ทศกัณฐ์" กษัตริย์แห่งกรุงลงกา - ปางนี้เป็นหลักในการจัด จารีต และ ขนบธรรมเนียม ประเพณีของสังคมอินเดีย
  8. กฤษณาวตาร (อวตารเป็นพระกฤษณะ) เพื่อปราบท้าวกังสะ กษัตริย์ผู้ชั่วร้ายแห่งนครมธุราและอสูรอีกมากมายเช่น อสูรศักตาสูร อสูรตรีนะวัตร อสูรบากาสูร ฯลฯ เป็นต้น รวมถึงการสนับสนุนให้ยุธิษฐิระเป็นจักรพรรดิโดยการเป็นสารภีให้แก่อรชุนในสงครามทุ่งคุรุเกษตร
  9. พุทธาวตาร (อวตารเป็นพระโคตมพุทธเจ้า) เพื่อหลอกลวงชนที่ชั่วร้าย ทั้งอสูร แทตย์ ทานพ ฯลฯ เพื่อให้หลงเชื่อในสิ่งที่ผิดและจะได้รับผลร้ายแห่งมิจฉาทิฐิ (เนื่องจากพวกพราหมณ์ไม่สามารถเอาชนะพระพุทธศาสนาได้เลย ก็ได้ยกเอาพระพุทธเจ้ามาเป็นปางที่ ๙ ของพระนารายณ์เพื่อเป็นการทำลายความศรัทธาพระพุทธศาสนาในอินเดีย)
  10. กัลกยาวตาร หรือ กัลกิยาวตาร (อวตารเป็นมนุษย์ผู้ขี่ม้าขาว หรือ กัลกี) เป็นอวตารที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เป็นการทำนายอนาคตไว้ว่า ในยามที่เป็นปลายแห่งกลียุค ที่ที่เมื่อผู้คนไม่รู้จักธรรมะ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป โลกทั้งโลกต้องเผชิญกับยุคเข็ญไปทุกหย่อมหญ้า จะมีบุรุษขี่ม้าขาวปรากฏตัวขึ้นเพื่อปัดเป่าความทุกข์ยาก และนำธรรมะกลับมาสู่มวลมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง

ปางอื่น ๆ

  • พระหัยครีพ (อวตารเป็นบุรุษมีเศียรเป็นม้า) เพื่อปราบอสูรหัยครีพ ซึ่งขโมยคัมภีร์พระเวทไปจากพระพรหม
  • พระฤษภะ (อวตารเป็นพระฤษภะมุนี) เป็นอวตารของพระวิษณุตามคัมภีร์ภาควัตปุราณะเพื่อสอนให้ผู้คนประกอบพิธียัชญะมากมาย บ้างก็ว่าเป็นองค์เดียวกับพระติรถังกร
  • นางโมหิณี (อวตารเป็นนางอัปสร) ซึ่งอวตารปางนี้มีปรากฏหลายเหตุการณ์ เช่น เพื่อล่อลวงพวกอสูรไม่ให้ดื่มน้ำอมฤตของเหล่าเทวดาในพิธีกวนเกษียรสมุทร ฯลฯ เป็นต้น
  • ฤๅษีสี่กุมาร (อวตารเป็นฤๅษีกุมารทั้งสี่) เป็นบุตรของพระพรหม ได้แก่ พระสนัก พระสนันทัน พระสนาตนะ และพระสนัตกุมาร มีหน้าที่ช่วยพระพรหมในการเผยแผ่คัมภีร์พระเวททั้ง ๔ และสอนความภักดีต่อพระวิษณุและการบำเพ็ญตบะ
  • ฤๅษีนารทมุนี (อวตารเป็นเทวฤๅษี) เป็นบุตรของพระพรหม และเป็นสาวกองค์แรกของพระวิษณุ เป็นผู้นำสาร และสามารถเดินทางไปได้ทั่วทั้งสามโลก
  • พระฤๅษีนระ-พระฤๅษีนารายณ์ (อวตารเป็นฤๅษีฝาแฝด) เป็นฤๅษีผู้ทรงฌาน และเป็นสาวกของพระศิวะ
  • ฤๅษีกปิลมุนี (อวตารเป็นมุนี) เป็นมุนีผู้เผยแพร่ความรู้เรื่องลัทธิสางขยะ มีพลังตบะที่สามารถกลายเป็นไฟออกจากตาได้ และเป็นเหตุให้พระแม่คงคาลงมายังโลก
  • ฤๅษีวยาส ผู้รจนาคัมภีร์มหาภารตะ
  • พระยัชญะ ผู้เผยแพร่การทำพิธียัชญะสู่โลก
  • ท้าวปฤถุ จักรพรรดิผู้นำความสมบูรณ์กลับสู่โลก
  • พระทัตตาเตรยะ ร่างอวตารรวมกับพระพรหมและพระศิวะ
  • พระธันวันตริ เทพแห่งยาและสมุนไพร ผู้นำน้ำอมฤต ขึ้นมาจากเกษียรสมุทร