มรดก ของ พระเจ้าลูทวิชที่_2_แห่งบาวาเรีย

ภาพวาดท้องพระโรงของปราสาทนอยชวานชไตน์

พระเจ้าลูทวิชที่ 2 แห่งบาวาเรียทรงเป็นกษัตริย์ที่เป็นที่รักของประชาชนและไม่ทรงเหมือนกษัตริย์องค์ใดในประวัติศาสตร์ของบาวาเรีย สาเหตุที่ทรงเป็นที่ชื่นชมของประสกนิกรมีด้วยกันสามประการ ประการแรกทรงเลี่ยงสงครามซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้บาวาเรียมีความสงบร่มเย็นอยู่ระยะหนึ่ง แต่การเลี่ยงสงครามของลูทวิชจะเป็นเพราะทรงเป็นผู้เชื่อในลัทธิสันตินิยมหรือจะเป็นเพราะความไม่ทรงสนพระทัยกับเรื่องการเมืองเป็นที่ถกเถียงกันได้ แต่ลูทวิชทรงมีความเชื่อเสมอว่าบาวาเรียควรที่จะมีความใกล้ชิดกับออสเตรียมากกว่าปรัสเซีย ประการที่สองลูทวิชทรงสร้างปราสาทต่างๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐ ซึ่งทำให้ประชาชนมีงานทำและทำให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนในบริเวณที่มีการก่อสร้าง ประการที่สามพระลักษณะนิสัยที่ไม่เหมือนกันใครและที่เห็นกันว่าแปลกอาจจะเป็นลักษณะที่เป็นดึงดูกความจงรักภักดีของประชากร ลูทวิชไม่โปรดชุมชนและงานที่เป็นทางการ แต่ไม่ได้ทำพระองค์อยู่เหนือการใกล้ชิดกับไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน โปรดการเดินทางไปตามชนบทในบาวาเรียและเมื่อทรงพบชาวนาและกรรมกรระหว่างทางก็จะทรงสนทนาด้วย นอกจากนั้นก็โปรดการให้ของขวัญมีค่าผู้ที่มีความเอื้ออารีต่อพระองค์ในระหว่างการเสด็จประพาสตามชนบท ลูทวิชไม่ค่อยประทับในราชสำนักและมักจะออกประพาสไปตามชนบท ชาวบาวาเรียเรียกพระองค์ด้วยความเอ็นดูว่า “Unser Kini” (our darling king) ในภาษาเยอรมันแบบบาวาเรีย

ลูทวิชทรงมีความสนใจและความเชื่อในเทคโนโลยีและความก้าวหน้า[ต้องการอ้างอิง] สิ่งหนึ่งที่ทรงมีความสนพระทัยมากคือการรถไฟ ทรงสนับสนุนการขยายเส้นทางรถไฟไปทั่วบาวาเรียจนกรมรถไฟหลวงแห่งบาวาเรียเป็นกรมรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและในที่สุดก็รวมกับกรมรถไฟเยอรมัน นอกจากนั้นก็ทรงมีรถไฟส่วนพระองค์ที่เรียกกันว่ารถไฟหลวงซึ่งทรงใช้ในการประพาสส่วนพระองค์หรือบางครั้งก็จะทรงเดินทางโดยไม่เปิดเผยว่าพระองค์เป็นใคร และบางครั้งก็จะไปขับรถไฟกับวิศวกร[ต้องการอ้างอิง]

แม้ว่าการสร้างปราสาทของลูทวิชเกือบจะทำให้ราชวงศ์วิทเทลส์บัคหมดตัวแต่ลูทวิชไม่ได้ใช้เงินจากคลังของบาวาเรียมาสร้าง [23] และสิ่งที่น่าคิดก็คือแม้ว่าการสร้างปราสาทของลูทวิชเป็นการทำลายเศรษฐกิจส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นการนำมาของการสูญเสียราชบัลลังก์และความหายนะต่อพระองค์เอง แต่ในปัจจุบันปราสาทที่ทรงสร้างทุกปราสาทกลับกลายมาเป็นสิ่งที่รู้จักกันและเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่เฉพาะจากเยอรมนีเองเท่านั้นแต่จากทั่วโลกและแป็นสิ่งหนึ่งทำเงินให้บาวาเรียมากที่สุด

ลูทวิชและศิลปะ

พระเจ้าลูทวิชทรงเป็นผู้อุปถัมภ์คีตกวีริชชาร์ท วากเนอร์ และทรงสละพระราชทรัพย์เพื่อช่วยในการสร้างโรงอุปรากรบายรอยท์ เป็นที่เชื่อกันว่าถ้าวากเนอร์ไม่ได้รับการอุปถัมภ์จากลูทวิชก็คงไม่ได้เขียนแหวนแห่งนิเบลลุงเก็นจนจบ ซึ่งเป็นโอเปร่าชิ้นสำคัญที่สุดของวากเนอร์ หรือพาร์ซิฟาล (Parsifal) ซึ่งเป็นโอเปร่าชิ้นสุดท้าย

ปราสาทของลูทวิช

ปราสาทนอยชวานชไตน์ คริสต์ทศศควรรษ 1890ลินเดอร์โฮฟพระราชวังเฮเรินคีมเซ

พระเจ้าลูทวิชทรงมีความสนพระทัยในการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ซึ่งอาจจะทรงได้มาจากพระเจ้าลูทวิชที่ 1 พระอัยยิกาผู้เป็นผู้สร้างมิวนิกใหม่เกือบทั้งหมดจนเป็นที่รู้จักกันในนาม “เอเธนส์บนฝั่งแม่น้ำอิซาร์” พระเจ้ามัคซีมีลีอานที่ 2 พระบิดาทรงดำเนินการสร้างมิวนิกต่อและทรงก่อสร้างปราสาทโฮเอินชวังเกา ซึ่งเป็นปราสาทที่ลูทวิชใช้เวลาส่วนใหญ่เมื่อยังทรงพระเยาว์ ที่อยู่ไม่ใกลจากนอยชวานชไตน์ของลูทวิชที่ 2 ที่มาสร้างทีหลัง ลูทวิชทรงวางแผนที่จะสร้างโรงละครโอเปร่าใหญ่บนฝั่งแม่น้ำอิซาร์ที่มิวนิก แต่แผนถูกยับยั้งโดยรัฐบาลบาวาเรีย[24] ลูทวิชจึงทรงนำผังเดียวกันนั้นไปสร้างโรงละครที่เบย์รึทด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์

หลังจากสวรรคตลูทวิชทรงทิ้งผังการออกแบบสำหรับปราสาทอื่นๆ ที่ยังไม่ได้สร้างไว้มาก รวมทั้งผังสำหรับห้องต่างๆ ในปราสาทที่สร้างเสร็จแล้ว ผังเหล่านี้ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูทวิชที่ 2 ที่พระราชวังเฮเรินคีมเซ ผังเหล่านี้ออกแบบในปลายรัชสมัยของลูทวิชราวปี ค.ศ. 1883 และออกแบบในขณะที่พระราชทรัพย์เริ่มร่อยหลอลง สถาปนิกทราบว่าในเมื่อไม่มีทางที่จะสร้างปราสาทเหล่านี้ได้จึงได้ออกแบบกันอย่างหรูหราพิสดารโดยไม่ต้องคำนึงถึงงบประมาณ

สิ่งก่อสร้างโดยพระเจ้าลูทวิช:

  • สวนฤดูหนาว, มึนชเนอร์เรซิเดนซ์ กลางเมืองมิวนิก - เป็นสวนที่หรูหราสร้างบนหลังคาวัง ประกอบด้วยทะเลสาบเทียม, สวน และจิตรกรรมฝาผนัง สวนมีหลังคาคลุมที่ทันสมัยทำด้วยโลหะและแก้ว[25] หลังจากลูทวิชสวรรคตสวนก็ถูกรื้อทิ้งในปี ค.ศ. 1897 เพราะน้ำจากทะเลสาบเทียมรั่วลงมาห้องข้างล่าง จากรูปถ่ายที่หลงเหลืออยู่แสดงถึงสิ่งก่อสร้างที่เต็มไปด้วยจินตนาการที่น่าทึ่งรวมทั้งถ้ำและศาลาแบบมัวร์, กระโจมแบบอินเดีย, และสายรุ้งส่องแสงและพระจันทร์[26] [27]
  • ปราสาทนอยชวานชไตน์ - หรือปราสาทหงส์หินใหม่เป็นปราสาที่สร้างตามแบบป้อมโรมาเนสก์ผสมไบแซนไทน์ ภายในเป็นแบบโรมาเนสก์และกอธิคสร้างเหนือปราสาทโฮเอินชวังเกาของพระราชบิดา ภายในเป็นจิตรกรรมฝาผนังจากโอเปราของวากเนอร์ รูปสัญลักษณ์ส่วนใหญ่เป็นการสรรเสริญความเกียรติศักดิ์อย่างคริสเตียนและความรักอันบริสุทธิ์ซึ่งอาจจะเป็นสี่งที่ช่วยให้ลูทวิชยึดมั่นใน อุดมคติของความเป็นคริสเตียน ปราสาทนี้ยังสร้างไม่เสร็จเมื่อลูทวิชสวรรคต ผู้ชมสามารถเข้าชมบริเวณที่พักอาศัยของลูทวิช, ห้องมหาดเล็ก, ห้องครัว และท้องพระโรงใหญ่ภายในปราสาทได้ แต่ตัวบัลลังก์ยังทำไม่เสร็จแต่แบบที่ออกแสดงให้เห็นถึงภาพถ้าสร้างเสร็จ [28] ปราสาทนอยชวานชไตน์เป็นสัญลักษณ์ของเยอรมนีที่เป็นที่รู้จักกันดีสัญลักษณ์หนึ่ง และถูกนำไปใช้เป็นแบบอย่างในการสร้างปราสาทเจ้าหญิงนิทราของดิสนีย์แลนด์
  • ลินเดอร์โฮฟ - เป็นวังแบบโรโคโคแบบฝรั่งเศสพร้อมทั้งสวนแบบภูมิทัศน์ ในบริเวณสวนมีถ้ำวินัสซึ่งเป็นใช้เป็นที่แสดงโอเปร่าในขณะที่ลูทวิชนั่งเรือรูปหอยบนผิวน้ำในทะเลสาบใต้ดินที่ส่องสว่างด้วยไฟฟ้าซึ่งเป็นของใหม่ในสมัยนั้น แสงไฟสามารถเปลี่ยนจากแดงเป็นน้ำเงิน นอกจากนั้นก็มีกระท่อมคนตัดไม้ที่ทำจากต้นไม้เทียม รูปสัญลักษณ์ที่ใช้ตกแต่งภายในแสดงให้เห็นถึงความสนใจของลูทวิชในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของฝรั่งเศสโบราณ ทรงเห็นพระองค์เองว่าเป็น “Moon King” ซึ่งเป็นเหมือนเงาของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสผู้เป็น “Sun King” จากลินเดอร์ฮอฟลูทวิชชอบเล่นรถลากเลื่อนอย่างหรูหราบนหิมะกลางแสงจันทร์ รถลากเลื่อนมาจากคริสต์ศตวรรษ 18 พร้อมด้วยมหาดเล็กในเครื่องทรงจากคริสต์ศตวรรษเดียวกัน และเป็นที่ทราบกันว่าทรงหยุดทักทายกับชาวบ้านที่พบระหว่างทางซี่งทำให้เป็นที่ชื่นชมของประชาชน ปัจจุบันรถลากเลื่อนคันนี้ตั้งแสดงอยู่ที่พิธภัณฑ์รถม้าในวังนึมเฟินบวร์คที่มิวนิก นอกจากนั้นลินเดอร์ฮอฟยังมีศาลาแบบมัวร์
  • พระราชวังเฮเรินคีมเซ - ตั้งอยู่ที่เกาะเฮเรินกลางทะเลสาบเคียมเซ สร้างตามแบบส่วนกลางของพระราชวังแวร์ซายส์ที่ฝรั่งเศสที่มีพระประสงค์จะสร้างให้เด่นและดีกว่าแวร์ซายส์ทั้งขนาดและความหรูหรา แต่สร้างไม่เสร็จเพราะขาดกำลังเงิน นักท่องเที่ยวฝรั่งเศสมักจะมาชมบันไดทูต (Ambassador's staircase) เพราะบันไดทูตที่แวร์ซายส์ถูกริ้อทิ้งในปี ค.ศ. 1752[29]
  • ลูทวิชทรงตกแต่งตำหนักเคอนิกอัมชาเค็น (Königshaus am Schachen) เป็นแบบอาหรับรวมทั้งบัลลังก์นกยูง มีข่าวลีอว่าเมื่อทรงมีงานเลี้ยงหรูหราที่นี่ลูทวิชก็จะนอนเอนอย่างสุลต่านตุรกีล้อมรอบด้วยผู้รับใช้หน้าตาดีที่นุ่งน้อยห่มน้อย
  • ปราสาทฟอลเคนชไตน์ (Castle Falkenstein) – ทรงซื้อซากปราสาทซึ่งเป็นที่ตั้งปราสาทที่สูงที่สุดในเยอรมนีและมีพระราชประสงค์ที่จะสร้างปราสาทใหม่ตามแผนที่วาดโดยของคริสทีอัน ยังค์ ที่จะเป็นแบบเทพนิยายที่ยิ่งไปกว่านอยชวานชไตน์ตั้งอยู่บนผาเหนือนอยชวานชไตน์ แต่ก็สร้างไม่เสร็จ

ใกล้เคียง

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระเจ้าอโศกมหาราช พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ