ประวัติ ของ พังก์ร็อก

นิวยอร์ก

คลับ CBGB ในนิวยอร์ก

ต้นกำเนิดของนิวยอร์กพังก์สามารถสืบต้นตอไปถึงปลายยุคทวรรษที่ 1960 กับวัฒนธรรมขยะ และ ต้นยุคทวรรษที่ 1970 กับการเคลื่อนไหวของอันเดอร์กราวนด์ร็อก มีจุดศูนย์กลางอยู่แถว เมอร์เซอร์ อาร์ทส เซ็นเตอร์ ใน กรีนิช วิลเลจที่ที่ นิวยอร์ก ดอลส์ได้แสดง[34] ในปี 1974 CBGB ได้กลายเป็นสถานที่ประจำของวงดนตรีที่เล่นเพลงเสียงดัง ๆ และดนตรีที่ซับซ้อน ริชาร์ด เฮลล์ได้ริเริ่มรูปแบบการแต่งตัวแบบ แจ็คเก็ตหนัง เสื้อทีเชิร์ตขาดๆ กางเกงขาสั้น ทรงผมที่ดูสกปรก[35]

ต้นปี 1975 เฮลล์ได้เขียนเพลง Blank Generation โดยได้บันทึกเสียงกับวงใหม่ เดอะ วอยดอยด์ส ที่ออกวางขายในปี 1976[36]เดือน สิงหาคม 1975 บลอนดีย์ได้ออกซิงเกิล Little Johnny Jewel คำวิจารณ์ของ จอห์น วอล์กเกอร์อธิบายว่า "นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเพลงในนิวยอร์ก"[37] อีกคนนึงที่เล่นประจำที่คลับนี้คือ แพตติ สมิธ ที่ได้พัฒนาในรูปแบบของผู้หญิง อัลบั้มแรกคืออัลบั้ม Horses ที่โปรดิวซ์โดย จอห์น เคล ออกวางจำหน่ายเดือนพฤศจิกายน 1975[38]

ไซร์เออเรเคิดส์ ได้ออกแผ่นแรกกับ เดอะราโมนส์ ซิงเกิล Blitzkrieg Bop ถือเป็นการเปิดตัวของพังก์อย่างเป็นทางการ ออกวางขายช่วงเดือนธันวาคม[39] และมีนิตยสารใหม่ๆเกิดขึ้นพร้อมกับศิลปินอย่าง เวลเว็ต อันเดอร์กราวนด์ ,เดอะ สตูกส์ และ นิวยอร์ก ดอลลส์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ CBGB และ แม็กซ์ แคนซัส ซิตี้ มีศิลปินเช่น เดอะราโมนส์, เทเลวิชัน (Television), เดอะฮาร์ตเบรกเกอร์ส (The Heartbreakers), แพตตี สมิธ (Patti Smith), บลอนดี (Blondie), ทอล์กกิงเฮดส์ (Talking Heads) และอื่นๆ[40] คำว่าพังก์เริ่มเป็นที่รู้จักทั่วไป ริชาร์ด เฮลล์ได้ริเริ่มลักษณะเฉพาะตัวขึ้นมา[41]

สหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย

ตัวอย่างเสียงของ เซ็กซ์พิสทอลส์

หลังจากที่ได้ทำงานจัดการกับวงนิวยอร์กดอลส์ (New York Dolls) ในระยะเวลาสั้นๆ มาลคอล์ม แม็คลาเรน (Malcolm McLaren) ได้กลับมาลอนดอนเดือนพฤษภาคม 1975 เขาได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เขาเห็นใน CBGB โดยเขาได้เปิดร้าน SEX (ร่วมกับวิเวียน เวสต์วูด) ร้านเสื้อผ้าที่ปฏิวัติวงการแฟชั่น ขายเสื้อผ้าขาดๆ เครื่องห้อยต่างๆ ชุดหนังต่างๆ โดยต่อมาได้รับความนิยมในหมู่พังก์[42] เขาก็ได้มีส่วนร่วมกับวงเดอะสแวงเกอส์ (The Swankers) ที่ต่อมาคือวง เซ็กซ์พิสทอลส์

4 กรกฎาคม ค.ศ. 1976 วงเดอะ ราโมนส์และเดอะ สเตรนเจอร์ส ได้เปิดคอนเสิร์ตที่ราวด์เฮาส์ในลอนดอน โดยมีผู้ชมร่วม 2 พันคน[43] คืนต่อๆมา สมาชิกวงเซ็กซ์ พิสทอลส์ และเดอะ แคลช ได้ร่วมคอนเสิร์ตกับวงเดอะราโมนส์[44] คอนเสิร์ตเหล่านี้เป็นจุดสำคัญของวงการพังก์ร็อกในอังกฤษที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น[45] หลายเดือนผ่านไปมีวงพังก์เกิดขึ้นอีกหลายวง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวงเซ็กซ์ พิสทอลส์[46] ในลอนดอนได้เกิดวงอย่าง เดอะแดมน์ (The Damned), เดอะ ไวเบรเตอส์ (The Vibrators), เดอะสลิตส์ (The Slits), เอกซ์-เรย์ สเป็กซ์ (X-Ray Spex), ซูซีแอนด์เดอะแบนชีส์ (Siouxsie and the Banshees), อีตเตอร์ (Eater), เดอะ ซับเวอร์วิฟส์ (The Subversives), ดิแอดเวิร์ตส์ (The Adverts), และในย่านเชลซีมีวงเกิดอย่าง เจเนอเนอเรชันเอกซ์ (Generation X) และวง แชม 69 (Sham 69) ก็เริ่มต้นทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง เฮอร์แชม (มณฑลเซอร์รีย์) ส่วนในแมนเชสเตอร์ เกิดวงอย่าง เดอะบัซค็อกส์ (The Buzzcocks) ที่ต่อมาคือวง วอร์ซอว์ (Warsaw) และจอยดิวิชัน (Joy Division) ที่หลายๆที่ในอังกฤษ วงเหล่านี้ได้ทดลองดนตรีทดลอง และมีหลายวงอย่าง เดอะแจม (The Jam), ค็อก สปาร์เรอร์ ก็ได้ลองมาสู่กระแสพังก์

คลินตัน เฮย์ลิน นักเขียนคอลัมน์ร็อกได้อธิบายไว้ว่า "วงแกล็มเหล่านี้ได้รับอิทธิพลของวัยรุ่นต้นยุคทศวรรษที่ 1970 อย่าง ที. เร็กซ์ (T.Rex), สเลด (Slade) และ ร็อกซีมิวสิก (Roxy Music)[47]

ในขณะที่พังก์ได้เข้าถึงสหราชอาณาจักร เช่นเดียวกับวงการใต้ดินในออสเตรเลีย

กลับมาสู่ที่อังกฤษ เพลง Anarchy in the U.K. โดยเซ็กซ์ พิสทอลส์ ขึ้นชาร์ทในเดือน กันยายน 1976 และวงเดอะ เซนต์ เป็นวงพังก์วงแรกที่ไม่ใช่วงจากอเมริกาที่ออกขายซิงเกิล คือเพลง (I'm) Stranded[48] ทางฝั่งออสเตรเลีย ที่เพิร์ธ วงพังก์อย่าง ชีพ นาสตีส์ได้เริ่มฟอร์มวง

เดอะแดมน์ (The Damned) เป็นวงพังก์จากอังกฤษวงแรกที่ออกซิงเกิลโดยออกเพลง New Rose[49]ต่อมาเซ็กซ์พิสทอลส์ (Sex Pistols), เดอะแคลช (The Clash), เดอะแดมน์ และ เดอะฮาร์ตเบรกเกอส์ (The Heartbreaker) ได้รวมกันออกทัวร์ที่ชื่อว่า Anarchy Tour แสดงคอนเสิร์ตทั่วสหราชอาณาจักร โดยหลายที่ในทัวร์ถูกยกเลิกไปเนื่องจากสื่อได้วิจารณ์ในแง่ร้าย[50]

คลื่นลูกถัดไป

วงมิสฟิตส์ (The Misfits) ในปี 1979

ในขณะที่กระแสพังก์ร็อกได้แพร่ขยายอย่างรวดเร็วในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ช่วงปี 1976 โดยในปี 1977 วงรุ่นใหม่ได้รับความนิยมทั้งในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และ แคนาดา กระแสนิยมอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ มีการจัดการอย่างกระตือรือร้นโดย เจ้าของคลับ ผู้จัดคอนเสิร์ต ในสถานที่ต่างๆอย่าง โรงเรียน โรงรถ โกดังเก็บของ มีการโฆษณาโดยใช้ใบปลิว ใบปิด นิตยสารสำหรับแฟนเพลง เป็นลักษณะแบบ D.I.Y (do-it-yourself) ซึ่งต่อต้านการค้าแบบธุรกิจ[51]

ความแพร่หลายของแคลิฟอร์เนียพังก์เริ่มขึ้นและพัฒนาในช่วงต้นปี 1976 มีวงอย่าง เดอะเวียโดส (The Weirdos), เดอะดิลส์ (The Dils), เดอะสครีมเมอส์ (The Screamers), เดอะดิกกีส์ (The Dickies), เอกซ์ (X), เดอะโก-โกส์ (The Go-Go's), เดอะซีโรส์ (The Zeros) และ เดอะแบกส์ (The Bags) จากเมื่องลอสแอนเจลิส[52] และพังก์ได้เติบโตในซานฟรานซิสโก, วอชิงตัน ดี.ซี. ส่วนในนิวยอร์กที่ที่เป็นต้นกำเนิดของพังก์ มีความนิยมในแนวย่อยใหม่อย่าง "โนเวฟ" แต่วงดั้งเดิมอย่าง เดอะราโมนส์ ก็คงยังเล่นอยู่ ในนิวเจอร์ซีย์ วงมิสฟิตส์ ได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงนั้น โดยในปี 1978 ได้พัฒนาแนวทางจนเป็นที่รู้จักกันในแนว ฮอร์เรอร์พังก์ ในแคนาดา ได้กำเนิดวงพังก์อีกมากมาย เช่น เดอะดีมิกซ์ (The Demics), เดอะโกเวอร์เมนต์ (The Government) เป็นต้น

ในช่วงปี 1978-79 ฮาร์ดคอร์พังก์ได้เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียใต้และวอชิงตัน ดีซี ฮาร์คอร์พังก์มีลักษณะดนตรีแบบใหม่ที่ดูวัยรุ่นกว่า นิยมในหมู่ชานเมือง ต่อต้านพวกปัญญาชน และรุนแรงยิ่งกว่า ในลอสแอนเจลิส พังก์เป็นที่รู้จักในชื่อ ฮอลลีวูดพังก์ และ บีชพังก์ โดยเป็นที่นิยมในแถบเซาธ์เบย์ และ ออเรนจ์ เคาน์ตี[53] และด้วยความโดนเด่นของฮาร์ดคอร์พังก์ วงแคลิฟอร์เนียพังก์เริ่มที่จะกลับมาทำฮาร์ดคอร์พังก์ เช่นวงเดอะ โก-โกส์ และ เอกซ์ ซึ่งประสบความสำเร็จในกระแสหลัก[54]

พังก์ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในกระแสเพลงใต้ดินในอเมริกาเหนือและออสเตรเลียในช่วงยุคทศวรรษที่ 70 ในสหราชอาณาจักรพังก์ในอังกฤษมีความหลากหลายมากขึ้น และเข้าสู่กระแสหลัก[55] วงเดอะ แคลชกับอัลบั้มแรก สามารถขึ้นชาร์ทอันดับที่ 12 ในเดือนพฤษภาคม 1977 วงเซ็กซ์พิสทอลส์ มีซิงเกิลฮิตอันดับ 2 คือเพลง God Save the Queen และมีวงหลายๆวงเกิดขึ้น ในชื่อที่เป็นที่รู้จักในแนว "สตรีตพังก์" ความหลากหลายของเพลงขยายไปมากขึ้นโดยมีการใช้เครื่องดนตรีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น วงรุ่นใหม่หลายๆวงใช้เครื่องสังเคราะห์เสียง[56] วงเดอะแคลชได้นำเพลง Police and Thieves มาทำใหม่ในสไตล์จาไมกา เร้กเก้[57] ส่วนวงยุคแรกๆอย่าง เดอะสลิตส์ และ เดอะโพลิส (The Poilice) ได้ทำเพลงผสมพังก์ในสไตล์เร้กเก้และสกา เป็นเพลงรูปแบบใหม่ ในชือแนว "ทูโทน" อย่างเช่นวง เดอะสเปเชียลส์ (The Specials), เดอะ บีท (The Beat), แมดเนสส์ (Madness) เป็นต้น[58]

ในเยอรมนีตะวันตก วงไอดีล (Ideal), เอกซ์ตราบรีต (Extrabreit) และ นีนา (Nena) ได้รับความนิยมในเพลงกระแสหลัก ส่วนในฝรั่งเศส ศิลปินแนวพรี-พังก์อย่าง ลู รีดได้เรียกตัวเองว่า les punk[59] พังก์ยังได้รับความนิยมในประเทศอื่นๆอย่าง เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, สวิตเซอร์แลนด์ และ สวีเดน

แหล่งที่มา

WikiPedia: พังก์ร็อก http://www.aijac.org.au/review/2000/258/sounds.htm... http://www.cbc.ca/arts/music/guitarsolos.html http://punkmusic.about.com/od/artistprofiles/p/buz... http://www.allmusic.com/explore/essay/ http://www.allmusic.com/explore/style/post-punk-d2... http://www.allmusic.com/explore/style/punk-d204 http://www.associatedcontent.com/article/11459/10_... http://www.distortedmagazine.com/ http://www.fastnbulbous.com/punk.htm http://flipsidefanzine.com/PortalHome.html