พังก์ยุคใหม่ ของ พังก์ร็อก

ออลเทอร์นาทิฟร็อก

โซนิกยูทในปี ค.ศ. 2005

วงพังก์ร็อกใต้ดินเกิดขึ้นมาด้วยนับไม่ถ้วน ทั้งเกิดขึ้นมาโดยซาวด์ดนตรีแบบพังก์และได้ประยุกต์ในเจตนารมณ์ของ DIY สู่ความแตกต่างหลากหลายของดนตรี จนกระทั่งต้นยุคทศวรรษที่ 1980 วงในสหราชอาณาจักรอย่างนิวออร์เดอร์ (New Order) และ เดอะเคียว (The Cure) ได้พัฒนาดนตรีรูปแบบใหม่โดยยึดหลักจากแนวโพสต์พังก์และนิวเวฟ ส่วนในอเมริกาวงอย่าง ฮุสเกอร์ดุ (Hüsker Dü) และวงที่ตามมาอย่าง เดอะรีเพลซเม็นส์ (The Replacements) ได้เชื่อมช่องว่างระหว่างแนวพังก์อย่างฮาร์ดคอร์และดนตรีที่ตอนนั้นเรียกว่า คอลเลจร็อก[83]

ในปี ค.ศ. 1985 นิตยสารโรลลิ่งสโตนได้เขียนเกี่ยวกับวงอย่าง แบล็กแฟล็ก (Black Flag), ฮุสเกอร์ดุ, มินิตเม็น (Minutemen) และเดอะรีเพลซเม็นส์ ว่า "วงพังก์ดั้งเดิมได้ผ่านไปแล้ว วงพังก์ร็อกอเมริกันที่ดีที่สุดได้เข้ามาแทน พวกเขาได้รู้จักว่าการเล่นดนตรีเป็นอย่างไร และได้ค้นพบเมโลดี้ การโซโล่กีตาร์ และเนื้อเพลงที่มีอะไรมากไปกว่าการตะโกนคำขวัญทางการเมือง"[84] โดยช่วงสิ้นสุดทศวรรษที่ 1980 วงเหล่านี้ได้แปลเปลี่ยนมาเป็นออลเทอร์นาทิฟร็อก โดยออลเทอร์นาทิฟร็อกได้รวมความหลากหลายของสไตล์ อย่าง อินดี้ร็อก, โกธิกร็อก, กรันจ์ และอื่น ๆ ทำให้เป็นหนึ่งเดียวกันโดยอยู่ในต้นแบบของพังก์ร็อกสู่กระแสนิยมทางด้านดนตรี[85]

วงออลเทอร์นาทิฟอย่าง โซนิกยูท (Sonic Youth) ที่ได้โตขึ้นจากแนวโนเวฟ และวงจากบอสตันอย่างพิกซี่ ได้เริ่มมีกลุ่มคนฟังที่กว้างขวางขึ้น[86] ในปี 1991 วงเนอร์วานา (Nirvana) ได้เกิดขึ้นในกระแสของเพลงแนวกรันจ์ และได้ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจกับอัลบั้มที่ 2 ของพวกเขา Nevermind เนอร์วาน่าได้สดุดีว่าพังก์เป็นอิทธิพลสำคัญของดนตรีพวกเขา[87] เคิร์ต โคเบนนักร้องนำวงเนอร์วาน่าได้เขียนไว้ว่า "พังก์คือดนตรีที่อิสระ มันพูด กระทำ และเล่นในสิ่งที่คุณต้องการ"[88] การประสบความสำเร็จขอวงเนอร์วาน่าได้เป็นตัวกระตุ้นให้กระแสอัลเทอร์เนทีฟร็อกดังขึ้นมา และได้เป็นส่วนหนึ่งของแนวดนตรีที่ได้รับความนิยมในทศวรรษที่ 1990 ด้วย[89]

เควียร์คอร์ (Queercore) และไรออตเกิร์ล (riot grrrl)

ในทศวรรษที่ 1990 วงพังก์บางวงมีสมาชิกเป็นเกย์ อย่างเช่น ฟิฟธ์ คอลัมน์ (Fifth Column), ก็อดอีสมายโคไพล็อต (God Is My Co-Pilot), แพนซีดิวิชัน (Pansy Division), ทีมเดร็ช (Team Dresch) และ ซิสเตอร์จอร์จ (Sister George) พวกเขาได้พัฒนาเพลงแนวเควียร์คอร์ ถึงแม้ว่าจะมีต้นกำเนิดมาจากพังก์ แต่ก็แพร่ขยายไปในแนวดนตรีที่หลากหลาย อย่างฮาร์ดคอร์, อินดี้ร็อก, พาวเวอร์ป็อป, โนเวฟ, น็อยส์, เอกซ์เพอร์ริเม็นทอล และ อินดัสเทรียล เนื้อเพลงของเควียร์คอร์ มักจะเกี่ยวกับ ความอคติ, อัตลักษณ์ทางเพศ, สิทธิส่วนบุคคล โดยอาจกล่าวทั้งในทางขบขันหรือกิริยาท่าทางที่จริงจัง

ในปี ค.ศ. 1991 คอนเสิร์ต Love Rock Revolution Girl Style Now ที่จัดขึ้นในโอลิมเปีย,วอชิงตัน ได้ประกาศการเกิดขึ้นของเพลงแนว riot grrrl[90] ศิลปินที่มาร่วมงาน รวมถึงวงหลายวงที่มีผู้หญิงเป็นแกนนำอย่าง บิกินิคิล (Bikini Kiss), แบรตโมบายล์ (Bratmobile) และ เฮฟเวนส์ทูเบ็ตซี (Heavens to Betsy)

นักร้องนำวงบิกินิคิล ชื่อแคธลีน ฮานนา เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเพลงแนว riot grrrl ซึ่งต่อมาได้เข้าทำงานในแนวอิเล็กโทรอาร์ตพังก์กับวง เลอทิกร์ (Le Tigre) ส่วนมือกีตาร์วงเฮฟเวนส์ทูเบ็ตซี ชื่อ โคริน ทักเกอร์ และ แคร์รีย์ บราวสไตน์ จากวง เอกซ์คิวส์ 17 (Excuse 17) ต่อมาทั้งคู่ได้ร่วมกันตั้งวงอินดี้ร็อก/พังก์ ชื่อ สลีทเทอร์-คินนีย์ (Sleater-Kinney)

อีโม

คำว่าอีโมได้เคยถูกอธิบายเป็นหนึ่งในแนวย่อยของฮาร์ดคอร์พังก์ ที่มีต้นกำเนิดในวอชิงตันดีซีในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 คำว่าอีโมมีที่มาจากข้อเท็จจริงที่สมาชิกในวง บางครั้งจะใส่อารมณ์ (emotional) ในการแสดง สังเกตได้จากวงอีโมในยุคแรกๆอย่าง ไรตส์ออฟสปริง (Rites of Spring), เอ็มเบลซ (Embrace) และ วันลาสต์วิช (One Last Wish) คำว่า อีโม ย่อมาจาก Emotional Hardcore เน้นการแสดงสดที่เน้นถึงอารมณ์และความรู้สึก แต่แตกต่างจากฮาร์ดคอร์ เนื่องจาก เนื้อหาในสัดส่วนของอีโมร็อกนั้น เน้นสำรวจความรู้สึกภายในจิตใจของตัวเอง มากกว่าวนเวียนก่นด่าถึงสิ่งที่อยู่รอบข้างตัวเอง โดยในช่วงทศวรรษที่ 90 มีวงอีโมเกิดขึ้นมาโดยเฉพาะจากย่านมิดเวสต์หลายวง ไม่ว่าจะเป็น เดอะ เก็ต อัพ และ จิมมี อีท เวิลด์ ที่ได้รับอิทธิพลมาแบบเต็ม ๆ จากวงรุ่นพี่อย่าง ฟูกาซิ (Fugazi)[91]

วงอย่าง ซันนี่เดย์เรียลเอ็สเตต (Sunny Day Real Estate) และ เท็กซัสอีสเดอะรีซัน (Texas Is the Reason) ได้แสดงเพลงอินดี้ร็อกในรูปแบบของอีโม ที่มีรูปแบบเพลงที่เป็นเมโลดี้มากขึ้น และลดความยุ่งเหยิงลงกว่าอีโมก่อนหน้านี้ วงแอนทอยช์แอร์โรว์ (Antioch Arrow) เล่นเพลงอีโมที่รุนแรงขึ้น ที่ต่อมารู้จักกันในชื่อ "สครีโม่" แฟนเพลงอันเดอร์กราวด์หลายคนอ้างว่าวงอีโมในปัจจุบันแทบไม่มีคุณสมบัติของพังก์เลย[92]

พังก์รีไววัล

ดิ ออฟสปริง ปี ค.ศ. 2001

ในยุคเดียวกับเนอร์วาน่า วงอัลเทอร์เนทีฟร็อกหลายวงในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ได้ตอบรับกระแสพังก์ ได้ช่วยให้พังก์ร็อกได้ฟื้นคืนชีพ ในปี ค.ศ. 1994 วงพังก์ร็อกจากแคลิฟอร์เนียอย่าง กรีนเดย์ (Green Day), ดิออฟสปริง (The Offspring), แรนซิด (Rancid) และ แบดรีลิเจียน (Bad Religion) เป็นตัวสำคัญของความสำเร็จด้วยการช่วยเหลือจากเอ็มทีวีและสถานีวิทยุที่โด่งดังอย่าง KROQ-FM[93] ถึงแม้ว่ากรีนเดย์และแบดรีลิเจียนจะอยู่ในสังกัดค่ายเพลงใหญ่ก็ตาม การประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างมากของกรีนเดย์และดิออฟสปริง ได้ปูทางให้ศิลปินแนวป็อปพังก์อย่างวง บลิงก์-182 (Blink-182), ซิมเพิลแพลน (Simple Plan), กู้ดชาร์ลอตต์ (Good Charlotte) และ ซัม 41 (Sum 41)

วงจากบอสตัน ไมตีไมตีบอสสโตนส์ (Mighty Mighty Bosstones) และวงแนวสกาพังก์จากแคลิฟอร์เนีย วงซับไลม์ (Sublime) ได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 ซึ่งต่อมาวงสกาพังก์อย่าง รีลบิกฟิช (Reel Big Fish) และเลสแดนเจค (Less Than Jake) ก็ได้ได้การตอบรับที่ดีจากแฟนเพลงในยุค 2000 วงอื่นที่มีรากมาจากฮาร์คอร์พังก์ อย่าง เอเอฟไอ (AFI) มีเพลงขึ้นชาร์ตในยุค 2000 วงเคลติกพังก์ อย่างวง ฟล็อกกิงมอลลี (Flogging Molly) และ ดร็อปคิกเมอร์ฟีส์ (Dropkick Murphys) ได้รวมแนวเพลง Oi! เข้าไปด้วย

การเกิดใหม่ของพังก์เห็นได้ชัดว่า ว่ากลุ่มคนที่ฟังพังก์ได้เข้าสู่กระแสหลัก[94] ซึ่งก็มีแฟนเพลงพังก์หลายคนได้ต่อต้านการเกิดเช่นนี้ อย่างความโด่งดังของวง ซัม 41 และ บลิงก์-182[95]

แหล่งที่มา

WikiPedia: พังก์ร็อก http://www.aijac.org.au/review/2000/258/sounds.htm... http://www.cbc.ca/arts/music/guitarsolos.html http://punkmusic.about.com/od/artistprofiles/p/buz... http://www.allmusic.com/explore/essay/ http://www.allmusic.com/explore/style/post-punk-d2... http://www.allmusic.com/explore/style/punk-d204 http://www.associatedcontent.com/article/11459/10_... http://www.distortedmagazine.com/ http://www.fastnbulbous.com/punk.htm http://flipsidefanzine.com/PortalHome.html