การติดกาเฟอีน ของ ภาวะพิษกาเฟอีน

การติดกาเฟอีนทางกายหรือทางใจสามารถเกิดขึ้นเป็นผลจากการบริโภคมากเกินไปในการสัมภาษณ์ ศ.โรแลนด์ กริฟฟิธส์ ในแผนกจิตเวชและประสาทวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปคินส์ได้กล่าวว่า งานวิจัยหลายงานได้แสดงว่า ผู้ที่บริโภคกาเฟอีนอย่างน้อย 100 มิลลิกรัมต่อวัน (ประมาณ 1 ถ้วย)สามารถเกิดการติดทางกายซึ่งสามารถนำไปสู่อาการขาดยารวมทั้งความปวดหัว ความเจ็บปวดและความตึงแน่นของกล้ามเนื้อ ภาวะง่วงงุน (lethargy) คลื่นไส้ อาเจียน อารมณ์ซึมเศร้า และความหงุดหงิด[4] ศ. กริฟฟิธส์เชื่อมั่นว่า การขาดกาเฟอีนควรจะจัดเป็นโรคทางจิตวิทยา[4] ตามงานวิจัยของเขา อาการขาดกาเฟอีนจะเกิดขึ้นภายใน 12-24 ช.ม. หลังจากเลิกบริโภค และสามารถเป็นอยู่ได้นานถึง 9 วัน[5] การรับกาเฟอีนเข้าไปเรื่อย ๆ จะทำให้ร่างกายสร้างหน่วยรับความรู้สึกของ adenosine เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในระบบประสาทกลางซึ่งทำให้เกิดความไวต่อผลของสาร adenosine ขึ้นโดยสองด้านด้านแรก จะทำให้ร่างกายดื้อต่อฤทธิ์กาเฟอีนด้านที่สอง จะทำให้อาการขาดกาเฟอีนรุนแรงขึ้นเพราะร่างกายจะไวต่อผลของ adenosine เพิ่มขึ้นเมื่อหยุดการบริโภคกาเฟอีนการดื้อกาเฟอีนสามารถเจริญขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

การดื้อต่อฤทธิ์ต้านการง่วงนอนของกาเฟอีนเห็นได้หลังจากการบริโภคที่ 400 มิลลิกรัม 3 ครั้งต่อวันติดต่อกัน 7 วัน และการดื้อกาเฟอีนอย่างสิ้นเชิงเห็นได้หลังจากการบริโภคที่ 300 มิลลิกรัม 3 ครั้งต่อวันติดต่อกัน 18 วัน[6]

"Caffeine Pharmacology." News Medical. http://www.news-medical.net/health/Caffeine-Pharmacology.aspx </ref>

ตาม Journal of Caffeine Research (วารสารงานวิจัยเกี่ยวกับกาเฟอีน) งานวิจัยหนึ่งพบว่ามีคนมากขึ้นที่ติดกาเฟอีน ซึ่งเป็นเหตุให้นักวิจัยพิมพ์บทความเตือนในหัวข้อ "Caffeine Use Disorder (โรคการใช้กาเฟอีน)"คือ งานวิจัยนี้ ที่เขียนร่วมโดยศาสตราจารย์จิตวิทยาของมหาวิทยาลัยอเมริกัน (American University) ลอรา จูเลียโน แสดงว่ามีคนจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับอาการขาดกาเฟอีนและไม่สามารถลดระดับการบริโภค จัดเป็น "ความผิดปกติในการบริโภคกาเฟอีน" ที่อยู่ในระดับรุนแรงศ. จูเลียโนได้ให้ความแก่สื่อว่า “มีความเข้าใจผิดทั้งในผู้เชี่ยวชาญและทั้งบุคคลอื่น ๆ ว่า ไม่ยากที่จะเลิกกาเฟอีนแต่ว่าในงานสำรวจประชากร ผู้บริโภคกาเฟอีนเป็นปกติ (ในชีวิตประจำวัน) มากกว่า 50 เปอร์เซนต์แจ้งว่า มีปัญหาในการเลิกหรือลดระดับการใช้กาเฟอีนผ่านงานวิจัยของเรา เราได้พบว่า คนที่ไม่สามารถเลิกหรือลดระดับการใช้กาเฟอีนโดยตนเองมีความสนใจที่จะรับการบำบัดจากมืออาชีพคล้ายกับการบำบัดที่บุคคลทั่วไปสามารถแสวงหาถ้าต้องการที่จะเลิกสูบบุหรี่หรือเลิกใช้ยาเส้น”ศ. จูเลียโนยังยืนยันอีกด้วยว่า เรามักจะมองข้ามผลลบจากกาเฟอีนเพราะว่า เป็น "ยาเสพติดที่สังคมยอมรับและมีการบริโภคอย่างกว้างขวาง ซึ่งได้ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมประเพณีและชีวิตประจำวันของเราแล้วเป็นอย่างดี"[7][8][9]

ใกล้เคียง

ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ ภาวะพิษกาเฟอีน ภาวะพิษจากเมทานอล ภาวะพหุสัณฐานของยีน ภาวะพร่องออกซิเจน ภาวะพร่องเอนไซม์ไรโบส-5-ฟอสเฟตไอโซเมอเรส ภาวะพหุสัณฐาน (ชีววิทยา) ภาวะพร่องออกซิเจนแบบไม่แสดงอาการ ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ภาวะพบร่วม PHACE

แหล่งที่มา

WikiPedia: ภาวะพิษกาเฟอีน http://washington.cbslocal.com/2014/01/29/experts-... http://www.health24.com/News/Do-you-have-caffeine-... http://news.nationalgeographic.com/news/2005/01/01... http://www.redorbit.com/news/health/1113057924/caf... http://apps.who.int/classifications/icd10/browse/2... http://www.news-medical.net/health/Caffeine-Pharma... //dx.doi.org/10.1001%2Fjama.1993.03510240085039 //dx.doi.org/10.1007%2Fs00213-004-2000-x //dx.doi.org/10.1007%2Fs002130100916 //dx.doi.org/10.1016%2F0165-0173(92)90012-B