วิวัฒนาการ ของ มนุษย์ที่มีกายวิภาคปัจจุบัน

สกุล Homo

ดูบทความหลักที่: โฮโม และ มนุษย์โบราณ

มนุษย์สกุล Homo ได้วิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษกลุ่ม australopithecine หลังจาก 3 ล้านปีก่อนเมื่อ Homo erectus ปรากฏในหลักฐานซากดึกดำบรรพ์ประมาณ 1.8 ถึง 1.3 ล้านปีก่อน โดยขนาดกะโหลกศีรษะได้เพิ่มขึ้นทวีคูณเป็น 850 ซม3[28] เชื่อกันว่า Homo erectus และ Homo ergaster เป็นมนุษย์ชนิดแรก ๆ ที่ใช้ไฟและเครื่องมือที่ซับซ้อนส่วนมนุษย์ปัจจุบันได้วิวัฒนาการมาจาก Homo heidelbergensis, Homo rhodesiensis หรือ Homo antecessor และเมื่อระหว่าง 100,000-50,000 ปีก่อนได้อพยพเข้าไปแทนที่กลุ่มมนุษย์ในเขตต่าง ๆ รวมกลุ่มมนุษย์ Homo erectus, Homo denisova, Homo floresiensis และ Homo neanderthalensis[29][30]

สปีชีส์ต่าง ๆ ของสายพันธุ์มนุษย์ (hominin) ตามลำดับกาลเวลาedit
แบบจำลองกำเนิดจากแอฟริกาเร็ว ๆ นี้[31]
แบบจำลองของวิถีการอพยพของมนุษย์ปัจจุบันแสดงบนแผนที่โลก ลูกศรแสดงการอพยพออกจากทวีปแอฟริกา ผ่านทวีปยูเรเชีย ไปสู่ทวีปออสเตรเลีย และทวีปอเมริกา ส่วนขั้วโลกเหนืออยู่ตรงกลาง แอฟริกาซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นอยู่ที่ข้างบนด้านซ้าย ส่วนอเมริกาใต้อยู่ขวาสุด ตัวเลขแสดงเป็นพันปีก่อนปัจจุบัน ดูเชิงอรรถเพื่อข้อมูลเพิ่มเติม

แบบจำลองกำเนิดมนุษย์หลัก ๆ

นักวิชาการปกติจะแสดงว่า มีแบบจำลองหลัก ๆ สองอย่างที่ใช้อธิบายเรื่องนี้คือ แบบจำลองกำเนิดจากแอฟริกาเร็ว ๆ นี้ (recent African origin) และวิวัฒนาการพร้อมกันหลายเขต (multiregional evolution)เรื่องอภิปรายรวมทั้งจำนวนครั้งที่มีการทดแทนประชากรหรือการผสมพันธุ์กันที่เกิดขึ้นในเขตต่าง ๆ นอกแอฟริกา เมื่อมนุษย์ หรือบรรพบุรุษมนุษย์ ได้อพยพเป็นคลื่น ๆ ออกจากแอฟริกาเพื่อตั้งถิ่นฐานในที่อื่น ๆ และความสำคัญโดยเปรียบเทียบของการอพยพครั้งหลัง ๆ เทียบกับครั้งก่อน ๆ

มุมมองกระแสหลักทางวิทยาศาสตร์ คือ แบบจำลองกำเนิดจากแอฟริกาเร็ว ๆ นี้ แสดงว่า ความหลากลายทางกรรมพันธุ์ของมนุษย์ปัจจุบันเกือบทั้งหมดทั่วโลก สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ที่มีกายวิภาคปัจจุบันผู้อพยพออกมาจากแอฟริกาแรกสุดเป็นแบบจำลองที่มีหลักฐานต่าง ๆ และจากหลายสาขาวิชารองรับ รวมทั้งซากดึกดำบรรพ์และงานวิจัยทางพันธุกรรมตำแหน่งโดยเฉพาะที่มนุษย์ปัจจุบันได้ปรากฏเป็นครั้งแรกยังไม่ชัดเจน แต่มติส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์โดยปี 2557 แสดงแหล่งกำเนิดจากแอฟริกาใต้สะฮารา

กลุ่มประชากรที่มีกรรมพันธุ์แปลกกว่าคนอื่นทั้งหมด ก็คือกลุ่มนักล่า-เก็บของป่าในแอฟริกาใต้งานวิจัยปี 2557 ที่ตรวจสอบ Mitochondrial DNA (mtDNA) ของโครงกระดูกที่มีอายุกว่า 2,000 ปีซึ่งเป็นของมนุษย์ก่อนที่กลุ่มประชากรปัจจุบันผู้พเนจรเลี้ยงสัตว์ในทุ่งหญ้า จะได้อพยพเข้ามาอยู่ในเขตนี้ได้พบว่า เป็นมนุษย์ที่สายพันธุ์ทางมารดาใกล้ชิดทาง mtDNA กับบรรพบุรุษต้นกำเนิดมนุษย์ปัจจุบันเพศหญิงที่เรียกว่า "Mitochondrial Eve"[32] ซึ่งสนับสนุนหลักฐานทางโบราณคดีและวิทยากระดูกที่แสดงว่า ในแอฟริกาใต้ มีกลุ่มมนุษย์หาอาหารทะเลที่มี mtDNA ของบรรพบุรุษหญิงโบราณของมนุษย์[33]และสนับสนุนมุมมองว่า มนุษย์ได้อพยพย้ายถิ่นฐานในเบื้องต้นทางทะเล[34]

ต้นไม้ Mitochondrial DNA ของมนุษย์
("Mitochondrial Eve"[32]อยู่เกือบบนสุด ติดกับลูกศรขาด ๆ ที่ชี้ไปที่ "Outgroup" โดยระยะห่างจากกลุ่มที่ไม่ใช่คนแอฟริกาเป็นตัวชี้ว่า สายพันธุ์ทางไมโทคอนเดรียของมนุษย์จะรวมตัวลงที่แอฟริกา)

โดยประวัติแล้ว นักวิชาการผู้คัดค้านแบบจำลองกระแสหลักนี้มักจะถูกกำหนดรวมประเภทว่า เป็นพวกเชื่อสมมติฐานแหล่งกำเนิดหลายเขต (Multiregional origin) ซึ่งมีการศึกษาตั้งแต่ต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 จนถึงทศวรรษ 2000[35]นักวิชาการเหล่านี้อ้างว่า มีสายพันธุ์ทางพันธุกรรมที่ไม่ได้สืบสายมาจากแอฟริกาจำนวนสำคัญ ที่ยังสืบต่อในที่ต่าง ๆ ของโลกทุกวันนี้ ผ่านการผสมพันธุ์กับมนุษย์ที่มีกายวิภาคปัจจุบัน[36]ตามรูปแบบต่าง ๆ ของแบบจำลองนี้ ประชากรกลุ่มต่าง ๆ ของโลกในปัจจุบันจะมีเชื้อสายทางพันธุกรรมที่มาจากมนุษย์ต้น ๆ อาจจนถึง Homo erectus

แต่ชุดข้อมูลทางมานุษยวิวัฒนาการพันธุศาสตร์[37]ให้น้ำหนักต่อแบบจำลองกำเนิดจากแอฟริกางานวิเคราะห์คนยุโรปปัจจุบันแสดงว่า ไม่มี mitochondrial DNA ตามสายของมารดาจากนีแอนเดอร์ทาล (ผู้อยู่โดยหลักในยุโรป) ที่ยังเหลืออยู่ในชาวยุโรปปัจจุบัน[38][39][40]

ส่วนงานหาลำดับจีโนมของมนุษย์กลุ่ม Denisovan เร็ว ๆ นี้ แสดงว่า มนุษย์ปัจจุบันอาจได้ผสมพันธุ์กับมนุษย์ Denisovanส่วนงานแสดงลำดับจีโนมปี 2553 ของโปรเจ็กต์จีโนมนีแอนเดอร์ทาลชี้ว่า มนุษย์ปัจจุบันหลังอพยพออกจากแอฟริกาแล้ว ได้ผสมพันธุ์กับมนุษย์โบราณในบางรูปแบบ (hybridization)ดีเอ็นเอของคนยุโรปและเอเชีย (คือ คนฝรั่งเศส คนจีน และคนปาปัว) ประมาณว่า 1-4 เปอร์เซ็นต์ เป็นของโบราณ ซึ่งนีแอนเดอร์ทาลก็มี แต่คนแอฟริกาใต้สะฮารา (คือคน Yoruba และคน San ) ไม่มี[41]โดยคนเมลานีเซียมีจีโนม 1-6% เพิ่มจากมนุษย์ Denisovan[42]

ในทางปฏิบัติแล้ว ข้อโต้แย้งมักจะเป็นเรื่องช่วงเวลาที่เกิดการผสมพันธุ์กันนอกเหนือจากว่ามีการผสมพันธุ์เช่นนี้จริง ๆ หรือไม่คือ ความจริงและความสำคัญว่ามนุษย์ได้เชื้อสายยีน (gene flow) จากแอฟริกา เป็นเรื่องที่ยอมรับโดยทั่วไป และความเป็นไปได้ว่า มีการผสมพันธุ์กันเดี่ยว ๆ ระหว่าง มนุษย์ที่อพยพจากแอฟริกาใต้สะฮารา "เร็ว ๆ นี้" กับมนุษย์ที่ "ล้าสมัย" กว่าก่อนประวัติศาสตร์ช่วงต่าง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยกมาโต้แย้งกันอย่างไรก็ดี ตามงานศึกษาทางพันธุกรรม มนุษย์ปัจจุบันอาจได้ผสมพันธุ์กับมนุษย์โบราณ "อย่างน้อยสองกลุ่ม" คือ นีแอนเดอร์ทาลและมนุษย์ Denisovan[43]

ส่วนงานศึกษาปี 2013 เสนอว่า ความใกล้ชิดกันทางพันธุกรรมที่เห็นระหว่างมนุษย์โบราณกับมนุษย์ปัจจุบัน สามารถอธิบายได้โดยภาวะพหุสัณฐาน (polymorphism) เหตุมีบรรพบุรุษร่วมกัน แล้วตามด้วยการเปลี่ยนความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจง (genetic drift) โดยไม่ต้องมีการผสมพันธุ์กันซึ่งเป็นการอธิบายว่า ความใกล้ชิดทางพันธุกรรมที่เห็นในกลุ่มมนุษย์ปัจจุบันต่าง ๆ น่าจะมาจากอัตราการรักษาภาวะพหุสัณฐานที่ไม่เท่ากัน[44]อย่างไรก็ดี ผู้ทำงานวิจัยกล่าวว่า งานไม่ได้กันการแพร่พันธุ์แบบ introgression จากมนุษย์โบราณ[44]ส่วนงานปี 2559 แสดงว่า มนุษย์ปัจจุบันได้ผสมพันธุ์กับสายพันธุ์มนุษย์รวมทั้งมนุษย์ Denisovan และนีแอนเดอร์ทาล หลายครั้งหลายครา[45]

แหล่งที่มา

WikiPedia: มนุษย์ที่มีกายวิภาคปัจจุบัน http://bioanth.ucalgary.ca/Katzenberg http://www.cell.com/ajhg/pdf/S0002-9297 http://io9.com/5889484/neanderthals-were-sailing-t... http://emedicine.medscape.com/article/834862-overv... http://news.nationalgeographic.com/news/2002/03/03... http://www.natureasia.com/en/nmiddleeast/article/1... http://www.sciencedaily.com/releases/2012/08/12083... http://www.scientificamerican.com/article.cfm?id=f... http://www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/artic... http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/ajpa.20...