160 to 165 °C (320 to 329 °F; 433 to 438 K) (anhydrous)
102–103 °C (monohydrate)
มอลโทส (
อังกฤษ: maltose) หรือ
มอลโทไบโอส (maltobiose) หรือ
น้ำตาลมอลต์ (malt sugar) เป็น
น้ำตาลไดแซ็กคาไรด์ที่เกิดจากการรวมกันของ
กลูโคสซึ่งเป็น
มอนอแซ็กคาไรด์ 2 โมเลกุล ลักษณะเป็นของแข็งหรือผลึกสีขาว ละลายน้ำได้ มีความหวานประมาณ 30% ของ
ซูโครส[1] มอลโทสถูกค้นพบครั้งแรกโดย
โอกุสแต็ง-ปีแยร์ ดูบรันโฟ นักเคมีชาวฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1847
[2] แต่ไม่ได้รับการยืนยันจนกระทั่งปี ค.ศ. 1872 โดย
คอร์นีเลียส โอซุลลิแวน นักเคมีชาวไอริช
[3] ชื่อมอลโทสมาจาก
มอลต์ รวมกับคำปัจจัย -ose ที่บ่งชี้ว่าเป็นน้ำตาลมอลโทสเป็นไดแซ็กคาไรด์ที่มีสูตรเคมีคือ C12H22O11 เช่นเดียวกับซูโครสและ
แล็กโทส โดยเกิดจากกลูโคส 2 โมเลกุลจับกันด้วย
พันธะไกลโคซิดิกที่ตำแหน่ง α(1→4) หรือ
คาร์บอนตำแหน่งที่ 1 ของกลูโคสโมเลกุลที่หนึ่งกับคาร์บอนตำแหน่งที่ 4 ของกลูโคสโมเลกุลที่สอง
[4] มอลโทสยังสามารถแบ่งเป็น α-Maltose และ β-Maltose ตามตำแหน่งหมู่
ไฮดรอกซิลที่จับกับกลูโคสโมเลกุลที่สอง
[5] มอลโทสมี
ไอโซเมอร์คือ
ไอโซมอลโทสที่ต่างกันตรงตำแหน่งการจับพันธะ โดยไอโซมอลโทสจับที่ตำแหน่ง α(1→6) นอกจากนี้มอลโทสยังเป็น
น้ำตาลรีดิวซ์ หรือคาร์โบไฮเดรตที่สามารถให้อิเล็กตรอนแก่ตัวออกซิไดซ์เนื่องจากมีหมู่
อัลดีไฮด์อิสระในโครงสร้างที่เป็นวงแหวนเปิด
[6]มอลโทสพบในธัญพืช เช่น
ข้าวสาลี ข้าวโพดและ
ข้าวบาร์เลย์ นอกจากนี้ยังพบใน
ท้อ แพร์และ
มันเทศ[7] เมื่อมนุษย์ทาน
แป้งเข้าไปจะถูกย่อยด้วยเอนไซม์
อะไมเลสได้น้ำตาลหลายชนิดรวมถึงมอลโทส ซึ่งต่อมามอลโทสจะถูกย่อยด้วยเอนไซม์
มอลเทสกลายเป็นกลูโคสและถูกดูดซึมที่
ลำไส้เล็ก[8]