ประวัติ ของ ยอดธง_เสนานันท์

ยอดธง เสนานันท์ เกิดวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2480 ที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และมีชื่อตามใบเกิดคือ ตุ๊ย แซ่ผู่ บิดาของเขาเป็นชาวจีนไหหลำ และมีพี่น้อง 6 คน (ชาย 4 คน หญิง 2 คน) โดยเป็นน้องชายของนางเยาวดี ราชเวชชพิศาล สะใภ้ของพันตรีหลวงราชเวชชพิศาล (โต๊ะ เวชอุไร)[1] เขาเป็นผู้ที่ชอบมวยมาตั้งแต่ 4 ขวบ อีกทั้งชื่นชอบกีฬาทุกประเภทที่เป็นการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นปลากัด ไก่ชน จบประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนเทศบาล 1 อำเภอเมืองบ้านโป่ง เมื่อมีอายุได้ 13 ปี ก็ย้ายมาอยู่กับพี่สาวที่บ้านของพันตรีหลวงราชเวชชพิศาล (โต๊ะ เวชอุไร) บริเวณแหลมราชเวช อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี แล้วเริ่มหัดมวยอย่างจริงจังกับครูสิทธิเดช สมานฉันท์ โดยทำการชกมวยครั้งแรกในชื่อ เอราวัณ เดชประสิทธิ์[1] ที่งานวัดเขาพระบาทบางพระ อำเภอศรีราชา ตั้งแต่อายุ 15 ปี ด้วยค่าตัวเพียง 50 บาท จากนั้นก็ตระเวนชกเรื่อยมา พออายุได้ 17 ปี ครูสุวรรณ เสนานันท์ ได้ชวนมาอยู่ค่ายมวย และตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “ยอดธง เสนานันท์” ท่านได้เดินสายชกมวยทั่วประเทศ ก่อนเลิกชกเพราะแม่ของภรรยาขอร้อง จึงตั้งค่ายมวยศิษย์ยอดธง ที่มาบตาพุด ก่อนย้ายมาอยู่ที่อำเภอบางละมุง และใช้ชื่อนี้เรื่อยมา จนกระทั่งแขวนนวม[6]

โดยมีชาวต่างชาติรุ่นแรกที่ได้มาฝึกมวยไทยที่ค่ายมวยแห่งนี้คือชาวดัตช์ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ (ในสมัยที่ ก้องธรณี และสามารถ พยัคฆ์อรุณ รวมทั้ง ศรศิลป์ ศิษย์เนินพยอม กำลังเป็นที่รู้จักในวงการ) มาฝึกที่ค่ายมวยแห่งนี้ ซึ่งมี "ร็อบ กามัน" มาฝึกฝนเป็นคนแรก และมี "รูเซียน การ์บิน" เป็นรายต่อมา ก่อนที่รูเซียน การ์บิน จะขออนุญาตเปิดโรงฝึกโดยใช้ชื่อ "ศิษย์ยอดธงยิม" ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ส่งผลให้ค่ายมวยดังกล่าว เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในเวลาต่อมา[7]

ในภายหลัง มีเหตุการณ์ที่โอะซะมุ โนะงุชิ พยายามให้โลกหลงเข้าใจว่ามวยไทยมีต้นกำเนิดจากคิกบ็อกซิงของประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งมีผู้กล่าวหาว่าการรำไหว้ครูเป็นการเต้นรำแบบชนเผ่าที่ไร้อารยธรรม ส่งผลให้ครูยอดธงเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากมวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ซึ่งต่อมาโอะซะมุ โนะงุชิ ได้นำนักมวยคิกบ็อกซิงมาจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อชกกับนักมวยไทย เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2515 ครูยอดธงได้อาสานำทัพมวยไทยไปสู้กับคิกบ็อกซิงในรายการบีเอส ซามูไร[8] และได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นรัฐบาลไทยภายใต้การนำของจอมพลถนอม กิตติขจร จึงได้มีคำสั่งเนรเทศโอะซะมุ โนะงุชิ ออกจากประเทศภายใน 24 ชั่วโมง ในฐานะที่เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาของประเทศชาติ และหลังจากที่โอะซะมุ กลับถึงญี่ปุ่น ทางการญี่ปุ่นก็มีคำสั่งห้ามโอะซะมุ โนะงุชิ ยุ่งเกี่ยวกับวงการมวยอีกต่อไป เนื่องจากสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่ประเทศ[9]

นักแสดงรับเชิญ

ครูยอดธงยังได้รับเชิญให้มีส่วนร่วมในภาพยนตร์ องค์บาก โดยเป็นผู้อาวุโสข้างสังเวียนในฉากที่ ทิ้ง (จา พนม) สู้กับ บิ๊กแบร์ แม้จะไม่ได้มีการอ้างถึงชื่อครูยอดธงในภาพยนตร์ แต่หลายคนเชื่อว่าบุคคลในภาพยนตร์คือครูยอดธง[10] ตลอดจนได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์ เกิดมาลุย ด้วยเช่นกัน

รางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล

ครั้งหนึ่ง ครูยอดธงได้รับเงินรางวัลจากการเสี่ยงโชคสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่หนึ่งพร้อมแจกพอต ประจำงวดวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 เป็นจำนวนเงิน 56 ล้านบาท[3] และท่านได้ใช้เงินนี้ในการช่วยเหลือวงการมวยและสังคม โดยคงเหลือไว้กับตัวประมาณสิบล้านบาท จากการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือสังคม ส่งผลให้ครูยอดธงได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิของอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีในเวลาต่อมา[2][11]

กำปั้นนอกสังเวียน

ครูยอดธงยังได้เขียนอัตชีวประวัติของตนเองที่มีชื่อว่า กำปั้นนอกสังเวียน ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นโดยสำนักพิมพ์แพรว เนื้อหาได้กล่าวถึงประสบการณ์ของการเป็นนักมวย, การเปิดค่ายมวย, การนำนักมวยไทยไปประชัญฝีมือกับนักมวยคิกบ็อกซิงเพื่อประกาศศักดิ์ศรีสถาบันมวยไทย ตลอดจนความเชื่อตามมุมมองของตนเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม และความสุขทางใจในการอุทิศตนเพื่อสังคมที่มีค่ามากกว่าชื่อเสียงเงินทองที่ได้รับ[9]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ยอดธง_เสนานันท์ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=travelarou... http://content.mthai.com/view.php?pid=39&cate_id=1... http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicsto... http://www.rawangpai.com/home/news/daily-news/2013... http://www.sityodtong.com/Kru_Yodtong_Bio.htm http://www.sityodtongla.com/about-us/sityodtong-mu... http://sport.teenee.com/sport/956.html http://m-arts.info/jodtong-senanan-%E2%80%93-velic... http://www.komchadluek.net/detail/20130208/151369/... http://www.mcot.net/site/content?id=5114d6ce150ba0...