หลักฐานของพฤติกรรมมนุษย์ปัจจุบัน ของ ยุคหินกลาง_(แอฟริกา)

มีทฤษฎีจำนวนหนึ่งที่อธิบายพัฒนาการทางพฤติกรรมของมนุษย์ปัจจุบัน แต่เร็ว ๆ นี้ ทฤษฎีแบบผสมก็เป็นมุมมองที่นิยมที่สุดเกี่ยวกับ MSA โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาหลักฐานโบราณคดี[22]แม้จะมีนักวิชาการที่อ้างว่า เป็นเรื่องที่เกิดโดยฉับพลัน[23]แต่ท่านอื่น ๆ ก็อ้างว่า ความก้าวหน้าทางประชานสามารถเห็นได้ตั้งแต่สมัย MSAและกำเนิดสปีชีส์ของเราสัมพันธ์กับการปรากฏของเทคโนโลยี MSA ตั้งแต่ 250,000-300,000 ปีก่อน[1]

ซากศพที่เก่าแก่สุดของ Homo sapiens มีอายุประมาณ 300,000 ปีก่อนในแอฟริกาเหนือ[24]ในบันทึกโบราณคดีของทั้งแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาใต้ โบราณสถานต่าง ๆ ของ Homo sapiens แตกต่างกันอย่างมหาศาลและเป็นช่วงเวลานี้แหละที่เห็นหลักฐานกำเนิดของพฤติกรรมมนุษย์ปัจจุบัน

ตามนักวิชาการคู่หนึ่ง มีลักษณะเฉพาะ 4 อย่างของพฤติกรรมมนุษย์ปัจจุบัน คือ ความคิดแบบนามธรรม ความสามารถในการวางแผนและกลยุทธ์ "ความสามารถในการสร้างอะไรใหม่ ๆ ทางพฤติกรรม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี" และพฤติกรรมเชิงสัญลักษณ์[1]โดยด้านต่าง ๆ สามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่โดยเฉพาะ ๆ รวมทั้งศิลปะ การตกแต่งตัว ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เป็นต้น แต่หมวดหมู่หลัก 4 อย่างที่เหลื่อมล้ำกันอย่างสำคัญเหล่านี้ ก็พอให้สามารถคุยกันเรื่องการเปลี่ยนมามีพฤติกรรมปัจจุบันอย่างละเอียดแล้ว

วัฒนธรรมต่าง ๆ

เครื่องมือหินวัฒนธรรมอะทีเรียน (Aterian)

เมื่อ Homo sapiens ต้น ๆ เริ่มอยู่ในเขตนิเวศที่หลากหลายในช่วง MSA บันทึกโบราณคดีที่สัมพันธ์เกับเขตเหล่านี้ก็เริ่มแสดงหลักฐานของความสืบต่อกันทางวัฒนธรรมในเขตภูมิภาค ๆซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะเหตุผลต่าง ๆ

การขยายถิ่นฐานของ Homo sapiens เข้าไปในเขตนิเวศต่าง ๆ แสดงความสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายรวมทั้งชายทะเล ทุ่งหญ้าสะวันนา ทะเลทรายที่ค่อนข้างแห้งแล้ง และป่าการปรับตัวได้เช่นนี้ สะท้อนให้เห็นในสิ่งประดิษฐ์แบบ MSA จากเขตเหล่านี้เป็นสิ่งประดิษฐ์สไตล์ต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในเขตไหนเทียบกับวัฒนธรรมอะชูเลียนระหว่าง 1.5 ล้านปีจนถึง 3 แสนปีก่อน ที่เทคโนโลยีหินเหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อในเขตนิเวศทุก ๆ แห่งและเพราะเทคโนโลยี MSA มีทั้งความแตกต่างและความสืบต่อกันเฉพาะเขต ๆ จึงเป็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่งใจ[1][7][8]ข้อมูลเช่นนี้ใช้สนับสนุนทฤษฎีเกี่ยวกับพัฒนาการทางสังคมและทางศิลป์ที่เกิดตลอดช่วง MSA[25]

ในแอฟริกาใต้ นักวิชาการก็ได้พบเทคโนโลยีแบบ Howiesons Poort และสติลเบย์ โดยมีชื่อตามโบราณสถานที่ค้นพบเป็นครั้งแรกมีเทคโนโลยีแบบอื่น ๆ อีกที่ยังไม่ได้หาอายุ หรือหาอายุได้อย่างไม่น่าเชื่อถือรวมทั้งแบบ Lupemban ในแอฟริกากลาง, แบบ Bambatan ในแอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้ (อายุ 70,000-80,000 ปี), แบบอะทีเรียน (Aterian) ในแอฟริกาเหนือ (อายุ 160,000-90,000 ปี)[1][22]

การคิดเป็นนามธรรม

หลักฐานการคิดเป็นนามธรรมได้พบในบันทึกโบราณคดีเริ่มตั้งแต่ยุคเปลี่ยนจากวัฒนธรรมอะชูเลียนไปเป็น MSA ประมาณ 300,000-250,000 ปีก่อนซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากเทคโนโลยีหินแบบ Mode 2 ซึ่งก็คือเครื่องมืออะชูเลียน ไปเป็น Mode 3 และ 4 ซึ่งรวมทั้งใบมีดและเทคโนโลยีหินไมโครการผลิตเครื่องมือเหล่านี้ต้องวางแผนและเข้าใจว่า การตีหินจะให้ผลเป็นชิ้นหินในรูปแบบต่าง ๆ อย่างไร[26]ซึ่งต้องใช้การคิดเป็นนามธรรม อันเป็นคุณสมบัติหลักอย่างหนึ่งของพฤติกรรมมนุษย์ปัจจุบัน[1]การเปลี่ยนจากการใช้เครื่องมือตัดขนาดใหญ่ของวัฒนธรรมอะชูเลียน ไปเป็นชุดเครื่องมือที่เล็กกว่าและหลากหลายมากกว่าของ MSA หมายถึงความเข้าใจทางประชานและทางมโนทัศน์ที่ดีขึ้น ในเรื่องการตีหินและผลประโยชน์ที่อาจได้จากเครื่องมือแบบต่าง ๆ

ความลึกซึ้งในการวางแผน

โดยคล้ายกับการคิดเป็นนามธรรม สมรรถภาพในการวางแผนและกลยุทธ์ สามารถเห็นได้จากชุดเครื่องมือที่ต่าง ๆ กันมากกว่าของ MSA ตลอดจนรูปแบบการหากินที่พบในช่วงเวลานั้นเมื่อมนุษย์ยุค MSA เริ่มอพยพไปยังเขตนิเวศต่าง ๆ การมีกลยุทธ์ล่าสัตว์เป็นฤดู ๆ ก็กลายเป็นเรื่องจำเป็นความสำนึกถึงฤดูจะเห็นได้ชัดในซากสัตว์ที่พบในค่ายพักชั่วคราว

ในเขตนิเวศที่อันตรายกว่า ความสำนึกนี้จำเป็นต่อการอยู่รอด และสมรรถภาพในการวางแผนกลยุทธ์หากินที่อาศัยความสำนึกนี้ แสดงถึงความสามารถในการคิดนอกเหนือจากแค่ปัจจุบันแล้วดำเนินการตามความเข้าใจ[1]ความลึกซึ้งในการวางแผนยังเห็นได้จากการมีวัสดุดิบใหม่ ๆ ตามโบราณสถาน MSA ต่าง ๆ การหาวัตถุดิบใกล้ ๆ ทำได้ง่าย แต่โบราณสถาน MSA มักจะมีวัตถุดิบที่ได้มาจากที่ ๆ ไกลถึง 100 กม. และบางครั้งไกลกว่า 300 กม.[6]การหาวัตถุดิบจากที่ไกล ๆ เช่นนี้จำเป็นต้องรู้เรื่องทรัพยากรนั้น ๆ รู้คุณค่าของทรัพยากรไม่ว่าจะเพื่อใช้งานหรือคุณค่าทางสัญลักษณ์ และอาจต้องสามารถบริหารเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้วัสดุที่ต้องการได้[1][6]

นวัตกรรม

การอพยพย้ายถิ่นฐานไปยังสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ทั่วแอฟริกา และในที่สุด ทั่วโลก แสดงระดับความสามารถในการปรับตัว และดังนั้น จึงแสดงสมรรถภาพในการสร้างอะไรใหม่ ๆ ที่บ่อยครั้งพิจารณาว่าเป็นลักษณะเฉพาะของพฤติกรรมปัจจุบัน[1]และนี่ก็ไม่ใช่หลักฐานการทำอะไรใหม่ ๆ ได้อย่างเดียวที่เห็นใน Homo sapiens ต้น ๆ

มีการพัฒนาเครื่องมือใหม่ ๆ ที่เหมาะกับเขตภูมิภาค เช่นที่ใช้เก็บทรัพยากรทางทะเลดังที่เห็นในโบราณสถาน Abdur เอธิโอเปีย, ถ้ำที่แหลมพินนะเคิล แอฟริกาใต้ และถ้ำบลอมโบส์ แอฟริกาใต้[1][5]การใช้ไฟก็แสดงการทำอะไรได้ใหม่ ๆ ด้วย เช่นเมื่อใช้สร้างเครื่องมือหินที่แข็งแรงกว่า เช่น ซิลเครตเผาไฟที่พบที่ถ้ำบลอมโบส์, Howiesons Poort, และสติลเบย์[5][15]และเครื่องมือกระดูกเผาไฟจากสติลเบย์[22]

เครื่องมือติดด้าม/เครื่องมือผสม ยังแสดงสมรรถภาพการทำอะไรใหม่ ๆ ของมนุษย์ด้วยเครื่องมือสำหรับตัดขนาดใหญ่ในวัฒนธรรมอะชูเลียนได้เปลี่ยนเป็นเครื่องมือที่เล็กและซับซ้อนกว่า ซึ่งเหมาะกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ กันมากกว่าเป็นตัวแสดงระดับการทำอะไรใหม่ ๆ เนื่องจากมีประสิทธิภาพและการผลิตที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นสมรรถภาพในการคิดเกินการตีหินชิ้นเล็กออกจากหินก้อนใหญ่ แสดงความยืดหยุ่นได้ทางประชานและการใช้กาว ซึ่งบ่อยครั้งมีองค์ประกอบเป็นดินสี (ochre) เพื่อติดชิ้นหินกับด้าม แสดงความเข้าใจของการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่มีประโยชน์นอกเหนือจากการเป็นสี[5]โดยเริ่มใช้ติดด้ามประมาณ 95,000 ปีก่อนที่ถ้ำซิบูดู (Sibudu Cave) ในแอฟริกาใต้[1][5]

พฤติกรรมสัญลักษณ์

ภาพสัญลักษณ์สัตว์บนแผ่นหินจาก MSA (27,000 ปีก่อน) ของโบราณสถาน Apollo 11 Cave นามิเบีย

พฤติกรรมสัญลักษณ์ (symbolic behavior) เป็นลักษณะทางพฤติกรรมของมนุษย์ปัจจุบันที่แยกแยะได้ยากที่สุดตามหลักฐานโบราณคดีเมื่อหาหลักฐานของพฤติกรรมสัญลักษณ์ช่วง MSA มีหลักฐานสามแบบที่สามารถพิจารณาได้ คือ

  1. หลักฐานโดยตรงที่แสดงการใช้สัญลักษณ์อย่างเป็นรูปธรรม
  2. หลักฐานโดยอ้อมที่แสดงพฤติกรรมที่ใช้เพื่อสื่อความคิดแนวสัญลักษณ์
  3. หลักฐานทางเทคโนโลยีที่แสดงเครื่องมือพร้อมกับทักษะที่ใช้สร้างศิลปะ

หลักฐานโดยตรงก่อน 40,000 ปีก่อนหาได้ยาก หลักฐานโดยอ้อมก็เป็นเรื่องทางนามธรรม และดังนั้น หลักฐานทางเทคโนโลยีจึงดีที่สุดในบรรดาทั้ง 3 อย่าง[6]

ปัจจุบัน มีมติร่วมกันในบรรดานักโบราณคดีว่า ศิลปะและวัฒนธรรมสัญลักษณ์แรกของโลกมาจากแอฟริกาใต้สมัย MSAวัตถุที่โดดเด่นมากที่สุด รวมทั้งดินสีแท่งสีแดงที่สลักลาย ผลิตขึ้นที่ถ้ำบลอมโบส์ในแอฟริกาใต้ 70,000 ปีก่อนลูกประคำที่ทำจากเปลือกหอยฝาเดียวสกุล Nassarius โดยเจาะรูแล้วระบายสีดิน ก็พบด้วยที่ถ้ำ โดยมีตัวอย่างที่เก่าแก่ยิ่งกว่านั้นจากวัฒนธรรมอะทีเรียนช่วง MSA ที่ Taforalt Cavesส่วนหัวลูกศรและเครื่องมือทำหนังก็พบที่ถ้ำซิบูดู[17]ตลอดจนหลักฐานการทำอาวุธด้วยกาวผสมที่เผาไฟ[18]

ระบบประชานที่ซับซ้อน

มีหลักฐานของนวัตกรรมเป็นชุด ๆ ตั้งแต่ 170,000-160,000 ปีก่อนที่ตำแหน่งแหลมพินนะเคิล 13B ติดชายฝั่งทิศใต้ของแอฟริกาใต้[27]ซึ่งรวมหลักฐานเก่าแก่ที่สุดอันยืนยันแล้วของการใช้ดินสีและทรัพยากรทะเลคือการทานหอยเป็นอาหาร

อาศัยการวิเคราะห์กลุ่มชีวินวัวและควาย (bovid assemblage) พบที่ Klasies River Caves แอฟริกาใต้[28]นักวิจัยได้รายงานว่า มนุษย์สมัย MSA เป็นนักล่าที่น่าเกรงขาม และรูปแบบพฤติกรรมทางสังคมของพวกเขาใกล้กับมนุษย์ปัจจุบัน

นักวิชาการอีกท่านหนึ่งดำรงว่า การจัดการทรัพยากรอาหารที่เป็นพืชโดยการตั้งใจเผาทุ่งหญ้าเพื่อให้โอกาสพืชที่มีหัวแบบเผือก (corm) หรือหัวแบบมันฝรั่ง (tuber) ในแอฟริกาใต้ช่วงวัฒนธรรม Howiesons Poort (ประมาณ 70,000-55,000 ปีก่อน) เป็นตัวบ่งชี้พฤติกรรมมนุษย์ปัจจุบัน[29]และว่า การหากินแบบเป็นครอบครัว การใช้สัญลักษณ์สี การแลกเปลี่ยนสิ่งที่ทำขึ้น และการจัดระเบียบที่อยู่ ล้วนแต่เป็นหลักฐานการมีพฤติกรรมปัจจุบันในช่วง MSA

นักวิชาการท่านอื่น ๆ เสนอว่า ทักษะซับซ้อนที่จำเป็นเพื่อใช้กาวผสมเผาไฟติดด้ามอาวุธดูเหมือนจะแสดงความสืบต่อกันระหว่างระบบประชานของมนุษย์ปัจจุบันจากของมนุษย์เมื่อ 70,000 ปีก่อนที่ถ้ำซิบูดู[18][30]

หลักฐานการใช้ภาษา

โบราณสถานสมัย MSA ต้น ๆ ปรากฏว่ามีดินสี ยกตัวอย่างเช่นที่หมวดหินแคปธิวริน และ Twin Rivers โดยกลายเป็นสิ่งสามัญหลังจาก 100,000 ปีก่อน[31]มีนักวิชาการที่อ้างว่า แม้ถ้าบางส่วนของสีดินนี้ใช้ในงานสัญลักษณ์เกี่ยวกับสี การคิดเป็นนามธรรมเช่นนี้จะเป็นไปไม่ได้โดยไร้ภาษาเขาจึงเสนอว่า ดินสี (ochre) สามารถใช้เป็นตัวแทนเพื่อสืบหากำเนิดภาษา[32]

นักโบราณคดีบ่อยครั้งสัมพันธ์การใช้เครื่องมือกระดูกกับพฤติกรรมปัจจุบัน[33]ดังนั้น ฉมวกกระดูกซับซ้อนซึ่งผลิตที่ Katanda แอฟริกาตะวันตกประมาณ 90,000 ปีก่อน[34][35]และเครื่องมือกระดูกอายุประมาณ 77,000 ปีก่อนจากถ้ำบลอมโบส์[33]ก็อาจใช้เป็นตัวอย่างวัตถุในวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับการใช้ภาษารูปแบบเดียวกับภาษาปัจจุบัน

มีการเสนอว่า ภาษาเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อดำรงเครือข่ายการแลกเปลี่ยนงานวิจัยปี 2546 แสดงหลักฐานว่ามีเครือข่ายการแลกเปลี่ยนในช่วง MSA คืองานได้เปรียบเทียบระยะทางของโบราณสถานที่วัสดุปรากฏกับแหล่งวัสดุ[36]โบราณสถาน MSA 5 แห่งมีวัสดุจากแหล่งที่ห่างถึง 140-340 กม. ซึ่งตีความเทียบกับข้อมูลทางชาติพันธุ์วรรณนาว่า ระยะห่างเช่นนี้จะเป็นไปได้ก็เพราะมีเครือข่ายแลกเปลี่ยนวัสดุ[36]

นักวิชาการคนหนึ่งมองว่า ภาษาที่ประกอบด้วยวากยสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมที่ทำให้มนุษย์สมัย MSA ตั้งถิ่นฐานในป่าดิบชื้นที่ปัจจุบันคือสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกได้[37]

นักวิชาการหลายคนคาดว่า เหตุของการปรากฏวัสดุสัญลักษณ์จำนวนมากอย่างฉับพลัน ก็คือพัฒนาการพร้อม ๆ กันของภาษาที่ประกอบด้วยวากยสัมพันธ์ อันวิวัฒนาการผ่านระบบการเรียนรู้ทางสังคมแบบเฉพาะเจาะจง[38]และช่วยอำนวยการสื่อสารที่ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่สถานที่และเวลา[39]วากยสัมพันธ์จะมีบทบาทกุญแจสำคัญในกระบวนการนี้ และสมรรถภาพในการใช้มันอย่างสมบูรณ์อาจเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ของพฤติกรรมสัญลักษณ์ที่ปรากฏใน MSA[40]

ความเปลี่ยนแปลงทางสมอง

แม้ว่ากำเนิดของลักษณะทางกายวิภาคปัจจุบันจะไม่สามารถเชื่อมกับการเปลี่ยนแปลงทางประสาทในยุคดึกดำบรรพ์ได้อย่างมั่นใจ[41]แต่ก็ดูจะเป็นไปได้ว่า สมองมนุษย์ได้วิวัฒนาการผ่านกระบวนการคัดเลือกเดียวกันกับของอวัยวะส่วนอื่น ๆ[42]

โบราณสถานแหลมพินนะเคิล แอฟริกาใต้

ยีนที่ทำให้เกิดสมรรถภาพทางสัญลักษณ์อาจได้การคัดเลือก ซึ่งก็จะแสดงว่า มูลฐานของวัฒนธรรมสัญลักษณ์อาจมาจากกระบวนการทางชีววิทยาแต่ว่า พฤติกรรมที่สัญลักษณ์อำนวยอาจตามมาทีหลัง แม้ว่าสมรรถภาพทางกายจะมีก่อนตั้งนานยกตัวอย่างเช่น นักวิชาการคู่หนึ่งอ้างว่า การเพิ่มขนาดสมองส่วน prefrontal cortex จะทำให้สามารถใช้สัญลักษณ์ในการคิดอย่างที่ไม่สามารถมาก่อน และกระบวนการนี้ ซึ่งตอนแรกเริ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ก็เร่งเร็วเพิ่มขึ้น ๆ ในช่วง 100,000 ปีที่ผ่านมา[43]

พฤติกรรมที่สัญลักษณ์อำนวยก็อาจป้อนกลับไปยังกระบวนการนี้ โดยเพิ่มสมรรถภาพการสร้างสิ่งประดิษฐ์ทางสัญลักษณ์และเครือข่ายทางสังคมตามกลุ่มนักวิจัยที่โบราณสถาน Jebel Irhoud การค้นพบเช่นนี้แสดงว่า Homo sapiens เอง ไม่ใช่สมาชิกมนุษย์กลุ่มอื่น ๆ หรือบรรพบุรุษ (เช่น Homo heidelbergensis, Homo naledi) เป็นสปีชีส์ที่ได้ทิ้งเครื่องมือแบบ MSA ให้ขุดพบได้ทั่วแอฟริกา[44]

โบราณสถาน

โบราณสถานจำนวนมากในแอฟริกาใต้สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมปัจจุบันของมนุษย์ 4 อย่างดังที่กล่าวแล้วถ้ำบลอมโบส์มีเครื่องประดับตัว สิ่งที่คิดว่าเป็นเครื่องมือสร้างภาพศิลป์ ตลอดจนเครื่องมือกระดูก[22]สติลเบย์ และ Howieson's Poort มีเทคโนโลยีเครื่องมือที่หลายหลาก[45]กลุ่มเครื่องมือต่าง ๆ จากช่วงเดียวกันเช่นนี้ ช่วยให้นักวิจัยประมาณค่านอกช่วงซึ่งพฤติกรรมที่น่าจะสัมพันธ์กับเทคโนโลยี เช่นการเปลี่ยนการหาอาหาร ซึ่งมีหลักฐานสนับสนุนจากพรรณสัตว์ที่พบในโบราณสถานเหล่านี้ รวมทั้ง

  • ถ้ำบลอมโบส์ แอฟริกาใต้
  • Klasies River Caves, แอฟริกาใต้
  • ถ้ำซิบูดู แอฟริกาใต้
  • Diepkloof Rock Shelter, แอฟริกาใต้
  • แหลมพินนะเคิล แอฟริกาใต้
  • ถ้ำมัมบา แทนซาเนีย
  • หมู่ถ้ำมัมบ์วา แซมเบีย