สนับสนุนโดย:ผู้สนับสนุนที่เป็นองค์กร:ประเทศที่สนับสนุน:
กรมตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ กองรบพิเศษที่ 1 รวมทั้ง
เนวีซีลสหรัฐ และ
เนวีสยูอิคสหรัฐ (ความช่วยเหลือด้านเทคนิค)
[19]เกิดเหตุผู้ก่อการร้ายโจมตีในเมืองมาราวี เกาะมินดาเนาในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 การโจมตีเกิดขึ้นหลังจากกองทัพได้ใช้กำลังจู่โจมเพื่อจับแกนนำกลุ่มติดอาวุธ
อะบูซัยยาฟ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ขณะที่มีรายงานว่ากลุ่มติดอาวุธหลายคนได้ออกมาบนท้องถนนและชูธงของกลุ่ม
รัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์หรือไอเอส กลุ่มติดอาวุธบุกยึดศาลาว่าการเมือง โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัยของรัฐ รวมทั้งเผาทำลายโบสถ์คาทอลิก โรงเรียน 2 แห่ง และเรือนจำของเมือง ประธานาธิบดีประกาศกฎอัยการศึกและเกิดสงครามขึ้นในเมืองดังกล่าวในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ในขณะที่สงครามยังคงดำเนินต่อไป คาดว่าผู้โจมตีคือผู้ก่อความไม่สงบที่มีความเชื่อมโยงถึงกลุ่มก่อการร้ายไอเอส ต่อมาในช่วงเย็นของวันเดียวกันมีทหารถูกระเบิดเสียชีวิต 10 รายในวันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560 มีรายงานว่าทหารเสียชีวิตอีก 13 ราย เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจเสียชีวิตทั้งหมด 58 ราย พลเมืองชาวมาราวีเสียชีวิตประมาณ 21–38 ราย นับจาก วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ในขณะที่
สหรัฐอเมริกาได้ร่วมรบในสงครามดังกล่าว ในตอนแรกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์นั้นได้กล่าวปฏิเสธ ส่วนกองทัพแจ้งว่าเป็นการช่วยเหลือทางเทคนิค แต่ต่อมาในวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ทหารจาก
สหรัฐอเมริกาได้เข้าร่วมในการรบโดบยกพลขึ้นบกที่
เกาะมินดาเนา จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด ณ วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2560 อยู่ที่อย่างต่ำ 310 รายในวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560
โรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนปัจจุบันได้ประกาศปลดปล่อยเมืองมาราวีจากกลุ่มติดอาวุธได้แล้ว
[33] หลังจากได้ทำการสังหารนายอิสนิลอน ฮาปิลอน ผู้นำกลุ่มอะบูซัยยาฟและนายโอมาร์ เมาเต ผู้นำกลุ่มกบฏเมาเต ซึ่งสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์
[34]จนในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2560 หน่วยงานความมั่นคงฟิลิปปินส์ควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้ได้ ทำให้สงครามในเมืองมาราวีจบลงหลังต่อสู้กันมานานกว่า 5 เดือน
[35]