ศัตรูที่ไม่ใช่รัฐรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ (
อังกฤษ: Islamic State of Iraq and the Levant, ย่อ:
ISIL) หรือเรียก
รัฐอิสลามอิรักและซีเรีย (
อังกฤษ: Islamic State of Iraq and Syria; ย่อ:
ISIS),
รัฐอิสลามอิรักและอัชชาม (
อังกฤษ: Islamic State of Iraq and ash-Sham) หรือ
รัฐอิสลาม (
อังกฤษ: Islamic State; ย่อ:
IS) เป็นกลุ่มนักรบสุดโต่ง
วะฮาบีย์/
ญิฮัดสะละฟีย์ซึ่งตั้งตนเป็น
รัฐเคาะลีฟะฮ์และ
รัฐอิสลาม กลุ่มนี้มีชาวอาหรับนิกาย
ซุนนีย์จาก
ประเทศอิรักและ
ซีเรียเป็นผู้นำและเป็นส่วนใหญ่ ในเดือนมีนาคม 2558 กลุ่มควบคุมดินแดนที่มีประชากร 10 ล้านคนในประเทศอิรักและซีเรีย และควบคุมเหนือดินแดนขนาดเล็กใน
ประเทศลิเบีย ไนจีเรียและ
อัฟกานิถสานผ่านกลุ่มท้องถิ่นที่ภักดี กลุ่มนี้ยังปฏิบัติการหรือมีสาขาในส่วนอื่นของโลก รวมถึง
แอฟริกาเหนือและ
เอเชียใต้วันที่ 29 มิถุนายน กลุ่มตั้งต้นเป็นรัฐเคาะลีฟะฮ์ทั่วโลก โดยมี
อะบู บักร์ อัลบัฆดาดีเป็นเคาะลีฟะฮ์ และเปลี่ยนชื่อเป็นอัดเดาละฮ์ อัลอิสลามิยะฮ์ (
อาหรับ: الدولة الإسلامية, ad-Dawlah al-Islāmiyah "รัฐอิสลาม") ด้วยเป็นรัฐเคาะลีฟะฮ์ กลุ่มนี้อ้างอำนาจทางศาสนา การเมืองและทหารเหนือมุสลิมทุกคนทั่วโลก และว่า "ความชอบด้วยกฎหมายของทุก ๆ
เอมิเรต กลุ่ม รัฐและองค์การเป็นโมฆะโดยการแผ่ขยายอำนาจของเคาะลีฟะฮ์และทหารของรัฐเคาะลีฟะฮ์มาถึงพื้นที่ของสิ่งเหล่านี้"
[85][86][87][88] สหประชาชาติถือว่า ISIL รับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและ
อาชญากรรมสงคราม และ
องค์การนิรโทษกรรมสากลรายงานการล้างชาติพันธุ์ของกลุ่มใน "ขนาดที่ไม่เคยมีมาก่อน" สหประชาชาติ
สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ อินเดียและรัสเซียประกาศให้กลุ่มนี้เป็นองค์การก่อการร้าย กว่า 60 ประเทศกำลังทำสงครามโดยตรงหรือโดยอ้อมต่อ ISILกลุ่มนี้กำเนิดเป็น "จามาต ตอฮิด วัล ญิฮัด" (Jama'at al-Tawhid wal-Jihad) ในปี 2542 ซึ่งสวามิภักดิ์ต่อ
อัลกออิดะฮ์ในปี 2547 กลุ่มนี้เข้าร่วมการก่อการกำเริบอิรักให้หลัง
การบุกครองอิรัก พ.ศ. 2546 โดยกำลังตะวันตก ในเดือนมกราคม 2549 กลุ่มนี้เข้ากับกลุ่มก่อการกำเริบซุนนีย์อื่นตั้งเป็นสภาชูรามุญาฮิดีน (Mujahideen Shura Council) ซึ่งประกาศตั้งรัฐอิสลามอิรัก (ISI) ในเดือนตุลาคม 2549 หลัง
สงครามกลางเมืองซีเรียอุบัติในเดือนมีนาคม 2554 ISI โดยมีอัลบัฆดาดีเป็นผู้นำ ส่งผู้แทนไปซีเรียในเดือนสิงหาคม 2554 นักรบเหล่านี้ตั้งชื่อตัวเองเป็นญับฮะตุลนุศเราะฮฺลิอะห์ลิอัชชาม (Jabhat an-Nuṣrah li-Ahli ash-Shām) หรือแนวอัลนุสรา (al-Nusra Front) และเข้าไปในอยู่ในพื้นที่ของซีเรียซึ่งมีมุสลิมซุนนีย์เป็นส่วนใหญ่จำนวนมาก ในผู้ว่าราชการอัรร็อกเกาะฮ์ อิดลิบ เดอีร์เอซซอร์ และอะเลปโป ในเดือนเมษายน 2556 อัลบัฆดาดีประกาศรวม ISI กับแนวร่วมอัลนุสราแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ (ISIL) อย่างไรก็ดี อะบู มุฮัมมัด อัลจูลานี (Abu Mohammad al-Julani) และ
อัยมัน อัซเซาะวาฮิรี ผู้นำของอัลนุสราและอัลกออิดะฮ์ตามลำดับ ปฏิเสธการรวมดังกล่าว วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 หลังการแย่งอำนาจนานแปดเดือน อัลกออิดะฮ์เรียกกลุ่มนี้ว่า "สุดโต่งเกิน" และตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับ ISIL โดยอ้างว่าไม่สามารถปรึกษาได้และไม่ยอมอ่อนข้ออย่างเปิดเผย" ในประเทศซีเรีย กลุ่มนี้ดำเนินการโจมตีภาคพื้นดินต่อทั้งกำลังรัฐบาลและกลุ่มแยกกบฏในสงครามกลางเมืองซีเรีย กลุ่มนี้มีความสำคัญหลังขับกำลังรัฐบาลอิรักออกจากนครสำคัญในภาคตะวันตกของอิรักในการรุกที่เริ่มเมื่อต้นปี 2557 การเสียดินแดนของอิรักแทบทำให้รัฐบาลอิรักล่มและทำให้สหรัฐรื้อฟื้นการปฏิบัติทางทหารใหม่ในอิรัก
[89][90][91][92]เดือนตุลาคม 2557
กองกำลังเฉพาะกิจร่วมนำโดยสหรัฐเริ่มปฏิบัติการโจมตีรัฐอิสลามทางอากาศอย่างหนัก พร้อมด้วยสนับสนุนด้านที่ปรึกษา ยุทโธปกรณ์และการฝึกให้แก่กองทัพอิรักและกองทัพประชาธิปไตยซีเรีย ปฏิบัติการนี้สร้างความเสียหายให้รัฐอิสลามอย่างมาก
[93] เดือนกันยายน 2558 รัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางอากาศในซีเรีย ซึ่งยิ่งสร้างความเสียหายแก่รัฐอิสลาม
[94] เดือนกรกฎาคม 2560 รัฐอิสลามเสียเมือง
โมซูลซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด ตามด้วย
อัรร็อกเกาะฮ์ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเมืองหลวงให้แก่กองทัพอิรัก
[95] หลังจากนั้น รัฐอิสลามเสียดินแดนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเดือนธันวาคม 2560
ไฮเดอร์ อัล-อะบาดี นายกรัฐมนตรีอิรักประกาศว่ากองทัพอิรักสามารถขับไล่ที่มั่นสุดท้ายของรัฐอิสลามในอิรักได้สำเร็จ
[96] เดือนมีนาคม 2562 รัฐอิสลามเสียที่มั่นสำคัญสุดท้ายในตะวันออกกลาง
[47] ในวันที่ 27 ตุลาคม 2562
อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี เคาะลีฟะฮ์แห่งรัฐอิสลามปลิดชีพตัวเองด้วยระเบิดที่ติดไว้กับตัวหลังถูกหน่วยปฏิบัติการพิเศษสหรัฐไล่ล่า
[97][98][99][100][101] วันที่ 31 ตุลาคม 2562 รัฐอิสลามยืนยันการเสียชีวิตของอัลบัฆดาดี และประกาศว่า
อะบู อิบราฮิม อัล ฮาชิมี อัล-กุเรชีจะขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮ์คนใหม่
[102]