ประวัติ ของ รอแบร์ที่_1_ดยุกแห่งนอร์ม็องดี

รอแบร์ต์เป็นบุตรชายของรีชาร์ที่ 2 ดยุกแห่งนอร์ม็องดี กับจูดิธ บุตรสาวของโคนองที่ 1 ดยุคแห่งบริตทานี และยังเป็นหลานชายของริชาร์ดที่ 1 แห่งนอร์ม็องดี, เหลนชายของวิลเลียมที่ 1 แห่งนอร์ม็องดี ลูกชายของเหลนชายของรอลโล ชาวไวกิงผู้ก่อตั้งนอร์ม็องดี ก่อนตาย ริชาร์ดที่ 2 ตัดสินใจให้บุตรชายคนโต ริชาร์ดที่ 3 สืบทอดตำแหน่งต่อจากตน และให้บุตรชายคนรอง รอแบร์ต์ เป็นเคานต์แห่งเยมัวส์[1] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1026 บิดาของสองพี่น้อง ริชาร์ดที่ 2 ตาย และริชาร์ดที่ 3 กลายเป็นดยุค แต่หลังจากนั้นไม่นานรอแบร์ต์ก่อกบฏต่อพี่ชาย ภายหลังถูกปราบและถูกบังคับให้ปฏิญาณความจงรักภักดีต่อพี่ชาย ริชาร์ด[2]

ดยุคแห่งนอร์ม็องดี

เมื่อริชาร์ดที่ 3 ตายในปีต่อมา ซึ่งสงสัยกันว่ารอแบร์ต์เป็นคนทำให้เขาตาย แม้จะไม่มีหลักฐาน แต่รอแบร์ต์คือคนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด[3] สงครามกลางเมืองที่รอแบร์ต์สร้างขึ้นมาต่อต้านพี่ชาย ริชาร์ดที่ 3 ยังคงเป็นปัญหาทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพในดัชชี[3] สงครามที่ทำกันเองในหมู่บารอนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน เรื่องนี้ทำให้เกิดชนชั้นสูงกลุ่มใหม่ในนอร์ม็องดีในรัชสมัยของรอแบร์ต์[3] และเป็นช่วงนี้เช่นกันที่ขุนนางระดับรองลงมาหลายคนออกจากนอร์ม็องดีไปหาช่องทางในอิตาลีใต้และที่อื่นๆ[3] ไม่นานหลังได้ตำแหน่งดยุคมา อาจจะเพื่อแก้แค้นที่สนันสนุนให้พี่ชายต่อกรกับเขา รอแบร์ต์ที่ 1 รวบรวมกองทัพขึ้นมาต่อสู้กับอาของตน รอแบร์ต์ อาร์ชบิชอปแห่งรูอ็องและเคานต์แห่งอีฟโรซ์ สนธิสัญญาพักรบชั่วคราวอนุญาตขับไล่อาของเขาออกไปจากนอร์ม็องดี แต่เรื่องนี้ทำให้นอร์ม็องดีถูกตัดขาดจากศาสนา ซึ่งจะยกเลิกได้ก็ต่อเมื่ออาร์ชบิชอปรอแบร์ต์ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าดัชชีได้และได้ตำแหน่งเคานต์กลับคืนมาเท่านั้น[4] รอแบร์ต์ยังโจมตีผู้มีอำนาจของศาสนจักรอีกคน ลูกพี่ลูกน้องของเขา ฮิวโกที่ 3 ดิฟรี บิชอปแห่งบายูซ์ เนรเทศเขาออกจากนอร์ม็องดี[5] รอแบร์ต์ยังฉกฉวยเอาทรัพย์สินที่ดินของศาสนจักรหลายแห่งที่เป็นของแอบบีย์เฟคอมป์มาด้วย[6]

นอกนอร์ม็องดี

ทั้งที่มีปัญหาภายในแต่รอแบร์ต์ตัดสินใจยื่นมือเข้าไปก้าวก่ายในสงครามกลางเมืองในฟลานเดอร์ส์ระหว่าบาลด์วินที่ 5 เคานต์แห่งฟลานเดอร์ส์ กับบิดา บาลด์วินที่ 4 ที่ถูกบาลด์วินผู้ลูกขับไล่ออกจากฟลานเดอร์ส์[7] บาลด์วินที่ 5 ที่ได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้ารอแบร์ต์ที่ 2 แห่งฝรั่งเศส พ่อตาของตน ถูกโน้มน้าวให้ทำสนธิสัญญาสันติภาพกับบิดาในปี ค.ศ. 1030 ในตอนที่ดยุครอแบร์ต์รับปากว่าจะให้การสนับสนุนทางทหารแก่บาลด์วินผู้พ่อ[7] รอแบร์ต์ให้ที่พักพิงแก่พระเจ้าอองรีที่ 1 แห่งฝรั่งเศสในการต่อกรกับพระมารดา พระราชินีกงสตองส์ ที่อยากให้พระโอรสคนรอง รอแบร์ต์ สืบทอดราชบัลลังก์ฝรั่งเศสต่อจากพระบิดา รอแบร์ต์ที่ 2 มากกว่า[8] เพื่อตอบแทนที่ช่วยเหลือ อองรีที่ 1 มอบวิกซองของฝรั่งเศสให้เป็นรางวัล[8] ในช่วงต้นยุค 1030 อาลันที่ 3 ดยุคแห่งบริตทานีเริ่มขยายอิทธิพลจากแรนน์ส์สู่ดินแดนรอบมงต์-แซ็งต์-มิเชล[9] หลังตีดอลและขับไล่อาลันที่พยายามจะบุกอาฟรองช์ออกไป รอแบร์ต์คิดจะทำสงครามครั้งใหญ่กับลูกพี่ลูกน้องของตนเอง อาลันที่ 3[9] ทว่าอาลันหันไปหาอาของทั้งคู่ อาร์ชบิชอปรอแบร์ต์แห่งรูอ็อง ที่ต่อมาเป็นคนกลางในการทำสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างดยุครอแบร์ต์กับอาลันที่ 3[9] ลูกพี่ลูกน้องของรอแบร์ต์ สองเอเธลิง (เจ้าชายแองโกลแซ็กซัน) เอ็ดเวิร์ดกับอัลเฟรด บุตรชายของอาของเขา เอ็มมาแห่งนอร์ม็องดี กับพระเจ้าเอเธลเรดที่ 2 แห่งอังกฤษ ได้มาอาศัยอยู่ที่ราชสำนักนอร์ม็องดีและ ณ เวลาหนึ่ง รอแบร์ต์คิดจะบุกอังกฤษในนามของทั้งคู่ แต่ก็เปลี่ยนใจ ว่ากันว่าสายลมที่ไม่เป็นใจ[10] ทำให้กองเรือแตกและจม รอแบร์ต์รอดตายขึ้นฝั่งได้ที่กีอาร์นเชย์

คริสตจักรและการแสวงบุญ

ทัศนคติของรอแบร์ต์ที่มีต่อศาสนจักรเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่คืนตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งรูอ็องให้อาของตน[11] ด้วยความพยายามที่จะคืนดีกับศาสนจักร เขาคืนทรัพย์สินที่ดินที่เขากับคนของเขาริบเอามา และในปี ค.ศ. 1034 ทรัพย์สินทั้งหมดที่เขาเคยยึดเอามาถูกคืนให้แอบบีย์เฟคอมป์[12]

หลังตั้งบุตรชายนอกสมรส วิลเลียม เป็นทายาท เขาออกเดินทางไปแสวงบุญที่เยรูซาเลม[13] อ้างอิงตาม เจสตา นอร์มันนอรุม ดุกุม เขาเดินทางไปเยรูซาเล็มผ่านทางคอนสแตนติโนเปิล เขาป่วยหนักและเสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับที่นิเกียในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1035[13] บุตรชายของเขา วิลเลียม อายุราว 8 ปี สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา[14]

ใกล้เคียง

รอแบร์ต แลวันดอฟสกี รอแบร์ ปีแร็ส รอแบร์ที่ 1 ดยุกแห่งนอร์ม็องดี รอแบร์ เคานต์แห่งมอร์แต็ง รอแบร์ กอแอน รอแบร์ เดอ โบมง เอิร์ลที่ 1 แห่งเลสเตอร์ รอแบร์ต กูบิตซา รอแบร์ต บารานือ รอแบร์ท ริทเทอร์ ฟอน ไกรม์ รอเบร์ต มัก