การขึ้นมาของราชวงศ์การอแล็งเฌียง ของ ราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง

ภาพพระเจ้าชิลเดริกกำลังถูกกล้อนผม ในภาพวาด เมรอแว็งเฌียงคนสุดท้าย ของเอวารีสตา วีตัล ลิวมีเน

ราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงดูยิ่งใหญ่เมื่อเข้าสู่ยุคของพระเจ้าโคลทาร์ที่ 2 ไม่เคยมีราชวงศ์ใดปกครองดินแดนใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความช่วยเหลือจากกลุ่มขุนนางออสเตรเซียและบูร์กอญ พระเจ้าโคลแทร์จึงให้อิสระแก่กลุ่มดังกล่าวมากขึ้น ชาวออสเตรเซียและชาวบูร์กอญได้ปกครองดินแดนที่ใหญ่ขึ้นและได้เลือกขุนนางคนหนึ่ง คือ เปแป็งที่ 1 ผู้อาวุโส เป็น “สมุหราชมนเทียร” เป็นผู้ควบคุมดูแลครัวเรือนของกษัตริย์และพระราชอาณาเขต ในช่วงที่กษัตริย์เมรอแว็งเฌียงหมกมุ่นอยู่กับโลกีย์และการเข่นฆ่ากันเอง สมุหราชมนเทียรเริ่มมีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มกลืนกินราชสำนัก กองทัพ และระบบการเงิน ในยุคของพระเจ้าดาโกแบร์ (ค.ศ. 628-639) สมุหราชมนเทียรถูกจำกัดอำนาจ พระเจ้าดาโกแบร์เป็นกษัตริย์ที่ดูแลทั้งคนรวยและคนจนอย่างเท่าเทียม ทรงทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่ทรงมีพระราชินีสามคนในเวลาเดียวกันและมีชายานอกสมรสอีกมากมาย ทั้งยังทรงมัวเมาในกาม หลังยุคของพระองค์ กษัตริย์เมรอแว็งเฌียงกลายเป็นเพียง “กษัตริย์ไม่เอาถ่าน” อำนาจตกไปอยู่ที่สมุหราชมนเทียรอีกครั้ง เปแป็งที่ 2 ผู้อ่อนวัยกว่าปกครองกอลทั้งหมดยกเว้นอากีแตน บุตรชายของเปแป็งที่ 2 คือ ชาร์ล มาร์แตล ครองตำแหน่งเป็นสมุหราชมนเทียรและดยุคแห่งออสเตรเซีย ปกครองกอลทั้งหมดในยุคของพระเจ้าโคลทาร์ที่ 4 (ค.ศ. 717-719) ชาร์ลได้ขับไล่ชาวฟริเชียและชาวซัคเซินที่เข้ามารุกรานกอลและทำสงครามในตูร์จนสามารถปกป้องยุโรปส่วนคริสต์จากชาวมุสลิม แต่เมื่อเกิดวิกฤตทางการเงิน ชาร์ลได้ริบดินแดนมาจากคริสตจักร ขายดินแดนในปกครองของบิชอปให้เหล่าแม่ทัพ ตั้งค่ายทหารในพื้นที่อาราม และตัดหัวพระที่ต่อต้านตน

ในปี ค.ศ. 751 เปแป็งที่ 3 บุตรชายของชาร์ลซึ่งเป็นสมุหราชมนเทียรในพระเจ้าชิลเดอริกที่ 3 ได้ส่งทูตไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาซาคารีเพื่อถามว่าการปลดหุ่นเชิดจากราชวงศ์เมรอแว็งเฌียงออกจากตำแหน่งเพื่อขึ้นเป็นกษัตริย์แทนเป็นการกระทำที่เป็นบาปหรือไม่ ในตอนนั้นพระสันตะปาปาซาคารีกำลังต่อกรอยู่กับชาวลอมบาร์ดและต้องการการสนับสนุนจากแฟรงก์จึงตอบไปว่าไม่เป็นบาป เปแป็งจึงเรียกประชุมกลุ่มขุนนางและเหล่าพระราชาคณะที่ซวยซง ที่ประชุมได้เลือกเปแป็งเป็นกษัตริย์แห่งชาวแฟรงก์ กษัตริย์ไม่เอาถ่านคนสุดท้ายถูกกล้อนผมและส่งเข้าอาราม นำมาสู่จุดเริ่มต้นของราชวงศ์การอแล็งเฌียงที่ปกครองตั้งแต่ ค.ศ. 751-987