บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
ร่างพระราชบัญญัติการยกเว้นผู้สืบราชบัลลังก์ หรือ
ร่างพระราชบัญญัติการยกเว้น (
อังกฤษ:
Exclusion Bill) เสนอระหว่าง
ค.ศ. 1678 ถึงปี
ค.ศ. 1681 ในรัชสมัยของ
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 จุดประสงค์ของร่างพระราชบัญญัติยกเว้นก็เพื่อห้ามไม่ให้พระอนุชาของพระเจ้าชาร์ลส์
ดยุคแห่งยอร์คผู้เป็นรัชทายาทโดยพฤตินัยจากการขึ้นครองราชบัลลังก์อังกฤษเพราะทรงเปลี่ยนไปนับถือ
โรมันคาทอลิก พรรคทอรีต่อต้านร่างพระราชบัญญัติแต่
พรรควิกสนับสนุน ในปี
ค.ศ. 1673 เมื่อดยุคแห่งยอร์คไม่ทรงยอมปฏิญาณต่อต้านโรมันคาทอลิกตามที่ระบุใน
พระราชบัญญัติทดสอบ (Test Act) ที่เพิ่งออกใหม่ก็ทำให้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าทรงหันไปนับถือโรมันคาทอลิก
เอ็ดเวิร์ด โคลแมน (Edward Colman) เลขานุการของพระองค์ถูกกล่าวชื่อโดย
ไททัส โอตส์ (Titus Oates) ระหว่าง
การคบคิดพ็อพพิช (ค.ศ. 1678) ว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ทางฝ่ายชนชั้นปกครองที่เป็น
โปรเตสแตนต์ก็เริ่มรวมตัวกันต่อต้าน เพื่อเลี่ยงไม่ให้ระบบการปกครองในอังกฤษกลายเป็นสภาวะการปกครองแบบระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสถ้าดยุคแห่งยอร์คมีโอกาสขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเชษฐาผู้ไม่มีรัชทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย เซอร์
เฮนรี คาเพล (Henry Capel) สรุปความรู้สึกทั่วไปของฝ่ายต่อต้านสิทธิของดยุคแห่งยอร์คเมื่อกล่าวปาฐกถาในรัฐสภาเมื่อวันที่
27 เมษายน ค.ศ. 1679:การปาฐกถาของคาเพลครั้งนี้ทำให้รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับสถานะการณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีข่าวลือที่ว่า
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสทรงพยายามเข้ามามีส่วนพยายามทำให้รัฐบาลของพระเจ้าชาร์ลส์เป็นกลางโดยใช้การติดสินบนโดยตรง
ทอมัส ออสบอร์น ดยุคแห่งลีดส์ที่ 1 ก็ถูกปลดในฐานะแพะรับบาปพระเจ้าชาร์ลส์จึงทรงยุบ
รัฐสภา แต่รัฐสภาใหม่ก็กลับมาประชุมอีกในเดือนมีนาคมปี ค.ศ. 1679 ซึ่งเป็นรัฐสภาที่ยิ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์มากกว่ารัฐสภาเดิม และสั่งจับแดนบีไปจำขังใน
หอคอยแห่งลอนดอนเมื่อวันที่
15 พฤษภาคม ค.ศ. 1679,
แอนโทนี แอชลีย์ คูเปอร์ เอิร์ลแห่งชาฟท์สบรีที่ 1 (Anthony Ashley Cooper, 1st Earl of Shaftesbury) ก็เสนอร่างพระราชบัญญัติยกเว้นในสภาสามัญชน เพื่อยกเว้นดยุคแห่งยอร์คจากการขึ้นครองราชบัลลังก์อังกฤษ บางกลุ่มถึงกับหันไปสนับสนุน
ดยุคแห่งมอนม็อธผู้เป็นพระโอรสนอกสมรสของพระเจ้าชาร์ลส์ผู้เป็นโปรเตสแตนต์ เมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ทรงเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติจะได้รับการอนุมัติพระองค์ก็ทรงใช้
พระราชอภิสิทธิ์ (Royal prerogative) ในการยุบรัฐสภา รัฐสภาต่อๆ มาพยายามอนุมัติร่างพระราชบัญญัติพระองค์ก็ยุบสภาอีก“ผู้ยื่นคำร้อง” ที่พยายามเรียกร้องให้พระเจ้าชาร์ลส์เปิดสมัยประชุมรัฐสภาเพื่อผ่านร่างพระราชบัญญัติก็กลายเป็น “พรรควิก” ส่วนฝ่ายค้านที่เรียกกันว่า “Abhorrers” ที่เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติเป็นสิ่งที่ “น่าเกลียด” (abhorrent) ก็วิวัฒนาการเป็นพรรคทอรีฝ่ายที่สนับสนุนเอิร์ลแห่งชาฟท์สบรี (เริ่มเป็นที่รู้จักกันว่า “
พรรควิก”) พยายามสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนไปทั่วประเทศถ้ามีประมุขเป็นโรมันคาทอลิก โดยการกระพือข่าวลือเรื่องแผน
การคบคิดพ็อพพิช และทุกเดือนพฤศจิกายนในโอกาสครบรอบการขึ้นครองราชสมบัติของ
พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ก็มีการจัดขบวนแห่หุ่นพระสันตะปาปาและสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของโรมันคาทอลิกในกรุงลอนดอนก่อนที่จะนำในไปเผาในกองเพลิงใหญ่ ส่วนผู้สนับสนุนพระเจ้าชาร์ลส์ก็โต้ตอบด้วยกันทำให้ประชาชนรำลึกถึงความทารุณในสมัยปกครองของ
เครือจักรภพแห่งอังกฤษแม้ว่าจะสามารถจะเรียกรัฐสภาได้อีกสองครั้งเพื่อจะผ่านร่างพระราชบัญญัติแต่ฝ่ายพระเจ้าชาร์ลส์ก็สามารถทำให้ประชาชนเห็นว่าพรรควิกเป็นฝ่ายผู้พยายามก่อความไม่สงบ ภายในปี
ค.ศ. 1681 ขบวนการก็สลายตัวลงและเมื่อร่างพระราชบัญญัติผ่านไปยังสภาขุนนางก็ไม่ได้รับการอนุมัติ