ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติก พ.ศ. 2562 คือช่วงของฤดูกาลที่เคยมีการก่อตัวของ
พายุหมุนเขตร้อนใน
ซีกโลกเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นปีที่สี่ติดต่อกันแล้วที่มีกิจกรรมของฤดูกาลสูงกว่าค่าเฉลี่ยนับตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2559 และเท่ากับเมื่อปี
พ.ศ. 2512 และเป็นฤดูกาลที่มีการใช้ชื่อพายุมากที่สุดเป็นอันดับที่สี่ ในบรรดาฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติกที่มีการบันทึกไว้ด้วย โดยมีพายุได้รับชื่อ 18 ลูก และมีพายุหมุนเขตร้อนทั้งสิ้น 20 ลูก แม้ว่าหลายลูกจะเป็นพายุกำลังอ่อนและมีช่วงชีวิตที่สั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายของฤดูกาลก็ตาม ฤดูกาลอย่างเป็นทางการนั้นเริ่มนับในวันที่ 1 มิถุนายน และสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายน วันเหล่านี้เป็นขอบระยะเวลาตามประวัติศาสตร์ที่จะมีพายุก่อตัวขึ้นมากที่สุดใน
แอ่งแอตแลนติก อย่างไรก็ตาม
การก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนสามารถก่อตัวได้ทุกเวลาในปี ซึ่งแสดงให้เห็นในฤดูกาลนี้ด้วยการก่อตัวขึ้นของพายุกึ่งโซนร้อนแอนเดรียในวันที่ 20 พฤษภาคม โดยเป็นเวลาห้าปีติดต่อกันมาแล้ว ที่มีพายุหมุนเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อนก่อตัวขึ้นก่อนวันเริ่มฤดูกาลอย่างเป็นทางการ ทำลายสถิติเดิมที่ช่วงปี พ.ศ. 2494–2497 ทำไว้
[1] นอกจากนี้ปีนี้ยังเป็นปีที่สองติดต่อกันแล้ว ที่ไม่มีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในเดือนมิถุนายนเลยพายุเฮอริเคนลูกแรกของฤดูกาลชื่อว่า แบร์รี ก่อตัวขึ้นในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ทางด้านเหนือของอ่าวเม็กซิโก และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่
รัฐลุยเซียนาของ
สหรัฐ จากนั้นกิจกรรมของแอ่งเว้นว่างไปเป็นเวลาห้าสัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนสิงหาคม โดยมีพายุก่อตัวขึ้นบ้าง รวมทั้งพายุเฮอริเคนโดเรียน ซึ่งส่งผลกระทบกับ
หมู่เกาะวินด์เวิร์ดและ
หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐในฐานะพายุหมุนเขตร้อนที่มีกำลังแรง และจากนั้นได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 5 อย่างรวดเร็วขณะกำลังประชิด
ประเทศบาฮามาส ซึ่งสร้างความเสียหายให้เกาะที่อยู่ทางปลายสุดด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังอีสเทิร์นซีบอร์ดต่อ และสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมากในเดือนกันยายน พายุโซนร้อนเฟอร์นันด์ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วใกล้กับชายฝั่งเม็กซิโก และได้พัดขึ้นฝั่งใน
รัฐตาเมาลีปัสของ
ประเทศเม็กซิโก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งรัฐ พายุเฮอริเคนอุมเบร์โตทำให้เกิดฝนตกอย่างหนักและมีลมแรงระดับเฮอริเคนไปถึง
เบอร์มิวดาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พายุเฮอริเคนนิโคลในปี พ.ศ. 2559 ต่อมาพายุโซนร้อนอีเมลดาก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วใน
อ่าวเม็กซิโก ก่อนจะ
พัดขึ้นฝั่งใน
รัฐเท็กซัส ทำให้เกิดอุทกภัยขึ้นในพื้นที่ ขณะที่พายุเฮอริเคนลอเรนโซได้กลายเป็นพายุระดับ 5 ที่อยู่ทางด้านตะวันออกสุดในบันทึกของพายุเฮอริเคนแอตแลนติก และทำให้เรือสัญชาติฝรั่งเศสชื่อ Bourbon Rhode อับปางลงหลังจากที่แล่นผ่านตัวพายุ นอกจากนี้พายุเนสตอร์ยังทำให้เกิดเหตุการณ์พายุทอร์เนโดพัดถล่มไปทั่วทั้งด้านตะวันตกของรัฐฟลอริดา ในช่วงกลางเดือนตุลาคม ทำให้เกิดความเสียหายปานกลางในพื้นที่ที่เคยได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไมเคิลเมื่อปีก่อน พายุเฮอริเคนลูกสุดท้าย คือ พายุเฮอริเคนปาโปล กลายเป็นพายุเฮอริเคนที่ก่อตัวขึ้นทางตะวันออกที่สุดนับตั้งแต่พายุเฮอริเคนวินซ์ พายุโดเรียนและโลเรนโซ ทำให้ฤดูกาลกลายเป็นฤดูกาลที่สี่ติดต่อกันแล้วที่มีพายุอย่างน้อยหนึ่งลูกเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 5 (แมตทิวในปี 2559, ไอร์มาและมารีอาในปี 2560 และไมเคิลในปี 2561) และยังเป็นหนึ่งในเจ็ดฤดูกาลที่มีพายุเฮอริเคนระดับ 5 หลายลูกด้วย