เมนูนำทาง
ลายวงกต วงกตโบราณใน “สารานุกรมธรรมชาติวิทยา” (Naturalis Historia) พลินิกล่าวถึงวงกตสี่ประเภท: วงกตครีต, วงกตอียิปต์, วงกตเล็มนอส และ วงกตอิตาลี
“Labyrinth” เป็นคำที่มาก่อนภาษากรีก (ภาษาพาลาสเจียน) ที่นำเข้ามาใช้ในภาษากรีกคลาสสิกที่อาจจะมีความสัมพันธ์กับคำจากภาษาลิเดียว่า ว่า “Labrys” (“ขวานลาบริส” หรือขวานสองคมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจซึ่งตรงกับทฤษฎีที่ว่าวงกตเดิมเป็นพระราชวังมิโนอันบนเกาะครีต และ แปลว่า “พระราชวังแห่งขวานสองคม”) สมาสกับคำว่า “-inthos” ที่แปลว่า “สถานที่” (เช่น “โครินธ์”) กลุ่มพระราชวังแห่งคนอสซอสบนเกาะครีตมักจะได้รับการกล่าวถึง แต่ลานเต้นรำที่เป็นลวดลายวงกตจริงยังไม่พบ แต่ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 ผู้ที่ไปเยี่ยมชมก็จะได้รับการชี้ให้ดูสิ่งที่กล่าวกันว่าเป็นวงกตแห่งคนอสซอส (ฟิลอสทราทอส, Apollonii Tyanei iv.34).[6]
ตามตำนานเทพเจ้ากรีกมิได้กล่าวถึงสตรีที่พำนักอยู่ในวงกตในครีต แต่ศิลาที่จารึกเป็นอักษรไลเนียร์บีที่พบที่คนอสซอสบันทึกถึงของขวัญ “แด่ทวยเทพถวายน้ำผึ้ง; แต่เทพีแห่งวงกตถวายน้ำผึ้ง” ซึ่งก็หมายความว่าเทพทั้งหมดรวมกันแล้วก็ได้รับน้ำผึ้งเท่ากับเทพีแห่งแห่งวงกตเพียงองค์เดียว นักเทพวิทยาเคโรลี เคอเรนยี (Károly Kerényi) ตั้งข้อสังเกตว่า “เทพีแห่งวงกตน้ำผึ้งคงจะต้องเป็นเทพผู้มีความสำคัญเป็นอันมาก”[7]
วงกตของกรีกเป็นลวดลายวกวนอันไม่มีที่สิ้นสุดของลวดลายที่กันในปัจจุบันว่า “ลายกุญแจกรีก”[8] (Meander) ในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช เหรียญกษาปณ์จากคนอสซอสก็ยังคงใช้ลวดลายวงกตบนเหรียญ ลวดลายวงกตที่นิยมใช้ตั้งแต่ช่วงเวลานี้เป็นลายวงกตเจ็ดชั้นที่กันว่า “วงกตคลาสสิก”
ต่อมาคำว่า “Labyrinth” นำมาใช้ในการเรียกวงกตวกวนทางเดี่ยวไม่ว่าจะเป็นทรงกลมหรือทรงสี่เหลี่ยม เมื่อถึงศูนย์กลางทางที่เส้นทางนำเข้าไปแล้วก็จะเป็นเส้นทางที่นำออกมาจากวงอีก ในบทสนทนาโสกราตีสที่เพลโตเขียนใน “บทสนทนายูธีเดมัส” (Euthydemus) โสกราตีส บรรยายการโต้แย้งตรรกศาสตร์เส้นวงกตว่า:
|
วงกตครีตที่คนอสซอสเป็นสิ่งที่สานพันอย่างลึกล้ำในตำนาน แต่ก็ปรากฏอย่างแจ่มแจ้งในหลักฐานทางโบราณคดีในรูปแบบของวงกตยุคสัมริดขนาดใหญ่ที่คนอสซอส การสร้างวงกตเป็นลานเต้นรำและสำหรับอารีอัดเนไม่ไช่สำหรับไมนอสได้รับการบรรยายโดยโฮเมอร์ใน “อีเลียด” xviii.590–593 ในรูปของลวดลายที่เฮเฟียทัสจารึกบนเกราะของอคิลลีส ที่เป็นภาพของลานเต้นรำ “เช่นเดียวกับลานที่เดดาลัสออกแบบในเมืองอันกว้างใหญ่แห่งคนอสซอสสำหรับอารีอัดเน...” และบรรยายต่อไปถึงการเต้นรำวงกตบนเกราะว่าเมื่อ “หนุ่มสาวเมื่อถึงวัยสมรสจะเต้นรำกันบนลานนี้โดยการจับข้อมือต่อๆ กัน...เต้นเวียนประสานจังหวะกับเท้าเหมือนกับเต้นรอบแป้นหมุนสำหรับปั้นหม้อ...และจะเต้นจนกระทั่งแถวต่างๆ ที่เต้นเข้าไปหากันและกัน”
วงกตอาจจะใช้กับลักษณะสิ่งที่ซับซ้อนที่คล้ายกับโครงสร้างของวงกตปริศนาได้ เฮโรโดทัสใน “ประวัติศาสตร์” (Histories) เล่มสองบรรยายกลุ่มสิ่งก่อสร้างวงกตในอียิปต์ไว้ว่า “ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองที่เรียกว่าโครโคดิโบโพลิส (เมืองจระเข้)” ที่เฮโรโดทัสมีความเห็นว่ามีความซับซ้อนยิ่งไปกว่าการสร้างพีระมิดเสียอีก:
|
ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก็มีการขุดพบวงกตที่ยังคงเหลืออยู่ที่ยาว 11.5 ไมล์ตั้งแต่พีระมิดฮาวาราในจังหวัดไฟยุม[11] วงกตคงจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในสมัยต่อมา ภายในก็มีพระนามของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ พระนามที่เก่าที่สุดเป็นของฟาโรห์อเมเนมฮัตที่ 3[11] “เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าวว่าไม่แต่จะเป็นงานชิ้นใหญ่อันสำคัญ แต่ยังเป็นงานที่เป็นอนุสรณ์แก่พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ของอียิปต์ด้วย”[11]
ในปี ค.ศ. 1898 “พจนานุกรมฮาร์เพอร์คลาสสิกโบราณ” (Harpers Dictionary of Classical Antiquities) บรรยายวงกตอียิปต์ว่าเป็น “ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาศาสนสถานต่างๆ ในอียิปต์, ที่เรียกกันว่า “วงกต”, ซึ่งยังคงเหลือแต่ฐานที่ได้การอนุรักษ์อยู่”[12]
หนังสือ “สารานุกรมธรรมชาติวิทยา” (Naturalis Historia) (36.90) กล่าวถึงประติมากรกรีกสมิลิสว่าเป็นผู้มีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกันกับเดดาลัส และ กับสถาปนิกและประติมากรรอยคอส (Rhoikos) และ ธีโอโดรอส (Theodoros) สองคนที่กล่าวกันว่าเป็นผู้สร้างวงกตเล็มนอส (Lemnian labyrinth) ซึ่งแอนดรูว์ สจวต[13] กล่าวว่าเป็น “สาเหตุของความเข้าใจผิดของที่ตั้งของศาสนสถานเซเมียน en limnais (ในเชิงเลน)”
ตามบทเขียนของพลินิ ที่บรรจุศพของขุนพบอีทรัสคันลาร์ส พอร์เซนาประกอบด้วยวงกตปริศนาใต้ดิน คำบรรยายของพลินิของส่วนที่เข้าไปได้ของที่บรรจุศพเป็นที่ที่หาทางเข้าไม่ได้ พลินิดูเหมือนจะไม่ได้ตรวจสอบโครงสร้างด้วยตนเอง แต่บรรยายจากบทเขียนของนักประวัติศาสตร์โรมันมาร์คัส เทเรนเชียส วาร์โร
ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีวงกตกรีก ลวดลายวงกตก็ปรากฏในวัฒนธรรมของกลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกันในสหรัฐอเมริกา, ในวงกตของโทโฮโน อูแดมที่เป็นลวดลายของ “ลิตอย” (I'itoi) หรือ “คนในวงกต” วงกตของโทโฮโน อูแดมมีลักษณะสองอย่างที่แตกต่างจากวงกตกรีก ตรงที่เป็นลายที่กระจายออกจากศูนย์กลางเป็นลักษณะรัศมี และทางเข้าจะอยู่ตอนบน ซึ่งของกรีกจะอยู่ตอนล่าง
ลายสลักหิน (Petroglyph) จากสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ปรากฏตามริมฝั่งแม่น้ำที่กัวก็มีลวดลายที่สร้างมาตั้งแต่ราว 2500 ก่อนคริสต์ศักราช ตัวอย่างอื่นที่พบก็ได้แก่ศิลปะในถ้ำทางตอนเหนือของอินเดีย และเพิงหินในบริเวณเทือกเขานิลคีรีที่ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอนว่าสร้างขึ้นเมื่อใด วงกตสมัยแรกในอินเดียมีลักษณะเดียวกับ “วงกตคลาสสิก” บางวงกตก็ได้รับการบรรยายว่าเป็นผังสำหรับป้อม หรือ เมือง. ปัทมยุทธวงกตปรากฏในงานบันทึกลายลักษณ์อักษรและในวัชรยานตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ที่มักจะเรียกว่า “จักรยุทธ” (Chakravyuha) ที่หมายถึงการจัดกองทัพให้ฝ่ายศัตรูไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้ในมหากาพย์มหาภารตะ ลงกาซึ่งเป็นเมืองในรามเกียรติ์ก็ได้รับการบรรยายว่ามีลักษณะเป็นวงกตในฉบับที่แปลในปี ค.ศ. 1910 ใน “อินเดีย” โดยอบู เรย์ฮัน บิรูนี[14]
นอกจากนั้นที่หมู่เกาะโซโลเวทสกีในทะเลขาวก็มีวงกตหินกว่า 30 วงที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ ที่เด่นที่สุดคือวงกตหินบนเกาะบอลชอยซายัทสกี ซึ่งเป็นกลุ่มวงกตสิบสามสิบสี่วงกตในบริเวณ .4 ตารางกิโลเมตรบนเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่ง ที่เชื่อกันว่ามีอายุเก่าแก่ราว 2,000 ถึง 3,000 ปีมาแล้ว[15]
เมนูนำทาง
ลายวงกต วงกตโบราณใกล้เคียง
แหล่งที่มา
WikiPedia: ลายวงกต http://www.gottesformel.ch/Labyrinth/Labyrinth-Hoe... http://www.guerrillalabyrinths.com http://www.sacred-texts.com/etc/ml/index.htm http://www.sacred-texts.com/etc/ml/ml27.htm http://SpiralZoom.com http://www.wondermondo.com/Countries/E/RUS/Arkhang... http://www.begehbare-labyrinthe.de/ http://www.irrgartenwelt.de http://www.mymaze.de/ http://www.mymaze.de/home_e.htm