ประวัติ ของ ลายอาหรับ

งานศิลปะเชิงเรขาคณิตในรูปแบบเชิงอาหรับไม่ได้ใช้กันโดยทั่วไปในตะวันออกกลาง หรือบริเวณเมดิเตอร์เรเนียนมาจนกระทั่งถึงสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของยุคทองของอิสลาม ในช่วงนั้นหนังสือคณิตศาสตร์ของกรีกโบราณและอินเดียได้รับการแปลเป็นภาษาอาหรับที่ “บ้านแห่งมันตา” (بيت الحكمة‎ - House of Wisdom) หรือ “บัยต อัล หิกมะห์” ในแบกแดดที่เป็นศูนย์กลางของการศึกษาการปรัชญาของโลกมุสลิม เช่นเดียวกับยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในยุโรปที่ตามมา ความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, วรรณกรรมและประวัติศาสตร์เผยแพร่เข้าไปในสังคมของมุสลิมอย่างแพร่หลาย

งานของนักปราชย์โบราณเช่นเพลโต, ยูคลิด, อารยภาตะ (Aryabhata) และพราหมคุปตะ (Brahmagupta) ได้รับการศึกษากันอย่างแพร่หลายในบรรดาผู้มีการศึกษา และมีการทำการค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ที่เกิดขึ้นจากความต้องการของศาสนาอิสลามในการคำนวณกิบลัต เวลาประกอบกิจละหมาดและรอมะฎอน[6] ปรัชญาของเพลโตที่เกี่ยวกับการมีอยู่ของความเป็นจริงที่แยกออกไปจากสิ่งอื่นที่เป็นความเป็นจริงอันสมบูรณ์แบบทั้งในทางรูปทรงและลักษณะ, ทฤษฎีเรขาคณิตของยูคลิดที่ขยายความโดยอัล-อับบาส อิบุน ซาอิด อัล-ยาวารี (العباس بن سعيد الجوهري‎ - Al-Abbās ibn Said al-Jawharī) (ราว ค.ศ. 800ค.ศ. 860) ใน “ความเห็นเกี่ยวกับทฤษฎีของยูคลิด”, ตรีโกณมิติโดยอารยภาตะและพราหมณคุปตะที่ขยายความโดยอัลคอวาริซมีย์ (محمد بن موسی خوارزمی - Al-Khwārizmī) (ค.ศ. 780[7][8][9]-ค.ศ. 850) และการพัฒนาทฤษฎีเรขาคณิตทรงกลม[6] โดยอะบู อัลวาฟา บัซจานี (ابوالوفا بوزجانی‎ - Abū al-Wafā' Būzjānī) (ราว ค.ศ. 940ค.ศ. 998)

และทฤษฎีตรีโกณมิติทรงกลม[6] โดย อัล-ไจยานี (Al-Jayyani) (ราว ค.ศ. 989ค.ศ. 998)[10] ในการกำหนกิบลัต เวลาประกอบกิจละหมาดและรอมะฎอน[6] ต่างก็เป็นพื้นฐานที่เป็นแรงผลักดันในการสร้าง “ลวดลายอาหรับ” ด้วยกันทั้งสิ้น

ลักษณะลวดลายและสัญลักษณ์

ลวดลายอาหรับประกอบด้วยลวดลายเรขาคณิตที่ต่อเนื่องติดกันไป บางครั้งก็จะสลับด้วยอักษรวิจิตร ริชาร์ด เอ็ททิงเฮาเซนบรรยายลวดลายอาหรับว่าเป็น “ลวดลายพืชพรรณที่ประกอบด้วยลายใบปาล์มครึ่ง...และเต็ม ที่เป็นลวดลายที่ต่อเนื่องติดต่อกันไปอันไม่จบไม่สิ้น...ที่แต่ละใบงอกออกมาจากปลายใบก่อนหน้านั้น”[11] สำหรับผู้ที่ถือปรัชญาของอิสลามลวดลายอาหรับคือสัญลักษณ์ของสหศรัทธาและวัฒนธรรมของหลักปรัชญาของศาสนาอิสลาม

ลวดลายเรขาคณิตอาหรับภายใต้โดมของหลุมศพของฮาเฟซที่ชิราซ

องค์ประกอบสองประการ

“ลวดลายอาหรับ” มีองค์ประกอบสององค์ องค์ประกอบแรกคือหลักการที่ใช้ในการรักษาความเป็นระบบของโลก หลักการนี้รวมทั้งหลักการพื้นฐานที่ทำให้วัตถุมีโครงสร้างที่ดีและมั่นคง นอกจากนั้นก็เพื่อความสวยงาม องค์ประกอบแรกลายเรขาคณิตแต่ละลายที่ทำซ้ำก็จะมีความหมายเป็นสัญลักษณ์ในตัว เช่นสี่เหลี่ยมที่มีด้านเท่ากันสี่ด้านเป็นสัญลักษณ์ของธาตุหลักสี่อย่างที่มีความสำคัญต่อธรรมชาติเท่า ๆ กัน: ดิน, น้ำ, ลม และ ไฟ ถ้าขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไปโลกที่เราเห็นอยู่ที่ใช้สัญลักษณ์เป็นวงกลมภายในสี่เหลี่ยมก็จะสลายตัวและไม่อาจจะดำรงตัวอยู่ได้ องค์ประกอบที่สองมีรากฐานมาจากรูปทรงธรรมชาติของพืชพรรณต่าง ๆ องค์ประกอบนี้คือคุณสมบัติของความเป็นสตรีของการเป็นผู้ให้กำเนิด นอกจากนั้นจากการสำรวจลวดลายอาหรับแล้วบางครั้งก็อาจจะกล่าวได้ว่านอกจากองค์ประกอบสองประการดังกล่าวแล้วก็ยังอาจจะมีองค์ประกอบที่สามซึ่งก็คืออักษรวิจิตรอาหรับ

อักษรวิจิตร

ตัวอย่างของอักษรวิจิตรอาหรับบทเขียนจากอัลกุรอานที่เดลี

แทนที่จะแสวงหาสิ่งที่นำมาซึ่ง “ความเป็นจริงอันแท้จริง” (True Reality หรือ ความเป็นจริงในโลกทางจิตวิญญาณ) สำหรับมุสลิมแล้ว อักษรวิจิตรอาหรับคือการแสดงออกที่มองเห็นได้ของศิลปะที่เหนือศิลปะใด หรือศิลปะของคำอ่าน (หรือการเผยแพร่ความคิดและประวัติศาสตร์) ในศาสนาอิสลามเอกสารชิ้นที่สำคัญที่สุดที่ใช้เล่าขานกันคืออัลกุรอาน สุภาษิตและบทอ่านจากจากอัลกุรอานจะเห็นได้ในศิลปะอาหรับ

องค์ประกอบสามอย่างที่มารวมเข้าด้วยกันเป็น “ลวดลายอาหรับ” ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขององค์ประกอบสามอย่างที่แตกต่างกันซึ่งเป็นรากฐานของศาสนาอิสลาม

บทบาท

ลวดลายอาหรับอาจจะเป็นได้ทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ งานศิลปะในขณะเดียวกันก็เป็นงานทางคณิตศาสตร์ที่ลงตัวที่ดูแล้วมีความงดงามและเป็นสัญลักษณ์ ความเป็นสองภาคของลวดลายอาหรับทำให้แบ่งได้อีกเป็นศิลปะทางศาสนาและศิลปะของสาธารณชน แต่สำหรับชาวมุสลิมบางท่านสองสิ่งนี้ไม่มีความแตกต่างกัน เพราะศิลปะทุกรูปทุกแบบ โลกที่เราอยู่ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ต่างก็เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่สะท้อนสิ่งเดียวกัน คือพระประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงแสดงออกมาจากสิ่งที่ทรงสร้าง หรืออีกแนวคิดหนึ่งก็อาจจะกล่าวได้ว่ามนุษย์เราอาจจะเขียนรูปทรงเรขาคณิตที่ประกอบขึ้นเป็นลวดลายอาหรับขึ้น แต่รูปทรงเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในการเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น

ความมีแบบแผนและความเป็นเอกภาพ

งานลวดลายอาหรับที่สร้างในบริเวณต่าง ๆ จะมีความคล้ายคลึงกัน อันที่จริงแล้วความคล้ายคลึงกันดังว่าเห็นได้อย่างชัดเจนจนกระทั่งผู้เชี่ยวชาญแทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นลวดลายอาหรับประเภทใดหรือสมัยใด ซึ่งมีสาเหตุมาจากคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในการสร้างงานดังกล่าวเป็นสิ่งที่เป็นสากล

ฉะนั้นสำหรับมุสลิมโดยทั่วไปงานศิลปะที่ดีที่สุดสามารถสร้างขึ้นโดยมนุษย์เพื่อใช้ในมัสยิดคืองานศิลปะที่แสดงความมีแบบแผนและความเป็นเอกภาพเป็นพื้นฐาน ความมีแบบแผนและความเป็นเอกภาพของโลกที่เราอยู่เชื่อกันว่าเป็นเพียงเงาสะท้อนของโลกของจิตวิญญาณซึ่งตามความเชื่อของมุสลิมแล้วคือสถานที่ที่ความเป็นจริงที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้เท่านั้น ฉะนั้นการใช้รูปทรงเรขาคณิตจึงเป็นการแสดงออกความเป็นจริงอันสมบูรณ์เพราะสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างถูกบดบังด้วยบาปของมนุษย์