ระวังสับสนกับปลาวงศ์อื่น ดูที่:
วงศ์ปลาแป้นวงศ์ปลาแป้นแก้ว (
วงศ์: Ambassidae อดีตเคยใช้ Chandidae;
อังกฤษ: Asiatic glassfish) วงศ์
ปลากระดูกแข็งวงศ์หนึ่ง ใน
อันดับปลากะพง พบทั้ง
น้ำจืด น้ำกร่อย และ
ทะเลมีลักษณะโดยรวมมีรูปร่างเป็นรูปไข่ ส่วนหัวและท้องกว้าง ลำตัวแบนข้าง หัวโต ตาโต ปากกว้าง ครีบหลังแบ่งออกได้เป็น 2 ตอน ตอนแรกเป็นก้ามแข็งแรงและแหลมคม ตอนหลังเป็นครีบอ่อน ครีบหางเว้าลึก ครีบก้นมีก้านแข็ง 3 ชิ้น ครีบท้องมีก้านแข็ง 1 ชิ้น ครีบอกเล็ก ลำตัวโดยมากเป็นสีใสหรือขุ่นจนสามารถมองเห็น
กระดูกภายในลำตัวได้ ด้านท้องมี
สีเงินเป็นปลากินเนื้อ มักอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ เป็นปลาขนาดเล็กมีขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 10
เซนติเมตร อาศัยอยู่ใน
เขตอบอุ่นของชายฝั่ง
มหาสมุทรอินเดียจนถึง
ฟิลิปปินส์และ
ออสเตรเลีย มีทั้งหมด 8
สกุล 49
ชนิด สำหรับใน
ประเทศไทยพบในน้ำจืด 5 ชนิด โดยชนิดที่พบมากที่สุดคือ
ปลาแป้นแก้ว (Parambassis siamensis) และชนิดที่ใหญ่ที่สุดคือ
ปลาแป้นแก้วยักษ์ (P. wolffii)มี
ชื่อสามัญเรียกโดยรวมว่า "แป้นแก้ว" หรือ "แป้นกระจก" หรือ "กระจก" หรือ "ข้าวเม่า" ใน
ภาษาถิ่นเหนือเรียกว่า "แว่น" ใน
ภาษาอีสานเรียกว่า "คับของ" หรือ "ปลาขี้ร่วง" มีความสำคัญคือเป็นปลาเศรษฐกิจใช้บริโภคในพื้นถิ่น เช่น บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำ
ภาคกลาง โดยทำปลาแห้งและบริโภคสด อีกทั้งยังนิยมเลี้ยงกันเป็น
ปลาสวยงามด้วย โดยมักฉีด
สีเข้าในลำตัวปลา เป็นสีสันต่าง ๆ เช่น
สีเหลือง,
สีส้ม,
สีน้ำเงิน และเรียกกันในแวดวงปลาสวยงามว่า "ปลาเรนโบว์" หรือ "ปลาสายรุ้ง" ซึ่งเมื่อเลี้ยงนานเข้า สีเหล่านี้จะหลุดหายไปเอง โดยที่ปลาไม่ได้รับอันตราย
[1]