ถูกขับช่วงปฏิวัติใหญ่ทางวัฒนธรรมในจีน ของ วรรณไว_พัธโนทัย

ในปี ค.ศ. 1966 (พ.ศ. 2509) ประเทศจีนเกิดการปฏิวัติใหญ่ทางวัฒนธรรมโดยการสนับสนุนของ ประธานเหมา เจ๋อตง แก๊งอ๊อฟโฟร์ (เจียงชิงภรรยาเหมา, หวังหงเหวิน, จางชุนเฉียว, เหยาเหวินหยวน) และพวกซ้ายจัดที่กุมอำนาจในจีน พยายามเข้าริดรอนอำนาจและทำร้ายเหล่านักปฏิวัติที่เคยร่วมต่อสู้มากับประธานเหมา เจ๋อตง อาทิ ประธานาธิบดี หลิวเส้าฉี, นายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล, เติ้งเสี่ยวผิง ,จอมพลจูเต๋อ ฯลฯ รวมทั้งใช้นโยบายต่อต้านสหรัฐฯและสหภาพโซเวียตอย่างรุนแรงขณะนั้นสหรัฐกำลังปราชัยเสียฐานที่มั่นต่างๆหลายแห่งให้แก่พวกเวียดกงในสงครามเวียดนาม ซึ่งสหรัฐฯให้การสนับสนุนอยู่อย่างเต็มที่ จนสหรัฐฯเริ่มเหนื่อยหน่ายจากการสู้รบแบบยืดเยื้อ ของพวกเวียดกงซึ่งได้รับการหนุนหลังจากจีน สหรัฐฯจึงอยากยุติสงครามเวียดนามเต็มทน พอดีห้วงเวลาดังกล่าว ตรงกับช่วงที่ศาลยุติธรรมพิพากษาปล่อยตัวนายสังข์ พัธโนทัย พ้นข้อหาคดีมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ที่จอมพลสฤษดิ์ จับขังไว้เป็นเวลาถึง 7 ปี สหรัฐรู้ว่านายสังข์ พัธโนทัย มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับจีน โดยมีการส่งลูกไปอยู่กับจีนตั้งแต่เด็ก นายนอร์แมน บี ฮันน่า ที่ปรึกษาสถาทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นเพื่อนกับนายสังข์มาก่อน ได้เชิญนายสังข์ไปเลี้ยงแสดงความยินดีที่ได้รับการปล่อยตัวที่สถานทูตสหรัฐฯ และได้ปรารภกับนายสังข์เรื่องนี้ โดยสหรัฐฯยินดีจะพบปะเจรจา เพื่อขอยุติสงครามเวียดนามกับรัฐบาลจีน โดยสหรัฐฯพร้อมเจรจากับผู้แทนจีนในประเทศใดประเทศหนึ่งที่มีสถานทูตสหรัฐฯตั้งอยู่ก็ได้ โดยนายฮันน่าฯ ได้นำเรื่องยุติปัญหาสงครามนี้ มาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการออกหนังสือเดินทางไทยให้กับนายสังข์ ซึ่งต้องการจะไปเยี่ยมลูกที่ปักกิ่งที่ไม่ได้พบหน้ากันนานเป็นเวลา 10 ปีแล้ว

เมื่อนายสังข์ ได้รับหนังสือเดินทางไทยให้เดินทางออกนอกประเทศได้แล้ว นายสังข์จึงออกเดินโดยใช้เส้นทางฮ่องกงมาเก๊า และดำดินเข้าประเทศจีนไปพร้อมกับนายสุวิทย์ เผดิมชิต อดีตประธานนักศึกษาธรรมศาสตร์ และเปิดการเจรจาเพื่อยุติสงครามเวียดนามนี้ขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งขณะนั้นนายกรัฐมนตรีโจวเอินไหล ถูกแก๊งอ๊อฟโฟร์พยายามริดรอนอำนาจ ทำให้นายกฯโจว ไม่ทราบการเดินทางมาเยือนเมืองจีนของนายสังข์ พวกเรดการ์ดในกระทรวงต่างประเทศจึงเปิดเจรจากับนายสังข์เสียเอง โดยอ้างว่า นายกฯโจวติดภาระกิจยังไม่ว่างที่จะพบ ทำให้การเจรจาครั้งนั้นล้มเหลวและแสดงท่าที่แข็งกร้าวกับสหรัฐฯอย่างรุนแรงโดยไม่ยอมประณีประนอมใดๆและหลังจากเกลี้ยกล่อมนายสังข์ให้อยู่ร่วมขบวนการปฏิวัติไทยของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยในเมืองจีนไม่สำเร็จ นายสังข์จึงถูกส่งตัวออกจากประเทศจีนไป

ไม่ช้าไม่นาน นายวรรณไว พัธโนทัย ซึ่งแสดงท่าทีไม่ยอมอ่อนข้อต่อพวกเรดการ์ดที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกับนายสังข์และให้อยู่ร่วมขบวนการปฏิวัติไทยในเมืองจีนกับพรรคคอมมิวนิสต์ไทยด้วย นายวรรณไว จึงถูกตำรวจจีน 12 คน พร้อมคำประกาศของหน่วยงานความมั่นคงของจีน(กระทรวงสันติบาล) ขับออกจากประเทศจีนภายในเวลา 48 ชั่วโมง ในฐานะเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาและถูกจับตัวส่งออกไปทางเกาะมาเก๊า

เมื่อถูกผลักออกจากแดนจีนเข้ามาเก๊าแล้ว นายวรรณไวก็ถูกตำรวจมาเก๊าจับฐานหนังสือเดินทางไทยหมดอายุไปนานแล้ว นายวรรณไวจึงประกาศขอลี้ภัยทางการเมืองกับทางการมาเก๊าและได้ส่งโทรเลขด่วนถึงนายสังข์ผู้พ่อ นายสังข์จึงนำความไปบอกนายฮันน่าฯว่า นายวรรณไว ลูกชายของตนถูกขับออกจากประเทศจีน เพราะเรื่องที่นายฮันน่าฯฝากนายสังข์ไปกระทำนั้นแหละ นายฮันน่าฯ จึงสั่งหน่วยสืบราชการลับ(CIA)ให้มารับตัวนายวรรณไวกลับมาประเทศไทย เพราะรู้ดีว่านายวรรณไว เป็นบุคคลที่รู้เรื่องราวของประเทศจีนได้ลึกซึ้งที่สุดในยุคนั้น