อนาคตของยานสำรวจ ของ วอยเอจเจอร์_1

ภาพของยาน วอยเอจเจอร์ 1 จากกล้องโทรทัศน์วิทยุเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2013[79]
ภาพจำลองยาน วอยเอจเจอร์ 1 เทียบกับระบบสุริยะ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2018
ภาพจำลองยานทั้ง 2 ลำเทียบกับระบบสุริยะและเฮลิโอพอส เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2018

วอยเอจเจอร์ 1 จะเดินทางถึงเมฆออร์ตในราว 300 ปีข้างหน้า[80][81] และใช้จะเวลาราว 30,000 ปีในการเดินทางข้ามผ่าน[63][74] แม้ว่ายานจะไม่มุ่งหน้าไปยังดาวฤกษ์ใดๆ แต่อีกประมาณ 40,000 ปี ตัวยานจะอยู่ห่างจากดาว Gliese 445 ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาวยีราฟราว 1.6 ปีแสง[82] ดาวดวงนี้เคลื่อนที่มายังระบบสุริยะด้วยความเร็วประมาณ 119 กิโลเมตรต่อวินาที[82] นาซากล่าวไว้ว่า วอยเอจเจอร์ทั้งคู่ถูกลิขิตให้เร่ร่อนไปในทางช้างเผือกอาจจะชั่วนิรันดร์" ("The Voyagers are destined—perhaps eternally—to wander the Milky Way.")[83] และภายใน 300,000 ปีข้างหน้ายานจะอยู่ห่างจากดาว TYC 3135-52-1 ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ประเภท M3V น้อยกว่า 1 ปีแสง[84]

เชื่อว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 จะท่องไปในห้วงลึกของอวกาศโดยไม่ชนกับวัตถุใดๆ และไม่มีทางที่จะกู้คืนได้อีกแล้ว ในทางกลับกันยานสำรวจ นิวฮอไรซันส์ กลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้ความเร็วตอนปล่อยยานจากโลกจะสูงกว่ายานวอยเอจเจอร์ทั้งสองลำ แต่ยานวอยเอจเจอร์ทั้งสองลำกลับได้แรงส่งจากจากบินเฉียดดาวเคราะห์หลายดวง ซึ่งทำให้ความเร็วจากศูนย์กลางดวงอาทิตย์ (heliocentric velocity) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ยาน นิวฮอไรซันส์ กลับได้แรงส่งจากการบินเฉียดดาวพฤหัสบดีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในปี ค.ศ. 2019 ยาน นิวฮอไรซันส์ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 14 กิโลเมตรต่อวินาที ซึ่งช้ากว่ายาน วอยเอจเจอร์ 1 ไปประมาณ 3 กโลเมตรต่อวินาที และยังเคลื่อนที่ช้าลงเรื่อยๆ อีกด้วย[85]

ในปี ค.ศ. 2017 นาซาประกาศความสำเร็จในการติดเครื่องยนต์ไอพ่นควบคุมแนวโคจร (trajectory correction maneuver: TCM) ทั้งหมด 4 ตัวที่ติดตั้งบนยาน วอยเอจเจอร์ 1 ภายหลังมีการติดเครื่องยนต์ชุดนี้ครั้งแรกไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 เครื่องยนต์ชุดนี้สามารถใช้แทนเครื่องยนต์ที่ใช้ในการควบคุมตำแหน่งของจานสายอากาศที่เสื่อมสภาพไปนานแล้ว ซึ่งนั่นทำให้นาซายังสามารถรับส่งข้อมูลกับยาน วอยเอจเจอร์ 1 ต่อไปได้อีก 2 ถึง 3 ปี[86][87]

มีการปิดการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งบนยานเพื่อสงวนพลังงานไว้สำหรับอุปกรณ์ที่สำคัญอื่นๆ โดยเริ่มจากอุปกรณ์วัดทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่จำเป็นหรือได้รับข้อมูลมากเพียงพอแล้ว ขณะนี้อุปกรณ์ที่ยังเปิดใช้งานอยู่จะใช้สำหรับการศึกษาคุณสมบัติของอวกาศระหว่างดาว รวมถึงอวกาศภายนอกระบบสุริยะ ซึ่งได้แก่ รังสีคอสมิก อนุภาคมีประจุพลังงานต่ำ สนามแม่เหล็ก และคลื่นพลาสมา[88]

ในอนาคตนาซามีแผนที่จะปิดการทำงานของเทปบันทึกดิจิตอล (DTR) ที่ใช้ในการสำรองข้อมูลในยานเมื่อรอส่งกลับมายังโลก เพื่อโอนถ่ายพลังงานไว้สำหรับระบบป้องกันเชื้อเพลิงไฮดราซีนจากการเยือกแข็ง นอกจากนี้จะหยุดการใช้งานไจโรสโคปในการปฏิบัติภารกิจทั่วไป โดยมีการเขียนโปรแกรมให้ทำงานในกรณีที่มีข้อบกพร่องร้ายแรงเท่านั้น

ภายหลังปี ค.ศ. 2020 อุปกรณ์วัดทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่ติดตั้งบนยาน วอยเอจเจอร์ 1 เริ่มถูกปิดการทำงานทันที หรือมีการปิดการทำงานบางส่วน แล้วใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกันเท่าที่พลังงานไฟฟ้าที่หลงเหลืออยู่ ท้ายสุดยานจะยังคงสื่อสารกับโลกไปจนกว่าจะถึงปี ค.ศ. 2025 ที่คาดว่าจะไม่มีพลังงานไฟฟ้าหลงเหลือสำหรับยาน สุดท้ายยานจะขาดการติดต่อกับโลกไปตลอดกาลและโคจรไปในห้วงอวกาศโดยไร้การควบคุมใดๆ[22][88]

แหล่งที่มา

WikiPedia: วอยเอจเจอร์_1 http://lightyears.blogs.cnn.com/2011/12/06/spacecr... http://edition.cnn.com/2003/TECH/space/11/05/voyag... http://edition.cnn.com/TECH/space/9802/17/nasa.dis... http://news.discovery.com/space/voyager-1-flys-int... http://www.dnaindia.com/scitech/report_voyager-1-p... http://heavens-above.com/solar-escape.asp http://www.heavens-above.com/solar-escape.asp http://www.latimes.com/science/sciencenow/la-sci-s... http://www.mail-archive.com/medianews@twiar.org/ms... http://forum.nasaspaceflight.com/index.php?action=...