การหายไปของพระพุทธสิหิงค์องค์เล็ก ของ วัดพระพุทธสิหิงค์

แต่เดิมพระพุทธสิหิงค์องค์เล็กประดิษฐานอยู่ที่วัดพระพุทธสิหิงค์ อำเภอนาโยงมาช้านาน โดยมีการบันทึกหลักฐานไว้ในเพลาวัดอย่างชัดเจน ต่อมา พ.ศ. 2476 พระพุทธสิหิงค์องค์เล็กได้ย้ายไปประดิษฐานที่วัดหัวถนน ตำบลนาพละ อำเภอเมือง ในสมัยท่านพระนรากรบริรักษ์ เจ้าเมืองตรังสมัยนั้นบ้านของท่านอยู่ข้างวัดหัวถนน จะสามารถดูและองค์พระได้ง่ายที่สำคัญเมื่อถึงวันตรุษไทย(มหาสงกรานต์)จะสามารถอัญเชิญองค์พระมีอย่างง่ายดายต่างกับวัดพระพุทธสิหิงค์ที่อยู่กลางทุ่งนาเดินไปลำบากและวัดพระพุทธสิหิงค์ก็มีพระพุทธสิหิงค์อยู่แล้ว 2 องค์ อีกทั้งวัดพระพุทธสิหิงค์เมื่อเข้าหน้าฝนน้ำจะท่วมทุกปีเสี่ยงต่อการสูญหายขององค์พระ รวมทั้งยุคนั้นขุนโจรทางภาคใต้ระบาดหนักมาก พระพุทธสิหิงค์ได้หายไปจากวัดหัวถนนเมื่อ วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2526 โดยก่อนหายพระพุทธสิหิงค์ได้ประดิษฐานอยู่ในกุฏิไม่ยกพื้น ทางพระเฮียบเจ้าอาวาสวัดก็ได้แจ้งความแล้ว แต่เรื่องก็เงียบหาย ต่อมาพ.ศ. 2552ก็เมือข่าวดังขึ้นมาอีกครั้งโดยมีการลือว่าพระพุทธสิหิงค์ไปอยู่ในบ้านของอดีตประหลัดกระทรวงมหาดไทยแต่เสียชีวิตไปแล้วและลื่อกันอีกว่ากำลังอยู่ในการครอบครองของคุณหญิงท่านหนึ่งแต่ไม่มีการเปิดบ้านเพื่อพิสูจน์ ว่าที่ ร.ต.ชาญยุทธ เกื้ออรุณประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง(ในขณะนั้น) ได้ทำหนังสือส่งถึงนายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เพื่อให้แต่งตั้งคณะทำงานติดตาม พระพุทธสิหิงค์ พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดตรัง ต่อก็เงียบหายไปอีกครั้งและล่าสุด พ.ศ. 2559 นายดำรง ลีนานุรักษ์ อดีตรองอธิการมหาวิทยาลัยแม่โจ้เรียกร้องให้รื้อฟื้นคดีและทวงคืนพระพุทธสิหิงค์คืนมายังวัด (ขณะนี้อยู่ในการดำเนินการติดตามทวงคืน)

ใกล้เคียง

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดพระธรรมกาย วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร วัดพระธาตุลำปางหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร