วัยหมดประจำเดือน คือช่วงเวลาที่ผู้หญิงจะไม่มี
รอบประจำเดือนและไม่
สามารถตั้งครรภ์ได้อีก
[2][8] ส่วนใหญ่มักเริ่มต้นที่อายุ 49-52 ปี
[3] บุคลากรทางการแพทย์มักนิยามวัยหมดประจำเดือนว่าเริ่มต้นเมื่อผู้หญิงไม่มีประจำเดือนต่อเนื่องกันมากกว่า 1 ปี
[4] นอกจากนี้ยังอาจนิยามโดยพิจารณาจากปริมาณ
ฮอร์โมนที่ผลิตจาก
รังไข่ได้อีกด้วย
[9] ในผู้ที่ได้รับ
การผ่าตัดเอามดลูกออกแต่ยังเก็บรังไข่ไว้ อาจนับวัยหมดประจำเดือนว่าเริ่มตั้งแต่วันผ่าตัดหรือนับตั้งแต่วันที่ระดับฮอร์โมนเริ่มลดลงก็ได้
[9] ผู้หญิงที่ผ่าตัดเอามดลูกออกแล้วมักเริ่มมีอาการของวัยหมดประจำเดือนเร็วกว่าปกติ คือเริ่มที่อายุประมาณ 45 ปี
[10]เมื่อใกล้ถึงวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงมักมีรอบประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ
[11][12] โดยแต่ละรอบอาจจะกินเวลานานกว่าหรือสั้นกว่าปกติ และอาจมีเลือดออกมากกว่าหรือน้อยกว่าปกติ
[11] ในช่วงนี้ผู้หญิงมักมีอาการ
ร้อนวูบวาบ กินเวลาตั้งแต่ 30 วินาทีไปจนถึงประมาณ 10 นาที อาจมีอาการ
เหงื่อออก ตัวสั่น ผิวแดง ร่วมด้วย
[11] อาการเหล่านี้มักเป็นอยู่ประมาณ 1-2 ปี
[8] อาการอื่นที่อาจพบร่วมด้วยได้แก่
ช่องคลอดแห้ง นอนหลับยาก และอารมณ์แปรปรวน
[11] โดยมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละคน
[8] ก่อนหน้านี้เคยเชื่อกันว่าการเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของการเกิด
โรคหัวใจ แต่ต่อมาพบว่าน่าจะเป็นความสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับการเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
[8] ในผู้หญิงบางคนที่มีปัญหาสุขภาพบางชนิด เช่น
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือ
ปวดประจำเดือน อาการเหล่านี้อาจดีขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
[8]ปกติแล้วผู้หญิงมักเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนโดยธรรมชาติ
[5] บางรายอาจเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนเร็วกว่าปกติจาก
การสูบบุหรี่[4][13] สาเหตุอื่นๆ เช่น
การผ่าตัดเอารังไข่ออกทั้งสองข้าง และการใช้ยา
เคมีบำบัด[4] ในระดับสรีรวิทยาแล้วการเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนจะเริ่มต้นเมื่อระดับฮอร์โมน
เอสโตรเจนและ
โปรเจสเตอโรนที่ผลิตจากรังไข่เริ่มลดลง
[2] แพทย์สามารถตรวจวัดระดับฮอร์โมนเหล่านี้ได้จากเลือดหรือจากปัสสาวะ แต่ขั้นตอนนี้ไม่ใช่ขั้นตอนจำเป็นในการวินิจฉัยภาวะหมดประจำเดือน
[14]โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็นต้องมีการรักษาสำหรับการเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
[6] อย่างไรก็ดีอาการบางอย่างของภาวะนี้สามารถรักษาได้
[6] เช่น อาการร้อนวูบวาบดีขึ้นได้ด้วยการงดสูบบุหรี่ งดกาแฟ และแอลกอฮอล์ เป็นต้น
[6] การนอนในห้องนอนที่มีอากาศเย็นและการใช้พัดลมก็ช่วยได้เช่นกัน
[6] ยาที่มีที่ใช้ในการรักษาอาการของวัยหมดประจำเดือนมีหลายชนิด เช่น
ฮอร์โมนทดแทนสำหรับวัยหมดประจำเดือน
โคลนิดีน กาบาเพนติน และ
เอสเอสอาร์ไอ เป็นต้น
[6][7] การออกกำลังกายช่วยแก้ไขปัญหาการนอนหลับได้
[6] ก่อนหน้านี้มีการใช้ฮอร์โมนทดแทนกันอย่างแพร่หลาย แต่ปัจจุบันแนะนำให้ใช้เฉพาะในรายที่มีอาการมาก เนื่องจากมีข้อกังวลเรื่องผลข้างเคียง
[6] การรักษาทางเลือกเพื่อบรรเทาอาการจากวัยหมดประจำเดือนยังไม่มีหลักฐานคุณภาพสูงเพียงพอที่จะแนะนำให้ใช้โดยทั่วไป
[8] แต่มีหลักฐานบางส่วนบ่งชี้ว่าอาจใช้
ไฟโตเอสโตรเจนช่วยได้
[15]