วิกฤตการณ์ทางสังคมเศรษฐกิจและการเมืองเริ่มขึ้นใน
ประเทศเวเนซุเอลาในปี 2553 ภายใต้ประธานาธิบดี
อูโก ชาเบซและดำเนินต่อมาจนประธานาธิบดี
นิโกลัส มาดูโรคนปัจจุบัน สถานการณ์ปัจจุบันเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เวเนซุเอลา
[1] และนับเป็นวิกฤตครั้งเลวร้ายที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ในทวีปอเมริกา
[2][3] โดยมีภาวะเงินเฟ้อเกิน ความอดอยากสูง โรค อาชญากรรมและอัตราตาย และการย้ายออกนอกประเทศขนานใหญ่
[4] ผู้สังเกตการณ์และนักเศรษฐกิจแถลงว่า วิกฤตดังกล่าวมิใช่ผลลัพธ์แห่งความขัดแย้งหรือภัยธรรมชาติแต่เป็นผลพวงจากนโยบาย
ประชานิยมซึ่งเริ่มตั้งแต่
การปฏิวัติโบลิบาร์ของรัฐบาลชาเบส
[5][6][7][8][9][10] โดยสถาบันบรุกคิงส์แถลงว่า "ประเทศเวเนซุเอลากลายเป็นตัวแทนให้เห็นว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวง การบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด และการปกครองซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตยสามารถนำไปสู่ความทรมานอย่างกว้างขวางได้อย่างไรโดยแท้"
[11]วันที่ 2 มิถุนายน 2553 ประธานาธิบดีชาเบสประกาศ "สงครามเศรษฐกิจ" เนื่องจากความขาดแคลนที่เพิ่มขึ้นในประเทศ วิกฤตดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้นภายใต้รัฐบาลมาดูโร และผลจากราคาน้ำมันที่ถูกในต้นปี 2558
[12][13] และปริมาณการผลิตน้ำมันที่ลดลงเนื่องจากขาดการบำรุงรักษาและการลงทุน รัฐบาลไม่สามารถตัดรายจ่ายเมื่อเผชิญกับรายได้จากน้ำมันที่ลดลงและรับมือกับปัญหาโดยปฏิเสธการมีอยู่ของปัญหา
[14][15] และปราบปรามการคัดค้านอย่างรุนแรง การฉ้อราษฎร์บังหลวงทางการเมือง การขาดแคลนอาหารและยาอย่างเรื้อรัง การปิดบริษัท การว่างงาน การลดลงของผลิตภาพ
ลัทธิอำนาจนิยม การละเมิดสิทธิมนุษยชน การบริหารเศรษฐกิจมวลรวมที่ผิดพลาด และการพึ่งพาน้ำมันอย่างสูงล้วนส่งเสริมให้วิกฤตนี้เลวร้ายลง การหดตัวของจีดีพีประชาชาติและต่อหัวในประเทศเวเนซุเอลาตั้งแต่ปี 2556–60 รุนแรงกว่าสมัยสหรัฐระหว่าง
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หรือของประเทศรัสเซีย คิวบาและอัลเบเนียหลัง
การล่มสลายของสหภาพโซเวียต[16][17] อัตราเงินเฟ้อต่อปีสำหรับราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละหลายแสน ส่วนเศรษฐกิจหดตัวเกือบร้อยละ 20 ต่อปีในปี 2559
[18] เมื่อปลายปี 2561 เงินเฟ้อแตะร้อยละ 1.35 ล้านวิกฤตดังกล่าวมีผลต่อชีวิตของชาวเวเนซุเอลาโดยเฉลี่ยทุกระดับ ในปี 2560 ความอดอยากรุนแรงถึงขั้นที่ประชากรเกือบร้อยละ 75 มีน้ำหนักลดลงกว่า 8 กิโลกรัม เกือบร้อยละ 90 ยากจน และกว่าครึ่งมีรายได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการอาหารขั้นพื้นฐาน
[19] นับตั้งแต่เริ่มวิกฤตจนถึงปี 2560 ชาวเวเนซุเอลากว่า 2.3 ล้านคนออกนอกประเทศ เวเนซุเอลาเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าคนสูงสุดในโลก โดยมีผู้ถูกฆ่า 90 ต่อ 100,000 คนในปี 2558