การปฏิวัติโบลิบาร์ (
สเปน: Revolución bolivariana) เป็นกระบวนการทางการเมืองใน
ประเทศเวเนซุเอลาซึ่งนำโดย
อูโก ชาเบซ ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาผู้ล่วงลับไปแล้ว ผู้ก่อตั้ง
ขบวนการสาธารณรัฐที่ 5 และ
สหพรรคสังคมนิยมเวเนซุเอลา (เปซุบ) การปฏิวัติโบลิบาร์ตั้งชื่อตาม
ซิมอน โบลิบาร์ ผู้นำการปฏิวัติของเวเนซุเอลาและ
ลาตินอเมริกาในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีบทบาทเด่นใน
สงครามการประกาศเอกราชฮิสแปนิกอเมริกาโดยช่วยปลดปล่อยพื้นที่ส่วนใหญ่ของอเมริกาใต้ตอนบนจากการปกครองของสเปน ตามที่ชาเบซและผู้สนับสนุนคนอื่น ๆ ได้กล่าวไว้นั้น การปฏิวัติโบลิบาร์สมุ่งสร้างความร่วมมือระหว่างชาติในทวีปอเมริกาเพื่อนำ
คตินิยมแบบโบลิบาร์ ชาตินิยม และระบบเศรษฐกิจที่นำโดยรัฐมาใช้ให้เกิดผลในวันเกิดปีที่ 57 ในขณะที่ชาเบซประกาศว่าเขากำลังรักษามะเร็ง เขาได้ประกาศเปลี่ยนคำขวัญการปฏิวัติโบลิบาร์จาก "ปิตุภูมิ สังคมนิยม หรือความตาย" เป็น "ปิตุภูมิสังคมนิยมและชัยชนะ ! พวกเราจะมีชีวิตอยู่และจะเป็นฝ่ายมีชัย !"
[1]ณ พ.ศ. 2561 ตำแหน่งผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีส่วนใหญ่ในเวเนซุเอลามีผู้สมัครรับเลือกตั้งจากเปซุบเป็นผู้ถือครอง ในขณะที่กลุ่ม
โต๊ะกลมสหภาพประชาธิปไตย (มุด) ซึ่งเป็นฝ่ายค้านได้ครองที่นั่งสองในสามของรัฐสภาใน พ.ศ. 2558
[2] ความเป็นปรปักษ์ทางการเมืองระหว่างเปซุบกับมุดได้ส่งผลให้การเดินขบวนของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและของฝ่ายค้านกลายเป็นการใช้ความรุนแรงหลายครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 150 คนใน พ.ศ. 2560
[3] นอกจากนี้ยังมีการอ้างและการโต้ตอบการอ้างเกี่ยวกับการจำคุกบุคคลจากฝ่ายค้าน โดยฝ่ายรัฐบาลอ้างว่าสถานะทางการเมืองของผู้ถูกจำคุกมิได้เป็นตัวกระตุ้นหรือเป็นตัวประวิงการฟ้องร้องความผิดอาญาที่พวกเขาถูกพิพากษาลงโทษ ในขณะที่ฝ่ายค้านอ้างว่าการจับกุมและการตั้งข้อหาต่าง ๆ มีแรงจูงใจทางการเมือง ด้วยเหตุจากนโยบาย
ประชานิยมที่ริเริ่มโดยรัฐบาลสมัยสาธารณรัฐโบลิบาร์
[4] เศรษฐกิจของเวเนซุเอลาได้เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้ออย่างยิ่งยวด
การขาดแคลนอาหารและยา และอัตราการเกิดอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น
[5]