ลักษณะสารานุกรม ของ วิกิพีเดีย

การแก้ไข

เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 มูลนิธิวิกิมีเดียได้จัดทำการศึกษาการใช้งานวิกิพีเดีย โดยตั้งคำถามผู้ใช้เกี่ยวกับกลไกการแก้ไข[40]

วิกิพีเดียดำเนินการด้วยรูปแบบการแก้ไข "วิกิ" ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งแตกต่างไปจากรูปแบบสารานุกรมในอดีต ทุกบทความสามารถแก้ไขได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีผู้ใช้ก่อน ยกเว้นบางหน้าที่มีการก่อกวนอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกคนก็ยังสามารถสร้างบทความใหม่ได้ ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของบทความในวิกิพีเดีย หรือมีบทความอยู่ภายใต้การกลั่นกรองของผู้มีอำนาจใด ๆ แต่บทความจะตกลงกันโดยมติเอกฉันท์

เมื่อบทความมีการเปลี่ยนแปลง การแก้ไขนั้นจะแสดงผลทันทีโดยปราศจากการตรวจทาน ไม่ว่าการแก้ไขนั้นจะมีข้อบกพร่อง เป็นข้อมูลที่ผิด หรือการแก้ไขไร้สาระ ขณะที่วิกิพีเดียบางภาษานอกเหนือไปจากวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ ซึ่งการควบคุมบริหารไม่ขึ้นต่อกัน สามารถปรับเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวได้อย่างเสรี ยกตัวอย่างเช่น วิกิพีเดียรุ่นภาษาเยอรมันบำรุงรักษาระบบ "รุ่นเสถียร" ของบทความ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นรุ่นบทความที่ผ่านการตรวจทานแล้วเท่านั้น ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2553 มีการประกาศว่าวิกิพีเดียภาษาอังกฤษจะยกเลิกการจำกัดการแก้ไขอย่างเข้มงวดจากบทความที่ "เป็นที่ถกเถียงกัน" หรือมีแนวโน้มว่าจะถูกก่อกวน โดยใช้การตรวจสอบแทนการจำกัดการแก้ไขสำหรับผู้ใช้ใหม่หรือไม่ได้ลงทะเบียน โดยจะมี "ระบบใหม่ ที่เรียกว่า 'การแก้ไขที่กำลังพิจารณา'" ซึ่งจิมมี เวลส์ให้สัมภาษณ์แก่บีบีซีว่า จะเป็นการทำให้วิกิพีเดียภาษาอังกฤษ "เปิดบทความให้ทุกคนแก้ไขได้หลังถูกห้ามมาหลายปี" ระบบ "การแก้ไขที่กำลังพิจารณา" เปิดตัวเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน การแก้ไขต่อบทความบางส่วนจะ "ต้องได้รับการทบทวนจากผู้พัฒนาวิกิพีเดียที่ได้รับการแต่งตั้งก่อนจึงจะแสดงผล" เวลส์ไม่เห็นด้วยกับระบบของวิกิพีเดียภาษาเยอรมันที่ต้องให้ตรวจสอบการแก้ไขในทุกบทความ โดยอธิบายว่ามัน "ทั้งไม่จำเป็นและไม่เป็นที่ต้องการ" เขาเสริมอีกว่า ผู้ดูแลระบบของวิกิพีเดียภาษาเยอรมัน "กำลังจะเฝ้ามองระบบของรุ่นภาษาอังกฤษอย่างใกล้ชิด และผมมั่นใจว่าอย่างน้อยพวกเขาจะพิจารณาเปลี่ยนแปลงหากผลลัพธ์ออกมาดี"[41]

ผู้ร่วมพัฒนา ไม่ว่าจะลงทะเบียนหรือไม่ ต่างก็สามารถใช้ประโยชน์ได้จากคุณลักษณะซึ่งเปิดโอกาสให้ใช้โดยซอฟต์แวร์ที่วิกิพีเดียทำงานอยู่ หน้า "ประวัติ" ที่ปรากฏในบทความทุกบทจะบันทึกรุ่นในอดีตทั้งหมดของแต่ละบทความ ถึงแม้ว่าประวัติส่วนที่มีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาท ข่มขู่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือข้อมูลที่ละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกนำออกหลังจากนั้น[42] คุณลักษณะดังกล่าวทำให้เป็นการง่ายที่จะเปรียบเทียบทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ย้อนการแก้ไขที่ถูกพิจารณาว่าไม่พึงประสงค์ หรือเรียกคืนเนื้อหาที่หายไป หน้า "อภิปราย" ของแต่ละบทความใช้เพื่อเป็นประสานงานระหว่างผู้ร่วมแก้ไขหลายคน[43] ผู้แก้ไขเป็นประจำมักจะ "เฝ้าดู" บทความที่พวกเขาสนใจ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถติดตามการแก้ไขล่าสุดของบทความนั้น ๆ ได้โดยง่าย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ตบอต ได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อย้อนการก่อกวนทันทีที่เกิดขึ้น[16] หรืออาจใช้เพื่อคำสะกดผิดที่พบบ่อย และปัญหาด้านการจัดรูปแบบ หรือเพื่อสร้างบทความใหม่ อย่างเช่น สร้างเอ็นทรีภูมิศาสตร์ในรูปแบบมาตรฐานจากข้อมูลสถิติ

บทความในวิกิพีเดียจัดอยู่ในสามแนวทาง ตามสถานะการพัฒนา สาระสำคัญของหัวเรื่อง และระดับการเข้าถึงที่จำเป็นต่อการแก้ไข สถานะบทความที่มีการพัฒนาสูงสุด จะเรียกว่า "บทความคัดสรร" ซึ่งก็คือ บทความที่ได้รับการเห็นชอบจากผู้แก้ไขวิกิพีเดียว่าจะแสดงในหน้าหลักของวิกิพีเดีย[44][45] นักวิจัย จาโคโม โปเดอรี พบว่าบทความมีแนวโน้มว่าจะได้รับสถานะบทความคัดสรรถ้าเป็นงานเขียนอย่างละเอียดถี่ถ้วนของผู้แก้ไขจำนวนน้อย[46] ใน พ.ศ. 2550 ในการเตรียมการจัดทำวิกิพีเดียรุ่นตีพิมพ์ วิกิพีเดียภาษาอังกฤษได้ริเริ่มเกณฑ์การประเมินเพื่อตัดสินคุณภาพของบทความ

โครงการวิกิเป็นแหล่งสำหรับกลุ่มผู้แก้ไขที่จะร่วมมือประสานงานกันในหัวเรื่องใดหัวเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ หน้าอภิปรายของโครงการวิกิมักจะใช้เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบทความต่าง ๆ วิกิพีเดียยังได้คงรูปแบบของการเขียนที่เรียกว่า คู่มือในการเขียน ซึ่งกำหนดเงื่อนไข อย่างเช่น ในประโยคแรกของแต่ละบทความ หัวเรื่องของบทความหรือชื่ออื่นที่เรียกหัวเรื่องนั้นควรจะทำเป็นตัวหนา

ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

เนื้อหาในวิกิพีเดียอยู่ภายใต้กฎหมาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายลิขสิทธิ์) ของสหรัฐอเมริกาและของรัฐฟลอริดา อันเป็นที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์วิกิพีเดียส่วนใหญ่ นอกจากนี้ หลักการแก้ไขวิกิพีเดียถูกรวบรวมไว้ใน "ห้าเสาหลัก" และนโยบายและแนวปฏิบัติจำนวนหนึ่งที่เจตนาเพื่อปรับรูปแบบของเนื้อหาให้เหมาะสม ระเบียบเหล่านี้จะถูกเก็บในรูปแบบวิกิ และชุมชนผู้ใช้วิกิพีเดียสามารถเขียนและทบทวนนโยบายและแนวปฏิบัติเหล่านี้[47] การบังคับใช้กฎโดยการลบหรือแก้ไขเนื้อหาบทความที่ไม่เป็นไปตามนั้น กฎระเบียบของวิกิพีเดียภาษาอื่นเริ่มต้นจากการแปลกฎระเบียบของวิกิพีเดียภาษาอังกฤษแล้วอาจมีส่วนต่อขยายแตกต่างกันไป กฎระเบียบเหล่านี้โดยทั่วไปมีความคล้ายกัน แต่แตกต่างกันในรายละเอียด

ตามระเบียบของวิกิพีเดียภาษาอังกฤษและภาษาไทย เนื้อหาที่ควรแก่การเก็บไว้บนวิกิพีเดียจะต้องเป็นเรื่องที่เป็นสารานุกรมและไม่ใช่บทความประเภทที่คล้ายกับพจนานุกรม หัวเรื่องควรจะเป็นไปตามมาตรฐานของวิกิพีเดียด้าน "ความโดดเด่น" ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วหมายความว่า หัวเรื่องนั้นจะต้องได้รับการกล่าวถึงอย่างสำคัญในแหล่งอ้างอิงทุติยภูมิที่น่าเชื่อถือ เช่น สื่อกระแสหลัก หรือวารสารวิชาการที่สำคัญ รวมถึงจะต้องไม่มีส่วนได้เสียกับหัวเรื่องด้วย นอกเหนือจากนั้น วิกิพีเดียจะต้องเผยแพร่เฉพาะความรู้ที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น หรือกล่าวได้ว่าจะไม่มีการนำเสนอข้อมูลใหม่หรืองานค้นคว้าต้นฉบับ การอ้างข้อมูลซึ่งอาจถูกคัดค้านได้จำเป็นต้องมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเป็นแหล่งอ้างอิงยืนยัน มีการกล่าวอยู่บ่อยครั้งในหมู่ผู้แก้ไขวิกิพีเดียว่า "พิสูจน์ยืนยันได้ ไม่ใช่ความจริง" เพื่อแสดงแนวคิดที่ว่าผู้อ่านเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของบทความและตีความด้วยตนเอง ไม่ใช่ตัวสารานุกรมที่เป็นผู้รับผิดชอบ ท้ายที่สุดคือ วิกิพีเดียจะต้องไม่เลือกข้าง ความคิดเห็นและมุมมองทั้งหมดซึ่งยกมาจากแหล่งข้อมูลอื่นนั้น จำต้องมีอยู่ในบทความโดยเสมอกัน[48] ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนโยบายมุมมองที่เป็นกลาง

วิกิพีเดียมีหลายวิธีในการจัดการกับข้อพิพาท วัฏจักร "กล้า ย้อน อภิปราย" เกิดขึ้นเป็นบางครั้ง โดยเป็นกรณีที่ผู้ใช้คนหนึ่งได้ทำการแก้ไข ขณะที่ผู้ใช้อีกคนหนึ่งย้อนการแก้ไขนั้น และประเด็นดังกล่าวได้รับการอภิปรายในหน้าอภิปรายอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะให้ได้รับมติประชาคมที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ประเด็นปัญหาหนึ่ง ๆ สามารถถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันที่ศาลาชุมชน หรือขอความเห็นเพื่อรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้คนอื่น นอกจากนี้ ยังมีหน้าสำหรับให้ผู้ใช้รายงานความไม่สุภาพ ไม่เป็นอารยะ หรืออุปสรรคในการสื่อสารกับผู้ใช้คนอื่นด้วย

ผลวิเคราะห์ทางสถิติบ่งชี้ว่าการแก้ไขข้อพิพาทของวิกิพีเดียนั้นมักจะละเลยเนื้อหาความขัดแย้งระหว่างผู้ใช้และมุ่งไปยังความประพฤติของผู้ใช้มากกว่า จึงไม่ค่อยแก้ไขข้อพิพาทหรือสร้างสันติระหว่างผู้ใช้ที่ขัดแย้งกันได้มากนัก แต่เป็นไปเพื่อยุติปัญหาโดยเร็วโดยกีดกันผู้ใช้สร้างปัญหาออก และดึงเอาผู้ใช้ที่มีศักยภาพในการสร้างสรรค์กลับเข้ามามีส่วนร่วม แนวทางแก้ไขเช่นนี้รวมไปถึงการแบนผู้ใช้จากวิกิพีเดีย (ประมาณ 15.7% ของกรณีทั้งหมด) ปรามหัวข้อที่ขัดแย้ง (23.4%) แบนบทความ (43.3%) และการเตือนกับคอยตรวจสอบความประพฤติ (63.2%) การแบนจากวิกิพีเดียตลอดกาลจำกัดอยู่เฉพาะกรณีที่มีการปลอมเป็นผู้อื่นและมีพฤติกรรมต่อต้านสังคม ขณะที่การเตือนมักใช้สำหรับเตือนเรื่องพฤติกรรมการแก้ไขและพฤติกรรมที่ค้านต่อมติส่วนใหญ่ มากกว่าจะใช้กับพฤติกรรมที่ต่อต้านสังคม[49]

สัญญาอนุญาตเนื้อหา

ข้อความทั้งหมดในวิกิพีเดียอยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตเอกสารเสรีของกนู (GDFL) สัญญาอนุญาตกอปปีเลฟต์ซึ่งอนุญาตให้มีการแจกจ่าย ดัดแปลงงานเขียน และนำเนื้อหาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ขณะที่ผู้สร้างสรรค์ผลงานยังคงถือครองลิขสิทธิ์ผลงานของตนอยู่ จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 เมื่อวิกิพีเดียเปลี่ยนไปใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แบบแสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน (CC-by-SA) 3.0[50] วิกิพีเดียได้ดำเนินการเปลี่ยนไปใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แทน GFDL นั้น เพราะเดิม GFDL ถูกออกแบบมาสำหรับคู่มือซอฟต์แวร์ และถูกพิจารณาว่าไม่เหมาะสมสำหรับงานอ้างอิงออนไลน์ และสัญญาอนุญาตทั้งสองนี้ไม่สามารถใช้แทนกันได้[51]

ตามคำร้องขอของมูลนิธิวิกิมีเดีย ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551 มูลนิธิซอฟต์แวร์เสรี (FSF) ได้ออกรุ่นใหม่ของ GFDL ซึ่งออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้วิกิพีเดียเปลี่ยนสัญญาอนุญาตเนื้อหาของตนเป็น CC-BY-SA ภายในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552 โดยเฉพาะ วิกิพีเดียและโครงการพี่น้องได้จัดการลงมติทุกโครงการเพื่อตัดสินใจว่าจะทำการเปลี่ยนแปลงสัญญาอนุญาตหรือไม่ การลงมติมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 9-30 เมษายน[52] ซึ่งผลออกมาว่าร้อยละ 75.8 เห็นด้วย ร้อยละ 10.5 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 13.7 ไม่มีความคิดเห็น[53] และหลังจากการลงมติดังกล่าว คณะกรรมการจัดการมูลนิธิได้ลงคะแนนเสียงเปลี่ยนไปใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ ซึ่งมีผลนับตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552[53]

การจัดการไฟล์สื่อ (เช่น ไฟล์ภาพ) แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นภาษา ทั้งนี้ เนื่องจากความแตกต่างของกฎหมายลิขสิทธิ์ในแต่ละประเทศ ยกตัวอย่างเช่น การอ้างนำไปใช้งานโดยชอบธรรมไม่มีอยู่ในกฎหมายลิขสิทธิ์ญี่ปุ่น ไฟล์สื่อซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตเนื้อหาเสรีจะถูกแบ่งกันใช้ทั่วรุ่นภาษาโดยคลังสื่อวิกิมีเดียคอมมอนส์ โครงการซึ่งบริหารจัดการโดยมูลนิธิวิกิมีเดียเช่นเดียวกัน

การนำเนื้อหาไปใช้ใหม่

เนื่องจากเนื้อหาวิกิพีเดียเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตเสรี ทุกคนจึงสามารถแจกจ่ายเนื้อหานี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เนื้อหาของวิกิพีเดียถูกนำไปตีพิมพ์ในหลายรูปแบบ ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ นอกเหนือไปจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย

  • เว็บไซต์: มีมิเรอร์ไซต์หลายพันแห่งที่นำเนื้อหาจากวิกิพีเดียไปลง โดยมีเว็บสองเว็บที่สำคัญ ซึ่งรวบรวมเนื้อหาจากแหล่งข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ ด้วย คือ Reference.com และ Answers.com อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ วาพีเดีย ซึ่งเริ่มแสดงเนื้อหาวิกิพีเดียในรูปแบบที่สามารถใช้งานกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ก่อนที่วิกิพีเดียจะเริ่มดำเนินการเอง
  • เสิร์ชเอนจิน: เว็บเสิร์ชเอนจินบางแห่งยังแสดงผลเนื้อหาจากวิกิพีเดียบนผลการค้นหาด้วย ตัวอย่างเช่น Bing.com และดั๊กดั๊กโก
  • วิกิอื่น: วิกิบางเว็บ ซึ่งที่สำคัญได้แก่เอนซีโกรเปเดียลีเบรและซิติเซนเดียม เริ่มต้นเป็นการแตกสาขาของเนื้อหาวิกิพีเดีย ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ดีบีพีเดีย ซึ่งเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2550 เป็นโครงการซึ่งคัดลอกข้อมูลมาจากกล่องข้อมูลและการประกาศหมวดหมู่ของวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ และทำให้ข้อมูลนั้นสามารถเข้าถึงได้ในรูปแบบอาร์ดีเอฟ ซีแมนติกเว็บที่สามารถสืบค้นได้ ความเป็นไปได้ดังกล่าวถูกเสนอให้วิกิพีเดียส่งออกข้อมูลโดยตรงในรูปแบบซีแมนติก ซึ่งทำได้โดยการใช้ส่วนขยายซีแมนติกมีเดียวิกิ การส่งออกข้อมูลดังกล่าวยังสามารถช่วยให้วิกิพีเดียนำข้อมูลของเว็บเองไปใช้ใหม่ได้ ทั้งระหว่างบทความในวิกิพีเดียภาษาเดียวกันและวิกิพีเดียคนละภาษา[54]
  • แผ่นบันทึกข้อมูลและดีวีดี: การรวบรวมบทความวิกิพีเดียยังพบได้ในรูปแบบแผ่นบันทึกข้อมูลด้วย รุ่นภาษาอังกฤษ ชุดข้อมูลซีดีวิกิพีเดีย 2006 ซึ่งประกอบด้วยบทความประมาณ 2,000 บทความ[55][56] รุ่นภาษาโปแลนด์บรรจุบทความถึงเกือบ 240,000 บทความ[57] นอกจากนี้ยังมีชุดภาษาเยอรมันอีกด้วย[58] ล่าสุด มีโครงการพัฒนาวิกิพีเดียเพื่อนำไปใช้ในเครื่องไอพ็อด[59] นอกจากนี้ "วิกิพีเดียสำหรับโรงเรียน" ซึ่งเป็นซีรีส์ซีดีและดีวีดีวิกิพีเดีย ผลิตโดยชาววิกิพีเดียและองค์กรการกุศลเอสโอเอสชิลเดรน ซึ่งเป็นงานไม่คิดค่าใช้จ่าย ตรวจสอบด้วยมือ และคัดสรรโดยไม่เกี่ยวกับการค้าจากวิกิพีเดีย มีเป้าหมายไปยังหลักสูตรแห่งชาติของสหราชอาณาจักรและมีเจตนาที่จะให้เป็นประโยชน์สำหรับผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลก โครงการดังกล่าวสามารถเข้าถึงได้ออนไลน์ สารานุกรมที่มีเนื้อหาเทียบเท่ากันจะมีความหนาประมาณ 20 เล่ม
  • หนังสือ: ยังมีความพยายามที่จะนำบทความวิกิพีเดียที่ถูกเลือกตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือ[60][61] นับตั้งแต่ พ.ศ. 2552 ได้มีคำสั่งพิมพ์หนังสือหลายหมื่นเล่ม ซึ่งลอกเนื้อหามาจากวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ เยอรมัน รัสเซีย และฝรั่งเศส ซึ่งตีพิมพ์โดยบริษัทอเมริกัน บุ๊กแอลแอลซี และบริษัทสาขาสามแห่งในประเทศมอริเชียส ของสำนักพิมพ์เยอรมัน เฟาเดเอ็ม[62]

การป้องกันการแก้ไขที่ไม่พึงประสงค์

รูปแบบการแก้ไขซึ่งมีธรรมชาติเปิดกว้างตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์หลักของวิกิพีเดีย ตัวอย่างเช่น ผู้อ่านไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าบทความนั้นไม่มีการสอดแทรกเนื้อหาข้อมูลผิด ๆ หรือนำข้อมูลที่สำคัญออก อดีตบรรณาธิการบริหารของสารานุกรมบริตานิกา รอเบิร์ต แมคเฮนรี เคยอธิบายถึงปัญหาดังกล่าวว่า[63]

ผู้ใช้ซึ่งเข้าชมวิกิพีเดียเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงบางประเด็น ก็เปรียบเหมือนกับผู้ที่มาใช้ห้องน้ำสาธารณะ มันอาจจะสกปรกอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเขาจึงรู้จักวิธีการดูแลตัวเองอย่างระมัดระวัง หรือมันอาจดูค่อนข้างสะอาด ที่อาจหลอกให้เข้าใจอย่างผิด ๆ ว่ามันปลอดภัย สิ่งที่เขาผู้นี้ไม่รู้เลยคือมีใครบ้างที่มาใช้ห้องน้ำแห่งนี้ก่อนหน้าเขาบ้าง[64]

อย่างไรก็ตาม การลบส่วนที่เป็นการก่อกวนที่เห็นได้อย่างชัดเจนออกจากบทความนั้นสามารถทำได้ง่าย เนื่องจากมีการเก็บบันทึกรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดของบทความไว้ ในทางปฏิบัติแล้ว เวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการตรวจจับและแก้ไขการก่อกวนนั้นกินเวลาสั้นมาก ปกติแล้วจะกินเวลาไม่กี่นาที[15][16] แต่มีกรณีที่รู้กันทั่วอยู่กรณีหนึ่งเมื่อมีการเพิ่มข้อมูลผิด ๆ ลงในบทความชีวประวัติของนักการเมืองอเมริกัน จอห์น ซีเจนทาเลอร์ โดยไม่ถูกตรวจพบเลยเป็นเวลานานถึงสี่เดือน[65] เขาเรียกวิกิพีเดียว่าเป็น "เครื่องมือวิจัยที่บกพร่องและไร้ความรับผิดชอบ"[65] จอห์น ซีเจนทาเลอร์ ผู้ก่อตั้งผู้อำนวยการกองบรรณาธิการของยูเอสเอทูเดย์ และผู้ก่อตั้งฟรีดอมฟอรัมเฟิสท์อะเมนด์เมนท์เซ็นเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ ได้โทรศัพท์ไปหาจิมมี เวลส์ และถามเขาว่าเวลส์รู้เห็นกับผู้ที่สอดแทรกข้อมูลที่ผิดหรือไม่ เวลส์ตอบว่าเขาไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม ตัวผู้กระทำได้ถูกตามจนพบในภายหลัง[66][67] เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายของเว็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพิสูจน์ยืนยันได้ของบทความชีวประวัติของบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมดให้รัดกุมยิ่งขึ้น

โครงสร้างที่เปิดเผยของวิกิพีเดียทำให้ตกเป็นเป้าการก่อกวนของเกรียน (troll) ได้ง่าย รวมทั้งการสแปม และผู้ต้องการเรียกร้องความสนใจ[42][68] การเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองในบทความโดยองค์กร ซึ่งรวมไปถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาและกลุ่มความสนใจพิเศษอื่น ๆ [14] ก็ได้ถูกพบด้วย[69] แม้แต่องค์กรอย่างเช่น ไมโครซอฟท์ ยังเสนอเงินจูงใจเพื่อให้มีการปรับปรุงบางบทความอีกด้วย[70] ประเด็นดังกล่าวถูกนำไปเขียนล้อเลียนเป็นอย่างมาก[71]

กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นคือ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2550 เมื่อเว็บไซต์วิกิสแกนเนอร์ได้เริ่มแกะรอยแหล่งที่มาของการแก้ไขวิกิพีเดียโดยผู้ใช้ปกปิดตนเองซึ่งไม่มีบัญชีผู้ใช้วิกิพีเดีย โปรแกรมได้เปิดเผยว่าการแก้ไขเหล่านี้จำนวนมากเป็นของบริษัทหรือหน่วยงานของรัฐซึ่งปรับเปลี่ยนเนื้อหาในบทความที่เกี่ยวข้องกับตัวองค์กร บุคลากรหรือผลงานขององค์กรนั้น[72]

ในทางปฏิบัติแล้ว วิกิพีเดียมีการป้องกันจากการโจมตีโดยระบบและเทคนิคอันหลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงผู้ใช้ที่คอยตรวจสอบหน้าและการแก้ไข (อาทิ รายการเฝ้าดู และหน้าปรับปรุงล่าสุด) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือบอต ซึ่งได้รับการออกแบบมาอย่างระมัดระวังเพื่อพยายามตรวจจับการโจมตีและแก้ไขการก่อกวนเหล่านี้โดยอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติ มีตัวกรองที่คอยเตือนผู้ใช้ถึงการแก้ไขที่ไม่พึงประสงค์ การบล็อกการเพิ่มลิงก์ไปยังเว็บไซต์บางเว็บ การบล็อกแก้ไขจากบัญชีผู้ใช้บางบัญชี หมายเลขไอพีหรือช่วงไอพีหนึ่ง ๆ

สำหรับหน้าที่ถูกโจมตีอย่างหนัก บทความบางบทอาจถูกกึ่งล็อกเพื่อให้เฉพาะบัญชีผู้ใช้ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีสามารถแก้ไขได้ หรือสำหรับบางกรณีที่มีข้อพิพาทกันหนักขึ้น อาจมีการล็อกถึงขั้นที่ว่ามีเฉพาะผู้ดูแลระบบเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขบทความได้ การล็อกเป็นมาตรการที่ใช้ไม่บ่อยครั้งนัก และโดยทั่วไปแล้วจะกินเวลาไม่นาน เฉพาะเมื่อการกระทำนั้นมีแนวโน้มว่าจะยังดำเนินต่อไปเท่านั้น

ความครอบคลุมของเนื้อหา

แผนภูมิวงกลมแสดงเนื้อหาวิกิพีเดียแบ่งตามประเภท เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2551[73]

วิกิพีเดียตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะสร้างบทสรุปความรู้ทั้งหมดของมนุษย์ในรูปแบบสารานุกรมออนไลน์ โดยมีหัวข้อความรู้แต่ละหัวข้อครอบคลุมหนึ่งบทความอย่างเป็นสารานุกรม เนื่องจากวิกิพีเดียมีเนื้อที่ไม่จำกัดอย่างแท้จริง จึงสามารถบรรจุเนื้อหาได้มากกว่าสารานุกรมตีพิมพ์แบบเก่าทุกเล่มที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังบรรจุสื่อหรือเนื้อหาที่บางคนอาจมองว่าน่ารังเกียจ ก้าวร้าว หรือลามกอนาจาร วิกิพีเดียแสดงจุดยืนชัดเจนว่านโยบายดังกล่าวมิได้มีไว้เป็นข้อโต้เถียงกัน และนโยบายดังกล่าวบางครั้งก็พิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดการโต้แย้งกันขึ้นบ่อยครั้ง อย่างเช่น ในปี พ.ศ. 2551 วิกิพีเดียปฏิเสธรับการร้องเรียนออนไลน์ต่อต้านการสอดแทรกเนื้อหาที่กล่าวถึงภาพวาดนบีมุฮัมมัดในรุ่นภาษาอังกฤษ โดยอ้างนโยบายดังกล่าว การมีอยู่ของสื่อที่อ่อนไหวทางการเมืองในวิกิพีเดียนำไปสู่การบล็อกการเข้าถึงวิกิพีเดียของสาธารณรัฐประชาชนจีน[74] และอาจรวมไปถึงมูลนิธิเฝ้าระวังภัยอินเทอร์เน็ต

จนถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 วิกิพีเดียมีบทความเนื้อหาครอบคลุมถึงสถานที่เกือบครึ่งล้านแห่งบนโลก อย่างไรก็ตาม งานวิจัยซึ่งดำเนินการโดยสถาบันอินเทอร์เน็ตออกซฟอร์ดได้แสดงให้เห็นว่า บทความภูมิศาสตร์นี้กระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ไม่เสมอกันอย่างมาก บทความส่วนใหญ่เขียนเกี่ยวกับอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียตะวันออก และมีส่วนน้อยมากที่กล่าวถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศกำลังพัฒนา รวมไปถึงส่วนใหญ่ของแอฟริกา[75]

การศึกษาวิจัยเมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอนและศูนย์วิจัยพาโลอัลโต ได้จำแนกจำนวนบทความแบ่งตามประเภท ตลอดจนอัตราการเพิ่มจำนวน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 ถึงมกราคม พ.ศ. 2551 ไว้ดังนี้[73]

  • ศิลปวัฒนธรรม: 30% (210%)
  • ชีวประวัติและบุคคล: 15% (97%)
  • ภูมิศาสตร์และสถานที่: 14% (52%)
  • สังคมและสังคมศาสตร์: 12% (83%)
  • ประวัติศาสตร์และเหตุการณ์: 11% (143%)
  • ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์กายภาพ: 9% (213%)
  • เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์: 4% (−6%)
  • ศาสนาและระบบความเชื่อ: 2% (38%)
  • สุขภาพ: 2% (42%)
  • คณิตศาสตร์และตรรกะ: 1% (146%)
  • ความคิดและปรัชญา: 1% (160%)

อย่างไรก็ดี พึงตระหนักจำนวนเหล่านี้หมายถึงจำนวนบทความ ซึ่งบางบทความอาจจะสั้นมาก ขณะที่บางบทความอาจมีความยาวมากก็ได้

การครอบคลุมที่แน่นอนของวิกิพีเดียยังคงอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างต่อเนื่องของผู้ร่วมพัฒนา และความไม่เห็นด้วยว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งควรจะมีในวิกิพีเดียหรือไม่ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด[76][77]

คุณภาพงานเขียน

เนื่องจากโดยปกติแล้วผู้ร่วมพัฒนาจะเรียบเรียงเนื้อหาเป็นส่วนน้อย ๆ มากกว่าแก้ไขปรับปรุงบทความทั้งบท จึงเป็นไปได้ที่ในบทความเดียวกันหนึ่ง ๆ จะมีเนื้อหาคุณภาพสูงและต่ำผสมปนเปกันอยู่ บางครั้งนักวิจารณ์ว่าการแก้ไขโดยผู้ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนั้นทำให้คุณภาพของงานต่ำ ตัวอย่างเช่น รอย โรเซนซไวก์ เคยวิจารณ์การเรียบเรียงภาษาและการที่ไม่สามารถแยกแยะสิ่งสำคัญแท้จริงกับสิ่งที่เพียงแต่น่าดึงดูดใจเท่านั้น เขากล่าวว่าวิกิพีเดีย "แม่นยำอย่างน่าประหลาดใจในการรายงานชื่อ วันที่ และเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สหรัฐ" (ซึ่งเป็นขอบเขตการศึกษาของโรเซนซไวก์) และข้อเท็จจริงที่ผิดพลาดเล็กน้อยนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะเนื้อหา "มีน้อยและไม่ต่อเนื่องกัน" และเนื้อหาบางส่วน "แค่ย้ำความเชื่อผิด ๆ ที่ยึดถือกันอย่างกว้างขวางเท่านั้น" ซึ่งยังได้ปรากฏซ้ำใน เอ็นคาร์ตา และ บริตานิกา เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขามีข้อวิจารณ์หนึ่งข้อใหญ่

การเขียนประวัติศาสตร์ที่ดีนั้นไม่เพียงแต่ต้องใช้เฉพาะข้อเท็จจริงที่แม่นยำเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการควบคุมผลงานตีพิมพ์อย่างเป็นวิชาการด้วย การวิเคราะห์และการตีความแบบชักจูง ตลอดจนการเขียนที่ชัดเจนและดึงดูดใจ และด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ ชีวประวัติแห่งชาติอเมริกันออนไลน์ (American National Biography Online) จึงทิ้งห่างวิกิพีเดียไปได้อย่างง่ายดาย[78]

เขายังเปรียบเทียบเนื้อหาของอับราฮัม ลินคอล์นในวิกิพีเดียกับที่เขียนโดยนักประวัติศาสตร์สงครามกลางเมืองอเมริกัน เจมส์ แมคเฟียร์สัน ใน ชีวประวัติแห่งชาติอเมริกันออนไลน์ เขากล่าวว่า ทั้งสองมีความถูกต้องแม่นยำของข้อมูลอย่างสำคัญ และครอบคลุมช่วงชีวิตหลักของลินคอล์นอย่างครบถ้วน แต่เขายกย่องแมคเฟียร์สันว่า "มีการใส่บริบทมากกว่า ... มีศิลปะในการหยิบยกคำคมที่สะท้อนถึงน้ำเสียงของลินคอล์น ... และ ... ความสามารถในการถ่ายทอดข้อความอันลึกซึ้งด้วยถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ" ในทางกลับกัน เขาได้ยกตัวอย่างสำนวนของวิกิพีเดียซึ่งเขาพบว่า "ทั้งเยิ่นเย้อและน่าเบื่อ" โรเซนซไวก์วิจารณ์ต่อไป โดยเปรียบเทียบ "การตัดสินใจอย่างมีทักษะและความมั่นใจของนักประวัติศาสตร์ผู้ช่ำชอง" ซึ่งแสดงโดยแมคเฟียร์สันและคณะกับ "คำโบราณ" ของวิกิพีเดีย (ซึ่งเขาเปรียบเทียบประเด็นนี้กับนิตยสารอเมริกันเฮอริเทจ) และกล่าวว่าขณะที่วิกิพีเดียมักจะอ้างแหล่งอ้างอิงจำนวนมาก แต่แหล่งอ้างอิงเหล่านั้นก็ไม่ใช่ที่ดีที่สุด[78]

โรเซนซไวก์ยังได้วิจารณ์ "การเขียนคลุมเครือ ซึ่งได้รับการส่งเสริมจากนโยบาย NPOV [มุมมองที่เป็นกลาง] หมายความว่าเป็นการยากที่จะแยกแยะทัศนะการให้ความหมายโดยรวมในประวัติวิกิพีเดีย ยกตัวอย่างเช่น เขาอ้างบทสรุปของบทความวิกิพีเดียเกี่ยวกับวิลเลียม คลาร์ก ควินทริลล์ ซึ่งเนื้อหาของบทความโดยทั่วไปนั้นกล่าวยกย่องบุคคลผู้นี้ เขาได้ชี้ให้เห็นบทสรุปที่คลุมเครือ ที่ว่า "นักประวัติศาสตร์บางคน ... จดจำเขาในฐานะนักฉวยโอกาส คนนอกกฎหมายกระหายเลือด ขณะที่คนอื่นยังคงมองเขาว่าเป็นทหารผู้กล้าหาญและวีรบุรุษของคนท้องถิ่น"[78]

เสียงวิจารณ์อื่น ๆ ได้โจมตีประเด็นปัญหาที่คล้ายกันที่ว่า แม้บทความวิกิพีเดียจำนวนมากจะมีข้อเท็จจริงถูกต้องแม่นยำ แต่ก็มักเขียนในรูปแบบที่เลวจนเกือบอ่านไม่ได้ นักวิจารณ์วิกิพีเดียขาประจำ แอนดริว ออร์ลอว์สกี ให้ความเห็นว่า "ต่อให้บทความวิกิพีเดียจะมีข้อเท็จจริงถูกต้อง 100 เปอร์เซนต์ และข้อเท็จจริงเหล่านั้นถูกเลือกมาอย่างระมัดระวังแล้วก็ตาม แต่บ่อยครั้งที่อ่านแล้วราวกับว่าเนื้อหานั้นถูกแปลมาจากภาษาอื่นแล้วแปลต่อเป็นภาษาที่สาม โดยเปลี่ยนตัวผู้แปลที่ไม่รู้หนังสือในแต่ละขั้น"[79] การศึกษาบทความมะเร็งโดยยาคอฟ ลอว์เรนซ์ แห่งศูนย์มะเร็งคิมเมล มหาวิทยาลัยโทมัส เจฟเฟอร์สัน พบว่าเนื้อหานั้นส่วนใหญ่มีข้อเท็จจริงถูกต้อง แต่เนื้อหานั้นเขียนด้วยภาษาระดับมหาวิทยาลัย ขณะที่กระทู้ข้อมูลแพทย์ใช้ภาษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 เขากล่าวว่า "การที่วิกิพีเดียขาดความเรียบง่ายในการใช้ภาษานี้อาจสะท้อนถึงผู้เขียนที่หลากหลายและการแก้ไขส่งเดช"[80] ดิอีโคโนมิสต์ ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้อ่านอาจสังเกตคุณภาพการเขียนบทความวิกิพีเดียเพื่อเป็นแนวทางได้ เพราะ "ภาษาเขียนที่ไม่ประณีตและตึงตังมักจะสะท้อนแนวคิดที่ยุ่งเหยิงและข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์"[81] การศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดยวารสารเนเจอร์ ได้เปรียบเทียบเนื้อหาด้านวิทยาศาสตร์ของวิกิพีเดียกับเนื้อหาแบบเดียวกันของสารานุกรมบริตานิกา โดยสรุปว่า ความถูกต้องของข้อมูลในวิกิพีเดียนั้นใกล้เคียงกับของบริตานิกา แต่โครงสร้างบทความวิกิพีเดียนั้นมักจะไม่ดี[17]

ความน่าเชื่อถือ

ผลที่ตามมาจากโครงสร้างที่เปิดกว้างให้แก้ไขได้ของวิกิพีเดียนั้น ทำให้วิกิพีเดีย "ไม่มีการรับประกันถึงความถูกต้อง" ของเนื้อหา เพราะในท้ายที่สุดแล้วไม่มีผู้ใดรับผิดชอบต่อข้อความใด ๆ ที่ปรากฏอยู่บนเว็บ ได้มีความกังวลซึ่งมุ่งประเด็นไปยังการขาดความตรวจสอบได้อันเป็นผลมาจากการปิดบังชื่อของผู้ใช้[82] การสอดแทรกข้อมูลปลอม[83] การก่อกวน และปัญหาที่คล้ายกัน

วิกิพีเดียถูกกล่าวหาว่านำเสนอเนื้อหาที่ลำเอียงอย่างเป็นระบบและมีความไม่สอดคล้องกัน[13] นักวิจารณ์ให้เหตุผลว่า ธรรมชาติที่เปิดของวิกิพีเดียและการไม่มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงอย่างเหมาะสมในเนื้อหาจำนวนมาก ทำให้มันไม่น่าเชื่อถือ[84] นักวิจารณ์อีกกลุ่มแนะว่า โดยปกติแล้ววิกิพีเดียนั้นเชื่อถือได้ แต่ก็ไม่แน่หากคิดเฉพาะความน่าเชื่อถือของบทความใดบทความหนึ่งเป็นการเฉพาะ[12] บรรณาธิการของงานอ้างอิงแบบเก่า อย่างเช่น สารานุกรมบริตานิกาได้ตั้งคำถามถึงประโยชน์ใช้สอยของโครงการและสถานะความเป็นสารานุกรม[85] อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมากไม่สนับสนุนให้นักเรียนอ้างอิงสารานุกรมใด ๆ ในงานวิชาการ และให้ใช้งานจากแหล่งปฐมภูมิมากกว่า[86] บางรายระบุเป็นการเฉพาะว่าห้ามอ้างอิงวิกิพีเดีย[87] ผู้ร่วมก่อตั้งวิกิพีเดีย จิมมี เวลส์ เน้นว่าสารานุกรมชนิดใด ๆ นั้นโดยปกติแล้วไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ และไม่ควรวางใจว่าเป็นแหล่งที่เชื่อถือได้[88]

อย่างไรก็ตาม การสำรวจซึ่งรายงานในวารสารเนเจอร์ในปี พ.ศ. 2548 เสนอว่าบทความวิทยาศาสตร์วิกิพีเดียมีระดับความถูกต้องแม่นยำใกล้เคียงกับของสารานุกรมบริตานิกา และมีระดับ "ข้อผิดพลาดร้ายแรง" ที่ใกล้เคียงกัน[17] การอ้างดังกล่าวได้ถูกคัดค้านโดยสารานุกรมบริตานิกา[89][90]

นักเศรษฐศาสตร์ ไทเลอร์ โคเวน เขียนว่า "ถ้าผมต้องเดาว่าระหว่างวิกิพีเดียหรือบทความเศรษฐศาสตร์ระดับกลางในฐานข้อมูลระดับชาติว่าอย่างไหนมีความถูกต้องมากกว่ากัน ผมคิดไม่นานก็ตัดสินใจได้ว่าผมจะเลือกวิกิพีเดีย" เขาให้ความเห็นว่างานอ้างอิงแบบเก่าที่ไม่ใช่บันเทิงคดีนั้นประสบปัญหาลำเอียงอย่างเป็นระบบด้วยกันทั้งสิ้น ข้อมูลใหม่ ๆ มักจะได้รับรายงานมากเกินงามในบทความวารสาร และข้อมูลเกี่ยวข้องกันก็ได้เผยแพร่ในรายงานข่าว อย่างไรก็ตาม เขายังได้เตือนว่าข้อผิดพลาดนั้นมักพบได้บ่อยบนอินเทอร์เน็ต และว่านักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจะต้องตื่นตัวในการแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านี้[91]

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 บทความในหนังสือพิมพ์เดอะฮาร์วาร์ดคริมสัน รายงานว่าศาสตราจารย์บางคนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดใส่วิกิพีเดียเข้าไปในบทคัดย่อของตนด้วย แต่มีความไม่ลงรอยกันในความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้วิกิพีเดีย[92] เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 อดีตประธานสมาคมหอสมุดอเมริกัน ไมเคิล กอร์แมน ประณามวิกิพีเดีย เช่นเดียวกับกูเกิล[93] โดยกล่าวว่า นักวิชาการผู้สนับสนุนการใช้วิกิพีเดียนั้น "มีสติปัญญาเท่ากับนักโภชนาการที่แนะนำให้คนกินบิ๊กแม็คกับอาหารทุกรายการอย่างต่อเนื่อง" เขากล่าวต่อว่า "รุ่นของคนมีปัญญาเฉื่อยชาผู้ไม่สามารถก้าวข้ามอินเทอร์เน็ตได้" กำลังถูกผลิตจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เขายังตำหนิว่าแหล่งข้อมูลที่เป็นเว็บนั้นทำให้นักเรียนนักศึกษาไม่ขวนขวายที่จะเรียนรู้จากข้อมูลที่สืบค้นได้ยากกว่าซึ่งมักพบเฉพาะในเอกสารตีพิมพ์หรือเว็บไซต์ที่บอกรับเป็นสมาชิกเท่านั้น ในบทความเดียวกัน เจนนี ฟราย นักวิจัยแห่งสถาบันอินเทอร์เน็ตออกซฟอร์ด ให้ความเห็นเกี่ยวกับนักวิชาการซึ่งอ้างวิกิพีเดีย โดยกล่าวว่า

คุณไม่สามารถพูดได้ว่าเด็ก ๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตนั้นเกียจคร้านในการใช้สมอง ในเมื่อนักวิชาการก็ใช้เสิร์ชเอนจินในงานวิจัยของตัวเหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างก็คือพวกเขามีประสบการณ์มากกว่าในการวิเคราะห์ว่าข้อมูลที่ได้รับมาคืออะไรและข้อมูลนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ เราต้องสอนเด็ก ๆ ให้ใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นและเหมาะสม[93]

เนื้อหาเกี่ยวกับเพศ

วิกิพีเดียถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการอนุญาตให้มีเนื้อหากราฟิกเกี่ยวกับเพศบนเว็บ อย่างเช่น ภาพและวิดีโอการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองและการหลั่งน้ำอสุจิ เช่นเดียวกับภาพถ่ายจากภาพยนตร์ลามกฮาร์ดคอร์ที่พบในบทความ นักรณรงค์คุ้มครองเด็กกล่าวว่าเนื้อหากราฟิกเกี่ยวกับเพศนั้นปรากฏอยู่ในหลายหน้าของวิกิพีเดีย และแสดงโดยไม่มีการเตือนใด ๆ หรือการพิสูจน์อายุ[94]

บทความวิกิพีเดีย เวอร์จินคิลเลอร์ อัลบั้มเพลงเมื่อปี พ.ศ. 2519 จากวงดนตรีเฮฟวีเมทัลสัญชาติเยอรมัน สกอร์เปียนส์ ซึ่งแสดงภาพของปกอัลบั้มดั้งเดิม ที่เป็นรูปเด็กก่อนวัยเจริญพันธุ์เปลือย ปกที่ออกมาเดิมนั้นทำให้เกิดการโต้เถียงกันและทำให้ปกอัลบั้มถูกเปลี่ยนในหลายประเทศ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 การเข้าถึงบทความดังกล่าวในวิกิพีเดียถูกบล็อกเป็นเวลาสี่วันโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักร หลังได้รับรายงานจากสาธารณชนว่าเป็นภาพลามกเด็ก[95] มูลนิธิเฝ้าระวังอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นองค์การไม่แสวงหาผลกำไรและไม่อิงการเมือง วิจารณ์การแทรกรูปในเว็บว่า "น่ารังเกียจ"[96]

เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 แลร์รี แซงเจอร์ เขียนจดหมายถึงสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา โดยสรุปความกังวลของเขาว่าหมวดหมู่ภาพสองหมวดในวิกิมีเดียคอมมอนส์มีภาพลามกเด็ก และขัดต่อกฎหมายความลามกกลางสหรัฐ[97] ภายหลังแซงเจอร์ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าภาพ ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคใคร่เด็กและมีรูปหนึ่งเกี่ยวกับโลลิคอน ไม่ใช่เด็กจริง แต่ก็กล่าวว่ารูปเหล่านี้เป็น "การแสดงความลามกของการข่มเหงทางเพศของเด็ก" ภายใต้รัฐบัญญัติคุ้มครอง (PROTECT Act) พ.ศ. 2546[98] กฎหมายดังกล่าวห้ามภาพลามกเด็กและภาพการ์ตูนและภาพวาดของเด็กที่จัดว่าลามกอนาจารภายใต้กฎหมายสหรัฐ[98] แซงเจอร์ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงภาพเหล่านี้ในวิกิพีเดียจากโรงเรียน[99] วิกิพีเดียปฏิเสธคำกล่าวหาของแซงเจอร์อย่างแข็งขัน[100] โฆษกมูลนิธิวิกิมีเดีย เจย์ วัลสช์ กล่าวว่า วิกิพีเดียไม่มี "สื่อที่เราเห็นว่าผิดกฎหมาย หากเราพบ เราจะนำมันออก"[100] หลังจากการร้องเรียนของแซงเจอร์ เวลส์ได้ลบภาพเกี่ยวกับเพศโดยไม่ได้ปรึกษากับชุมชนวิกิพีเดียก่อน หลังจากผู้ร่วมแก้ไขบางคนอาสาที่จะดูแลเว็บแย้งว่าการตัดสินใจดังกล่าวกระทำอย่างเร่งรีบเกินไป เวลส์จึงสละอำนาจบางส่วนที่มีจนถึงขณะนั้นเนื่องจากสถานะผู้ร่วมก่อตั้งของเขา เขาเขียนข้อความถึงบัญชีจ่าหน้ามูลนิธิวิกิมีเดียว่า การกระทำดังกล่าว "เป็นประโยชน์ที่จะกระตุ้นการอภิปรายนี้ให้เกี่ยวกับประเด็นเนื้อหา/ปรัชญาอย่างแท้จริง มากกว่าเกี่ยวกับผมและว่าผมตอบโต้เร็วเพียงใด"[101]

ความเป็นส่วนตัว

ความกังวลหนึ่งในกรณีของวิกิพีเดียนี้คือสิทธิของปัจเจกชนที่จะยังคงความเป็นส่วนตัว มากกว่าที่จะเป็น "บุคคลสาธารณะ" ในมุมมองของกฎหมาย[102] ซึ่งกรณีนี้ก็คล้ายกับการต่อสู้ระหว่างสิทธิที่จะไม่เปิดเผยตัวตนในไซเบอร์สเปซกับสิทธิที่จะไม่เปิดเผยตัวตนในชีวิตจริง วิกิพีเดียว็อตช์โต้แย้งว่า "วิกิพีเดียอาจเป็นภัยคุกคามต่อทุกคนที่ให้ความสำคัญแก่ความเป็นส่วนตัว" และ "ระดับภาวะรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้นในโครงสร้างวิกิพีเดีย" จะเป็น "ขั้นแรกสู่การแก้ไขปัญหาความเป็นส่วนตัว"[103]

ในปี พ.ศ. 2548 อะแจ็งเซอ ฟร็องเซ-แพร็ส ยกคำกล่าวของเดเนียล บรานต์ เจ้าของวิกิพีเดียว็อตช์ ซึ่งกล่าวว่า "ปัญหาพื้นฐานคือไม่มีผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นถึงผู้บริหารของมูลนิธิวิกิมีเดียก็ตาม และอาสาสมัครผู้เชื่อมโยงกับวิกิพีเดีย ถือว่าตนเองรับผิดชอบต่อเนื้อหา"[104]

เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2549 ศาลเยอรมนีมีคำสั่งให้ปิดวิกิพีเดียภาษาเยอรมันในเยอรมนีเนื่องจากเว็บได้กล่าวถึงชื่อเต็มของบอริส ฟลอริซิก หรือ "ทรอน" แฮ็กเกอร์ที่เสียชีวิตแล้ว ซึ่งอดีตเคยเข้ากับคาออสคอมพิวเตอร์คลับ ยิ่งไปกว่านั้น ศาลยังสั่งให้ยูอาร์แอลภายใต้โดเมน .de ของเยอรมนี (http://www.wikipedia.de/) ต้องไม่รีไดเร็กไปยังเซิร์ฟเวอร์ของสารานุกรมในรัฐฟลอริดาที่ http://de.wikipedia.org แม้ว่าผู้อ่านในเยอรมนีจะยังสามารถใช้ยูอาร์แอลที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้โดยตรงเช่นเดิม และไม่ได้ปิดกั้นผู้อ่านเหล่านั้นในการเข้าถึงวิกิพีเดียแต่อย่างใด คำสั่งศาลออกมาหลังจากคดีความซึ่งผู้ปกครองของทรอนฟ้องร้องโดยขอให้ศาลนำนามสกุลของบุตรชายออกจากวิกิพีเดีย วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ได้มีการพิพากษาแก้ต่อวิกิมีเดียดอยทช์ลันด์ โดยศาลปฏิเสธสิทธิการคงความเป็นส่วนตัวของทรอนหรือการละเมิดสิทธิผู้ปกครองของเขา[105] โจทก์ได้อุทธรณ์ต่อศาลรัฐเบอร์ลิน แต่ศาลปฏิเสธไม่รับฟ้องเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2549

ประชาคม

วิกิเมเนีย การประชุมประจำปีสำหรับผู้ใช้วิกิพีเดียและโครงการอื่นซึ่งดำเนินการโดยมูลนิธิวิกิมีเดีย

ประชาคมวิกิพีเดียถูกอธิบายว่า "เหมือนกับลัทธิ"[106] ถึงแม้ว่าคำดังกล่าวจะไม่ได้มีความหมายโดยนัยในทางลบเพียงอย่างเดียวก็ตาม[107] และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้มเหลวในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ไม่มีประสบการณ์ เพราะถึงแม้ว่าผู้ใช้เหล่านี้จะได้รับการต้อนรับจากสมาชิก[108] แต่ผู้ใช้มือใหม่นั้นมักถูกบอกให้อ่านนโยบายด้วยตนเองเพื่อเรียนรู้แนวทางวิกิพีเดีย[42]

โครงสร้างอำนาจ

ประชาคมวิกิพีเดียได้ทำให้เกิด "ระบอบสถาบันเชิงพฤตินัย" ขึ้น ซึ่งรวมไปถึง "โครงสร้างอำนาจอันเด่นชัดที่ทำให้ผู้ดูแลระบบอาสาสมัครมีอำนาจควบคุมการแก้ไขเนื้อหา"[109][110][111] ผู้ใช้ที่มีชื่อเสียงดีในประชาคมสามารถเสนอชื่อเพื่อดำรงตำแหน่งในหน้าที่บริการหลายระดับ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ "ผู้ดูแลระบบ"[112] กลุ่มผู้ใช้ที่มีเอกสิทธิ์จากความสามารถในการลบหน้า ล็อกบทความจากการแก้ไขในกรณีการก่อกวนหรือมีข้อพิพาทในการเพิ่มเนื้อหา และบล็อกผู้ใช้จากการแก้ไข ถึงแม้จะได้ชื่อว่าผู้ดูแลระบบแต่พวกเขาไม่มีสิทธิพิเศษใด ๆ ในการตัดสินใจ โดยส่วนใหญ่แล้วมักมีบทบาทจำกัดเพียงการแก้ไขซึ่งส่งผลกระทบวงกว้างต่อทั้งโครงการ ซึ่งผู้ใช้ธรรมดาจะไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขในสิ่งเหล่านี้ รวมไปถึงการบล็อกผู้ใช้ที่ก่อปัญหา (อย่างเช่นการก่อกวน)

ผู้ร่วมแก้ไข

ลักษณะประชากรของผู้แก้ไขวิกิพีเดีย

วิกิพีเดียไม่มีข้อกำหนดให้ผู้ใช้ต้องแสดงตัว[113] อย่างไรก็ตาม ขณะที่วิกิพีเดียเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยรูปแบบการสร้างสารานุกรมแบบใหม่ คำถามที่ว่า "ใครเขียนวิกิพีเดีย" จึงกลายมาเป็นหนึ่งในคำถามเกี่ยวกับโครงการที่ถูกถามบ่อย ๆ และถูกเปรียบเทียบกับโครงการเว็บ 2.0 อื่น อย่างเช่น ดิกก์[114] จิมมี เวลส์ ตอบคำถามนี้เพียงว่า "ประชาคมแห่งหนึ่ง ... กลุ่มอาสาสมัครผู้อุทิศตัวไม่กี่ร้อยคน" เป็นผู้ร่วมพัฒนาวิกิพีเดียส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนี้ วิกิพีเดียจึง "ไม่ต่างอะไรกับองค์กรแบบเก่าทั่วไป" เวลส์ได้ศึกษาและพบว่ากว่า 50% ของการแก้ไขทั้งหมดเกิดขึ้นจากผู้ใช้เพียง 0.7 % (เวลานั้นมีอยู่ 524 คน) ต่อมาอารอน สวาร์ตซ์ได้โต้แย้งวิธีการประเมินการร่วมพัฒนาดังกล่าวโดยชี้ให้เห็นว่าหลายบทความที่เขาสุ่มตัวอย่างขึ้นมานั้นมีเนื้อหาส่วนใหญ่ (คิดตามจำนวนตัวอักษร) เขียนขึ้นโดยผู้ใช้ที่มีจำนวนการแก้ไขรวมน้อย[115] การศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2550 โดยนักวิจัยจากวิทยาลัยดาร์ตมัธ ค้นพบว่า "ผู้ใช้วิกิพีเดียนิรนามและขาจร ... เป็นแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือพอ ๆ กับผู้ร่วมแก้ไขซึ่งลงทะเบียนกับเว็บ"[116] แม้ว่าผู้ใช้บางคนจะเป็นผู้รอบรู้ในศาสตร์ที่ตนเขียนก็ตาม แต่วิกิพีเดียมีข้อกำหนดให้พวกเขาต้องมีแหล่งข้อมูลตีพิมพ์และสามารถใช้ยืนยันได้ประกอบการแก้ไขด้วย หากใช้มติเอกฉันท์เหนือแหล่งอ้างอิงจะถูกเรียกว่าเป็น "การต่อต้านอภิชนนิยม" (anti-elitism) [11]

ปี พ.ศ. 2546 นักศึกษาปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ แอนเดรีย ซิฟโฟลิลลิ ทำการศึกษาวิกิพีเดียในฐานะชุมชนและให้เหตุผลว่า การมีต้นทุนในการเข้าร่วมกับซอฟต์แวร์วิกิที่ต่ำนั้นเป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนาแบบร่วมมือกัน และแนวทาง "การสรรสร้างอย่างสร้างสรรค์" นี้เองที่กระตุ้นให้เกิดการร่วมมือ[117] ในหนังสือ อนาคตของอินเทอร์เน็ตและจะหยุดมันได้อย่างไร (The Future of the Internet and How to Stop It) เมื่อปี พ.ศ. 2551 โจนาธาน ซิตเทรน แห่งสถาบันอินเทอร์เน็ตออกซฟอร์ดและศูนย์เพื่ออินเทอร์เน็ตและสังคมเบิร์กแมนของวิทยาลัยกฎหมายฮาร์วาร์ด ได้ยกความสำเร็จของวิกิพีเดียเป็นกรณีศึกษาว่าการร่วมแก้ไขอย่างเปิดเผยนั้นส่งผลให้เกิดนวัตกรรมบนเว็บได้อย่างไร[118] การศึกษาในปีเดียวกันยังพบว่าผู้ใช้วิกิพีเดียมีความเปิดเผยและเป็นมิตรน้อยกว่า แม้จะมีความรอบคอบมากกว่าผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้วิกิพีเดีย[119][120] การศึกษาในปี พ.ศ. 2552 ยังแนะว่ามี "หลักฐานว่าชุมชนวิกิพีเดียต่อต้านเนื้อหาใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น"[121]

ในวาระที่วิกิพีเดียเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีการก่อตั้ง เดอะนิวยอร์กไทมส์ได้ตีพิมพ์คอลัมน์เกี่ยวกับการสำรวจวิกิพีเดียในเวลานั้น โดยรายงานว่า การศึกษาร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยสหประชาชาติและมหาวิทยาลัยมาสตริกช์ พบว่าผู้ร่วมแก้ไขวิกิพีเดียเพียง 13% เท่านั้นที่เป็นหญิง อายุเฉลี่ยของผู้ร่วมแก้ไขอยู่ในช่วงกลาง 20-30 ปี และยังได้หมายเหตุด้วยว่า การสำรวจแสดงให้เห็นว่าผู้ร่วมแก้ไขน้อยกว่า 15% จากทั้งหมดหลายแสนคนนั้นเป็นหญิง ซู การ์ดเนอร์ ผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิวิกิมีเดีย ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเห็นสัดส่วนผู้หญิงที่ร่วมแก้ไขเพิ่มขึ้นเป็น 25% ภายในปี พ.ศ. 2558[122]

ปฏิสัมพันธ์

ผู้ใช้วิกิพีเดียมักมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้คนอื่นผ่านทางหน้า 'อภิปราย' ซึ่งเป็นหน้าแบบวิกิที่เชื่อมโยงกับบทความ เช่นเดียวกับหน้าพูดคุยของผู้ใช้แต่ละคนและหน้าพูดคุยอื่น ๆ ที่ช่วยในการจัดการเว็บ ผู้ใช้อาศัยหน้าเหล่านี้เพื่อแสวงหาข้อยุติเกี่ยวกับเนื้อหาที่ควรมีของบทความ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของเว็บ และดำเนินการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาภายในประชาคม

การตระหนักถึงคุณค่า

บางครั้งชาววิกิพีเดียให้รางวัลชาววิกิพีเดียคนอื่นด้วยการมอบ "ดาวเกียรติยศ" (barnstar) สำหรับผลงานที่ดี สัญลักษณ์แสดงความชื่นชมเป็นการส่วนตัวเหล่านี้มอบแก่งานทรงคุณค่าจำนวนมากมายนอกเหนือไปจากเพียงการแก้ไขอย่างง่าย ๆ แต่รวมถึงการให้สนับสนุนแก่ชุมชน การทำหน้าที่ดูแลระบบ และการร่วมอภิปรายและออกเสียง นักวิจัยได้วิเคราะห์ปรากฏการณ์บาร์นสตาร์นี้เพื่อค้นหาว่ามันจะมีความหมายอย่างไรในการทำให้ประชาคมอื่น ๆ เข้ามามีส่วนในความร่วมมืออย่างกว้างขวาง[123]

ผู้ใช้ใหม่

60% ของผู้ใช้ลงทะเบียนทำการแก้ไขเพียงครั้งเดียวในรอบ 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่การแก้ไขครั้งแรก คำอธิบายที่เป็นไปได้คือ ผู้ใช้เหล่านี้ลงทะเบียนด้วยจุดประสงค์เดียว หรือรู้สึกกลัวจากประสบการณ์ที่ได้รับ[124] โกลด์แมน เขียนไว้ว่า การที่ผู้ใช้ไม่สามารถปฏิบัติตามวัฒนธรรมบางอย่างของวิกิพีเดีย เช่น ลงชื่อในหน้าอภิปราย เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าพวกเขาเป็นคนนอกวิกิพีเดีย ซึ่งทำให้คนในวิกิพีเดียเพ่งเล็งว่าการแก้ไขของผู้ใช้เหล่านี้เป็นภัยคุกคาม การเข้ามาเป็นคนในของวิกิพีเดียนั้นต้องเสียต้นทุนไม่น้อย ผู้ใช้จะถูกคาดหวังให้สร้างหน้าผู้ใช้ เรียนรู้โค้ดเทคโนโลยีเฉพาะของวิกิพีเดีย เสนอกระบวนการแก้ไขข้อพิพาท และเรียนรู้ "วัฒนธรรมที่อยู่ระหว่างเรื่องขำขันวงในและการอ้างอิงภายใน" จนผู้ใช้ไม่ล็อกอินอาจรู้สึกว่าตนเป็นพลเมืองชั้นสองในวิกิพีเดีย[125] เนื่องจาก "ผู้ร่วมแก้ไขได้รับความยอมรับนับถือจากสมาชิกชุมชนวิกิ ผู้สนใจต่อการรักษาคุณภาพของการสร้างผลงานโดยไม่เปลี่ยนแปลง บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของพวกเขา"[126] แต่จากประวัติการแก้ไขของหมายเลขไอพีทำให้ไม่มีความจำเป็นว่าจะต้องยกเครดิตให้ หรือประณามกล่าวโทษผู้ใช้คนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ

รุ่นภาษา

ปัจจุบันวิกิพีเดียมีทั้งหมด 285 ภาษา โดยในจำนวนนี้มีสี่ภาษาที่มีบทความมากกว่า 1 ล้านเรื่อง ได้แก่ วิกิพีเดียภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส และภาษาดัตช์, 6 ภาษามีบทความมากกว่า 700,000 เรื่อง, 40 ภาษามีบทความมากกว่า 100,000 เรื่อง และ 109 ภาษา มีบทความมากกว่า 10,000 เรื่อง วิกิพีเดียภาษาอังกฤษเป็นวิกิพีเดียภาษาที่มีบทความมากที่สุด กว่า 4 ล้านบทความ ตามข้อมูลของอเล็กซา ซับโดเมนรุ่นภาษาอังกฤษนั้นมีสัดส่วนการเข้าชมคิดเป็นอย่างน้อย 54% ของวิกิพีเดียทุกภาษา โดยที่เหลือนั้นแบ่งเป็นวิกิพีเดียภาษาอื่น ๆ (ภาษาญี่ปุ่น 10%, ภาษาเยอรมัน 8%, ภาษาสเปน 5%, ฯลฯ) [2]

เนื่องจากผู้ใช้ทั่วโลกร่วมกันสร้างวิกิพีเดียผ่านทางเว็บไซต์ ดังนั้น แม้แต่ในวิกิพีเดียภาษาเดียวกันจึงอาจเกิดปัญหาการใช้ภาษาถิ่นที่แตกต่างกัน โดยปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยปรากฏในวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ ตัวอย่างเช่น ความแตกต่างด้านตัวสะกดในภาษาถิ่นสำเนียงอังกฤษบริติชและอังกฤษอเมริกัน (ตัวอย่างเช่น colour และ color) รวมไปถึงเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นจากมุมมองที่ต่างกัน และถึงแม้ว่าวิกิพีเดียหลายภาษาจะยึดตามหลักนโยบายสากล อย่างเช่น "มุมมองเป็นกลาง" แต่ก็อาจยึดหลักแตกต่างกันในนโยบายและการปฏิบัติในบางข้อ ที่สำคัญคือ ภาพที่ไม่ได้อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตเสรีจะถูกใช้โดยอ้างว่าเป็นการใช้โดยชอบธรรมได้หรือไม่[127]

อย่างไรก็ตามแม้ว่าวิกิพีเดียในแต่ละภาษามีการบริหารไม่ขึ้นต่อกัน ทางมูลนิธิได้มีการตั้งเว็บไซต์เมต้าวิกิใช้เป็นศูนย์กลางการประสานงานของวิกิพีเดียแต่ละภาษา เช่นการให้บริการข้อมูลด้านสถิติ แสดงรายชื่อบทความพื้นฐานที่วิกิพีเดียแต่ละรุ่นภาษาควรมี ซึ่งรายการดังกล่าวครอบคลุมเนื้อหาพื้นฐานแบ่งตามหัวเรื่อง อันประกอบด้วย ชีวประวัติ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อาหารและเครื่องดื่ม และคณิตศาสตร์ ส่วนที่เหลือนั้น มักปรากฏบ่อยครั้งว่าบทความที่เกี่ยวข้องกับรุ่นภาษาใดภาษาหนึ่งโดยเฉพาะจะไม่ปรากฏในวิกิพีเดียภาษาอื่น อาทิ บทความเกี่ยวกับเมืองเล็ก ๆ ในสหรัฐอเมริกาจะพบได้เฉพาะในวิกิพีเดียภาษาอังกฤษเท่านั้น เช่นเดียวกับองค์การบริหารส่วนตำบลในประเทศไทยที่จะพบในวิกิพีเดียภาษาไทยเท่านั้น

บทความแปลยังคิดเป็นสัดส่วนน้อยในวิกิพีเดียหลายรุ่นภาษา เนื่องจากไม่อนุญาตให้แปลบทความอัตโนมัติทั้งหมด ส่วนการเชื่อมโยงบทความในแต่ละภาษาเข้าด้วยกันผ่านทางลิงก์ที่เรียกว่า "อินเตอร์วิกิ" ซึ่งเป็นบทความที่มีในวิกิพีเดียมากกว่าหนึ่งรุ่นภาษาขึ้นไป

ใกล้เคียง

วิกิพีเดีย วิกิพีเดียภาษาไทย วิกิพีเดียภาษาอังกฤษ วิกิพีเดียภาษาสเปน วิกิพีเดียภาษาคาซัค วิกิพีเดียภาษารัสเซีย วิกิพีเดียภาษาอินโดนีเซีย วิกิพีเดียภาษาไซลีเซีย วิกิพีเดียภาษากาตาลา วิกิพีเดียภาษาอาหรับอียิปต์

แหล่งที่มา

WikiPedia: วิกิพีเดีย http://www.caslon.com.au/wikiprofile1.htm http://www.pcworld.idg.com.au/index.php/id;1866322... http://www.livenews.com.au/Articles/2008/09/09/Wik... http://m.smh.com.au/technology/technology-news/tec... http://www.parl.gc.ca/LEGISINFO/index.asp?Session=... http://www.aaronsw.com/weblog/whowriteswikipedia http://www.alexa.com/data/details/traffic_details/... http://www.alexa.com/site/ds/top_sites?ts_mode=glo... http://www.amazon.com/gp/reader/1594201536/ref=sib... http://androgeoid.com/2011/04/local-points-of-inte...