ประวัติ ของ วิเทหะ

ปลายสมัยพระเวท (ราว 1100–500 ปีก่อนคริสตกาล) รัฐวิเทหะได้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางหลักทางการเมืองและวัฒนธรรมแห่งเอเชียใต้ พร้อมด้วยรัฐกุรุและรัฐปัญจาละ[8]

วรรณกรรมสมัยพระเวทตอนปลาย เช่น พราหมณะ และ พฤหทารัณยกอุปนิษัท กล่าวว่า พระเจ้าชนกเป็นกษัตริย์นักปราชญ์แห่งวิเทหะ มีพระเกียรติยศเลื่องลือเพราะเหตุที่ได้ทรงอุปถัมภ์วัฒนธรรมและปรัชญาพระเวท ราชสำนักของพระองค์เป็นศูนย์กลางแห่งภูมิปัญญาเพราะอุดมด้วยฤษี ที่มีชื่อเสียงเช่น ฤษียาชญวัลกยะ[9]

ภูมิภาคและวัฒนธรรมของรัฐวิเทหะยังมักปรากฏในวรรณกรรมฮินดู[10] เช่น กล่าวถึงแนวคิดเรื่องราชวงศ์กษัตริย์ และประเพณีการมีกษัตริย์นักปราชญ์ผู้ประพฤติสันยาสะ[10] เรื่องทำนองเดียวกันยังพบในงานเขียนทางฮินดู พุทธ และเชน ที่เหลือรอดอยู่ในปัจจุบัน ทำให้น่าเชื่อว่า ประเพณีสันยาสะน่าจะมีมาก่อนพุทธกาล และนับถือแพร่หลายในรัฐอื่น ๆ ทั่วอินเดียนอกเหนือไปจากวิเทหะด้วย เช่น รัฐปัญจาละ รัฐกลิงคะ และรัฐกันธาระ[10] ศาสนาเชนยังถือว่า พระเจ้าเนมิราชแห่งวิเทหะเป็นตีรถังกรองค์ที่ 21 จากทั้งหมด 24 องค์[10]

รัฐวิเทหะยังปรากฏในมหากาพย์สันสกฤต เช่น มหาภารตะ และ รามายณะ เรื่องหลังนี้กล่าวว่า สีดาเป็นเจ้าหญิงแห่งรัฐวิเทหะ[10] และสมรสกับพระรามแห่งรัฐโกศลเพื่อเกี่ยวดองระหว่างสองรัฐ[2]

สันนิษฐานว่า เมืองหลวงของรัฐวิเทหะอาจได้แก่ เมืองชนกปุระในประเทศเนปาลปัจจุบัน[2] หรือเมืองพาลีราชคฒในเขตมธุพนี รัฐพิหาร ประเทศอินเดียปัจจุบัน[11]

เมื่อสิ้นสมัยพระเวท รัฐวิเทหะน่าจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐวัชชี และภายหลังก็ตกเป็นของรัฐมคธ[12]