ชีวิตการทำงานในวงการบันเทิง ของ ศรัณยู_วงษ์กระจ่าง

พ.ศ. 2524–2529

ศรัณยูเป็นพระเอกที่มีช่วงการครองความนิยมยาวนานที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย เริ่มผลงานในวงการบันเทิงครั้งแรกประมาณปี พ.ศ. 2524 โดยได้รับการชักชวนให้ถ่ายแบบนิตยสารดิฉัน และมีผลงานเดินแบบ จากนั้นศรัณยูจึงได้มีผลงานพิธีกรรายการโทรทัศน์ เสียงติดดาว และ ยิ้มใส่ไข่[5] หลังสำเร็จการศึกษา ศรัณยูมีผลงานนำแสดงละครโทรทัศน์เรื่องแรกในปี 2527 คือเรื่องผลงานละครของ มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช เรื่อง เก้าอี้ขาวในห้องแดง ออกอากาศ 9 กุมภาพันธ์ 2527 ทางช่อง 3 จากบทประพันธ์ในชื่อเดียวกันของ สุวรรณี สุคนธา ซึ่งเป็นเรื่องราวรักสามเส้าและปัญหาชีวิตวัยรุ่น ร่วมกับ นพพล โกมารชุน มยุรา ธนบุตร อุทุมพร ศิลาพันธ์ และ ยุรนันท์ ภมรมนตรี เก้าอี้ขาวในห้องแดง เป็นละครที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากเนื้อหา ฝีมือการแสดง และรูปแบบที่นำสมัย เกิดกระแสนิยมเหล่านักแสดง เสื้อผ้า ทรงผมของนักแสดงหลัก เพียงเรื่องแรกก็ทำให้ศรัณยูมีชื่อเสียงในวงกว้าง[5]

จากนั้นได้ถ่ายทำละครเรื่อง เลือดขัตติยา[9] ซึ่งดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ ทมยันตี สร้างโดย รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง โดยศรัณยูรับบท อโณทัย คู่กับ วาสนา สิทธิเวช รับบท ดารา ร่วมด้วย นพพล โกมารชุน อุทุมพร ศิลาพันธ์ และภิญโญ ทองเจือ แม้ว่าจะกำหนดวันเวลาออกอากาศทางช่อง 3 ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ 21.00 น. เริ่มวันที่ 11 สิงหาคม 2527 แล้วแต่ก็ไม่ได้รับอนุมัติให้ออกอากาศ ด้วยมีเนื้อหาที่อาจกระทบต่อความมั่นคง[10]

ในปีเดียวกัน ศรัณยูมีผลงานละครโทรทัศน์กับช่อง 7 โดย ดาราวิดีโอ เรื่อง บ้านสอยดาว จากบทประพันธ์ของ โบตั๋น ออกอากาศ 28 กันยายน 2527 - 26 มกราคม 2528 โดยรับบท เอื้อตะวัน ร่วมด้วย มยุรา ธนบุตร อุทุมพร ศิลาพันธ์ และ ธงไชย แมคอินไตย์ โดยเรื่องนี้ ศรัณยู มีชื่อในการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับเรื่องนี้ด้วย จากนั้นมีผลงานต่อเนื่องกับช่อง 7 ปี 2528 กับเรื่อง ระนาดเอก ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 21.00น. แม้จะเป็นละครเกี่ยวกับดนตรีไทย แต่มีการผูกเรื่องได้สนุกสนานกับการประชันกันของบรมครูทางระนาด 2 สาย จากรุ่นบรมครูถ่ายทอดมาสู่รุ่นศิษย์ ละครเรื่องนี้สร้างชื่อให้ ศรัณยู ได้แจ้งเกิดในวงการละคร พร้อมกับนางเอก สินจัย หงษ์ไทย ที่ลงละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ความดังของละครเรื่องนี้เล่ากันว่า พวกปี่พาทย์ที่ทำงานศพตามวัดต่างๆถ้าคืนไหนมีงานประโคมก็จะต้องตั้งโทรทัศน์ไว้ข้างวงดนตรีเลยทีเดียว[11] จากนั้นในปีเดียวกัน ช่อง 7 ได้ให้ ศรัณยู รับบทคู่กับนางเอกยอดนิยม มนฤดี ยมาภัย เป็นครั้งแรกในละครค่าย ดาราวิดีโอ เรื่อง มัสยา ออกอากาศ 25 ตุลาคม 2528 - 1 มีนาคม 2529 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอันมาก ด้วยความพีคของตอนอวสานทำให้ช่องขยายวันออกอากาศจากศุกร์-เสาร์เป็น ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์

ปี 2529 ศรันยูมีผลงานทางช่อง 3 และ ช่อง 7 ช่องละ 1 เรื่อง โดยทางช่อง 7 เป็นละครค่ายกันตนา เรื่อง จิตรกร ศรัณยูรับบทจิตรกรโรคจิต คู่กับนางเอก ปวีณา ชารีฟสกุล กับเรื่องราวฆาตกรรมซ่อนเงื่อน ในขณะที่ทางช่อง 3 ศรัณยูได้รับบท กามนิต ในละครแนวภารตะ กามนิต-วาสิฏฐี คู่กับ จริยา สรณะคม เป็นเรื่องแรก ร่วมด้วย ดิลก ทองวัฒนา สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ และ พิราวรรณ ประสพศาสตร์ นอกจากนี้ ศรัณยูได้รับการชักชวนให้ร่วมเขียนบทละคร ทะเลเลือด (2529) ที่ดัดแปลงจากนวนิยายของ อกาธา คริสตี้ กับ ภาสุรี ภาวิไล และ มารุต สาโรวาท ซึ่งเป็นผลงานละครเรื่องแรกในฐานะผู้จัดละครของ วรายุฑ มิลินทจินดา[12]

พ.ศ. 2530–2531

หลังจากช่อง 7 ชิมลางจับคู่ ศรัณยู กับนางเอกยอดนิยม มนฤดี ยมาภัยในมัสยา ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี ในปี 2530 ดาราวิดีโอ ได้มอบโปรเจกต์ใหญ่กับวรรณกรรมคลาสสิคที่มีแฟนละครรอชมเสมออย่าง บ้านทรายทอง ออกอากาศ 9 มกราคม 2530 - 29 มีนาคม 2530 ศรัณยู รับบท ม.ร.ว.ภราดาพัฒน์ระพี สว่างวงศ์ / ชายกลาง คู่กับ มนฤดี ยมาภัย ในบทพจมาน ด้วยบทที่เขียนได้สนุกและนักแสดงฝีมือยอดเยี่ยม ทำให้เกิดกระแสฟีเว่อร์บ้านทรายทอง พจมานกับทรงผมเปียคู่ เด็กๆเล่นบทบาทเลียนแบบคุณชายน้อยกันทั่วบ้านทั่วเมือง และคุณชายกลางที่กลายเป็นชายในฝันของสาว ๆ ในเวลานั้นและกลายเป็นภาพจำของบทชายกลางในเวลาต่อมา[13] กระแสฟีเวอร์ทำให้มีการนำภาพยนตร์ บ้านทรายทอง (2523) ที่โด่งดังอย่างมากเมื่อ 7 ปีก่อนกลับมาเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ใหม่ เมื่อบ้านทรายทองจบลง ช่อง 7 ได้ส่ง พจมาน สว่างวงศ์ มาให้ชมต่อทันที ออกอากาศ 3 เมษายน 2530 - 21 มิถุนายน 2530

หลังจากนั้น ศรัณยู ได้รับบทนำในละครเวที สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ (Man of La Mancha) ผลงานของผู้กำกับ ยุทธนา มุกดาสนิท[14][15] เปิดแสดงเมื่อวันที่ 28 ส.ค. – 2 ก.ย. พ.ศ. 2530 ณ โรงละครแห่งชาติ การรับบท เซรบานเตส/ดอน กิโฮเต้ ของศรัณยู และ จรัล มโนเพ็ชร และบท อัลดอนซ่า ของ นรินทร ณ บางช้าง ได้รับการยกย่องในฝีมือการแสดงที่สร้างความประทับใจเป็นอันมาก ละครเวทีได้ผลตอบรับยอดเยี่ยมเป็นกระแสดัง ตั๋วเต็มหมดทุกที่นั่งจนคนออแน่นเต็มบันไดทางเดิน[16]

ในปีเดียวกัน ศรัณยู มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก ผลงานกำกับของ ธนิตย์ จิตนุกูล กับหนังกระบวนการต่อสู้คดีในชั้นศาล เรื่อง อย่าบอกว่าเธอบาป คู่กับดาราเจ้าบทบาท สินจัย หงษ์ไทย[17] หลังจากความสำเร็จของบ้านทรายทอง ศรัณยู ได้มีผลงานทางช่อง 7 อีก 1 เรื่องคือ บริษัทจัดคู่ ออกอากาศเดือนเมษายน – 4 กรกฎาคม 2531 ก่อนจะทิ้งช่วงไปนาน ในขณะที่ทางฝั่งช่อง 3 ได้ตัวศรัณยูไปลงละครหลายต่อหลายเรื่อง ตั้งแต่การกลับมาพบกันอีกครั้งกับนางเอก จริยา สรณะคม ในเรื่อง อวสานของเซลส์แมน ในปี 2530 ร่วมกับ พิศาล อัครเศรณี และ พงศ์พัฒน์ วชิรบรรจง โดยเรื่องนี้ศรัณยูได้ร่วมเขียนบทโทรทัศน์กับ วีรประวัติ วงศ์พัวพันธ์ และในปีเดียวกันนี้ละคร ปริศนา (2530) ของผู้จัด วรายุฑ มิลินทจินดา โด่งดังเป็นพลุแตกทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้สร้างอีก 2 เรื่องในซีรีส์นี้ของ ว.ณ ประมวญมารค วรายุฑยืนยันสร้าง เจ้าสาวของอานนท์ และ รัตนาวดี พร้อมกับเผยว่าได้ดึงตัวพระเอกคิวทองอย่าง ศรัณยู มารับบท อานนท์

ปี 2531 ศรัณยู มีผลงานทางช่อง 3 ถึง 4 เรื่อง เริ่มต้นด้วย อาศรมสาง ร่วมกับ รังสิมา กสิกรานันท์, อภิรดี ภวภูตานนท์, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ออกอากาศ 26 มีนาคม – 7 พฤษภาคม 2531 ตามด้วยละครเรื่อง ทายาท ร่วมกับ ชุดาภา จันทเขตต์, ดวงตา ตุงคะมณี, สุประวัติ ปัทมสูต ออกอากาศ 25 กรกฎาคม – 7 กันยายน 2531 เวลา 20.40 – 21.40 น. จากนั้นศรัณยูรับบทคู่ จริยา สรณะคม อีกครั้งในเรื่อง เกมกามเทพ ออกอากาศ 7 ตุลาคม – 6 พฤศจิกายน 2531 ปีเดียวกัน ก็ถึงคิวของละครที่รอคอย เจ้าสาวของอานนท์ ซึ่งศรัณยูรับบทคู่ จริยา สรณะคม เป็นเรื่องที่ 4 ฉัตรชัย เปล่งพานิช และ ลลิตา ปัญโญภาส กลับมารับบท มจ.พจนปรีชาและหม่อมปริศนาเพื่อนของอานนท์ในเรื่องนี้ด้วย เจ้าสาวของอานนท์ ออกอากาศ 11 พฤศจิกายน – 18 ธันวาคม 2531 (1 ปีให้หลังจากละครปริศนา) เป็นเวอร์ชันที่โด่งดังมาก[18] เรื่องนี้ศรัณยูได้รับหน้าที่ในการร้องเพลง "รักนิรันดร์" ประกอบละคร

พ.ศ. 2532–2535

ปี 2532 ศรัณยูรับบทชายหนุ่มจองหองในละครของ วีรประวัติ วงศ์พัวพันธ์ ทางช่อง 3 เรื่อง ดอกฟ้าและโดมผู้จองหอง คู่กับ นาถยา แดงบุหงา ออกอากาศ 8 มีนาคม – 20 เมษายน 2532 อีกครั้งสำหรับการรับบทพระเอกบทประพันธ์ของ ก.สุรางคนางค์ หลังจาก บ้านทรายทอง และ พจมาน สว่างวงศ์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี ในปีเดียวกัน ศรัณยู ได้รับบทคู่ ลลิตา ปัญโญภาส เป็นครั้งแรกในภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่อง หัวใจ 4 สี ร่วมด้วย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และ ธัญญา โสภณ ศรัณยูรับบทพ่อม่ายลูกติดที่จ้างนางเอกไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ถ่ายทำที่ประเทศออสเตรีย เข้าฉาย 7 ตุลาคม พ.ศ. 2532 จากนั้นศรัณยูมีผลงานละครต่อเนื่องกับผู้กำกับ วีรประวัติ วงศ์พัวพันธ์ ทางช่อง 3 อีกเรื่องคือ รัตติกาลยอดรัก คู่กับ ปาหนัน ณ พัทลุง ออกอากาศเดือนธันวาคม 2532 – 4 กุมภาพันธ์ 2533 ซึ่งเป็นรัตติกาลยอดรักเวอร์ชันที่โด่งดังมาก

ปี 2533 ศรัณยูเปิดปีด้วยภาพยนตร์เรื่อง เล่นกับไฟ รับบทคู่กับ ลลิตา ปัญโญภาส เป็นครั้งที่ 2 ออกฉายปลายเดือน เมษายน 2533 สำหรับงานละครโทรทัศน์ถือเป็นปีทองของ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง เพราะเขาได้มีผลงานละครโทรทัศน์กับทางช่อง 3 ถึง 5 เรื่องในปีเดียว ศรัณยูโด่งดังมากจนทำให้ช่อง 3 อนุมัติให้เขาและเพื่อนๆ กลุ่มซูโม่สำอาง ได้แก่ ซูโม่ตู้ กิ๊ก ซูโม่ตุ๋ย ปัญญา นิรันดร์กุล และดารารับเชิญมากมาย มาสร้างละครตลกล้อเลียนหนังจีนเรื่อง โหด เลว อ้วน ออกอากาศ 1 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม 2533 โดยรับบทคู่กับ เพ็ญ พิสุทธิ์ แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องค่อนข้างสับสนจึงถูกตัดจบในที่สุด ต่อมา ศรัณยู ได้รับบทคู่ ลลิตา ปัญโญภาส ครั้งแรกทางละครโทรทัศน์เรื่อง วนาลี ออกอากาศ 21 กันยายน - 7 ธันวาคม 2533 (เวลา 20.50-21.50 น.) ละครโด่งดังเป็นพลุแตก วนาลีประสบความสำเร็จเป็นอันมาก ส่งผลให้ ศรัณยู-ลลิตา เป็นดาราคู่ขวัญและมีคนเรียกร้องให้แสดงคู่กันอีก วนาลียังได้นำเพลงอมตะของ ม.ร.ว.ถนัดศรี และ รวงทอง "วนาสวาท" มาเป็นเพลงประกอบละคร โดยมีเวอร์ชันที่ขับร้องโดย ศรัณยู กับ รัญญา ศิยานนท์

อย่างไรก็ตาม ปีทองของศรัณยูยังคงดำเนินต่อไปด้วยผลงานละครกับทางช่อง 3 อย่างต่อเนื่องในปี 2533 ตั้งแต่เรื่อง เทพธิดาบาร์ 21 ละครมินิซีรีส์แนวมิวสิเคิลโดย ม.ล. พันธุ์เทวนพ เทวกุล โดยศรัณยูรับบทคู่กับ นรินทร ณ บางช้าง จากนั้นรับบทในละครโทรทัศน์เรื่อง สมหวัง มนุษย์ทดลอง ที่ดัดแปลงจากนิยายวิทยาศาสตร์อเมริกันเรื่อง "Flowers for Algernon" ศรัณยูรับบทหนุ่มปัญญาอ่อน ที่ถูกลักพาตัวไปทดลองทางวิทยาศาสตร์ลับ ๆ ทำให้กลายเป็นหนุ่มสติปัญญาสุดล้ำ แต่สุดท้ายเกิดผลข้างเคียง ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์โดนจับกุมไปหมดแล้ว ทำให้สติปัญญาของสมหวังค่อยๆเลือนหาย ระหว่างนั้นสมหวังจึงได้พยายามสร้างประโยชน์ให้ชุมชนโดยสร้างโรงเรียนสำหรับเด็ก จนเมื่อผลงานสำเร็จ ชาวบ้านต่างยกย่องแต่สมหวังกลับไปเป็นคนปัญญาอ่อนเหมือนเดิมโดยสมบูรณ์จึงไม่มีโอกาสได้เห็นความสำเร็จของผลงานของตัวเอง

ในปี 2533 ด้วยความโด่งดังของศรัณยู ทางฝั่งช่อง 5 จึงได้นำละครเก่าเก็บที่ถ่ายทำไว้ตั้งแต่ปี 2531 ของศรัณยูคือ คนขายคน แต่ชื่อเรื่องไม่ผ่านกบว. มาลงจอโทรทัศน์ในชื่อเรื่องใหม่คือ เธอคือดวงดาว ออกอากาศ 19 สิงหาคม - 21 ตุลาคม 2533

ช่วงปลายปี 2533 ต่อเนื่องกับปี 2534 แม้ว่าแฟนๆละครจะเรียกร้องละครคู่ ศรัณยู-ลลิตา ซึ่งก็ได้มีการวางแผนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็เป็นคิวของละครโทรทัศน์เรื่อง รอยมาร ออกอากาศ 25 ธันวาคม - 8 เมษายน 2534 เวลา 20.55 – 21.55 น. โดยศรัณยู รับบทคู่กับนางเอก เพ็ญ พิสุทธิ์ ในละครยาวเป็นครั้งแรก รอยมารยิ่งออกอากาศก็ยิ่งโด่งดังด้วยการฝีมือการแสดงที่จัดจ้านของคู่พระนาง แม้จะมีเสียงค้านในตอนแรกว่าพระเอกต้องเป็นลูกครึ่ง แต่ศรัณยูทำให้คนดูเชื่อว่าเป็นตัวละคร อุปมา หรือ มาร์ค จริง ๆ นอกจากนี้เพลงประกอบที่ร้องโดย ศรัณยู และ เพ็ญพิสุทธิ์ ยังโด่งดังเป็นอันมาก ทำให้รอยมารฉบับนี้กลายเป็นฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดและโด่งดังที่สุดฉบับหนึ่งทีเดียว

ปี 2534 และแล้วละครที่แฟนๆต่างตั้งตารอคอยกับการกลับมาอีกครั้งของคู่ขวัญ ศรัณยู-ลลิตา ในผลงานของ วรายุฑ มิลินทจินดา ในเรื่อง วนิดา ออกอากาศ 10 กรกฎาคม - 11 ธันวาคม 2534 เวลา 21.05-22.05 น. เรื่องราวของการแต่งงานที่ไม่เต็มใจของ พันตรีประจักษ์ มหศักดิ์ หรือ ใหญ่ กับลูกสาวคหบดีอย่าง วนิดา เพื่อชดใช้แทนหนี้ที่น้องชายก่อไว้ ในเรื่องนี้ศรัณยูยังเป็นผู้ร่วมเขียนบทโทรทัศน์ในนามปากกา รัญดาศิริ ซึ่งเป็นามปากกาของ รัญ คือ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ดา คือ ดาลัด คุปตะเวทิน และ ศิริ คือ พงษ์ศิริ อินทรชัย เหมือนเช่นเคย ศรัณยู ได้ขับร้องเพลงประกอบละครวนิดาไว้ 3 เพลง คือ บุพเพสันนิวาส ยามรัก และ ยามชัง วนิดาเวอร์ชันศรัณยู-ลลิตา โด่งดังและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมเป็นอันมาก

ปี 2535 ศรัณยู มีผลงานโทรทัศน์ทางช่อง 3 คู่กับ มาช่า วัฒนพานิช เป็นครั้งแรก ในละครเรื่องแรกในฐานะผู้จัดของ หทัยรัตน์ อมตะวณิชย์ เรื่อง ไฟโชนแสง ออกอากาศ 14 พฤษภาคม 2535 - 26 สิงหาคม 2535 ในเรื่องนี้ศรัณยูได้ขับร้องเพลงประกอบละครชื่อ ไฟโชนแสง เวอร์ชันผู้ชายเองอีกด้วย และมีละครทางช่อง 5 คู่กับ แสงระวี อัศวรักษ์ ในละครของ พิศาล อัครเศรณี เรื่อง เมียนอกกฎหมาย ประสบความสำเร็จด้วยดีทั้ง 2 เรื่อง

พ.ศ. 2536–2538

ปี 2536 ศรัณยูกลับสู่ช่อง 7 หลังจากห่างหายไป 5 ปี ด้วยการประชันบทบาทกับนางเอกยอดฝีมือ สินจัย เปล่งพานิช และ ปรียานุช ปานประดับ ในละครรีเมคยอดนิยม น้ำเซาะทราย โดยรับบท ภีม ประการพันธ์ หนุ่มนักปรึกษาด้านกฎหมายที่มีปัญหาครอบครัว ในส่วนของช่อง 3 ศรัณยูมีละครเรื่อง อยู่กับก๋ง คู่กับ เพชรี พรหมช่วย ออกอากาศในปีนี้

ปี 2537 ช่อง 7 นำเอาบทประพันธ์ยอดนิยมของ ทมยันตี เรื่อง ทวิภพ ที่เคยสร้างเป็นภาพยนตร์มาก่อนมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรก ออกอากาศ 28 กุมภาพันธ์ 2537 - 24 พฤษภาคม 2537 ศรัณยู รับบท คุณหลวงอัครเทพวรากร คู่กับ สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ทวิภพเวอร์ชันนี้ประสบความสำเร็จโด่งดังอย่างมาก คู่พระนางได้รับความนิยมอย่างสูง ละครกวาด รางวัลเมขลา ครั้งที่ 14 ประจำปี 2537 ไปถึง 6 รางวัล ได้แก่ ละครชีวิตดีเด่น ผู้เขียนบทละครดีเด่น เพลงนำละครดีเด่น ผู้กำกับการแสดงดีเด่น ผู้แสดงนำชายดีเด่น และ ผู้แสดงนำหญิงดีเด่น[19][20] การถ่ายทอดบทคุณหลวงและแม่มณีของทั้งศรัณยู และ สิเรียม กลายเป็นภาพจำอันประทับใจ ในปัจจุบันแม้จะมีการนำมารีเมคหลายต่อหลายครั้ง ก็มักจะมีการนำไปเทียบกับเวอร์ชัน ศรัณยู-สิเรียมอยู่เสมอ จากนั้นในปีเดียวกัน ศรัณยู ได้มีผลงานละครกับดาราวิดีโออีกเรื่องคือ ปลายฝนต้นหนาว คู่กับ รชนีกร พันธุ์มณี ออกอากาศ 23 สิงหาคม 2537 - 19 ธันวาคม 2537

ปี 2538 ศรัณยูเปิดปีด้วยผลงานละครกับค่าย เอ็กแซ็กท์ ทาง ช่อง 5 ประชันฝีมือในละครเรื่อง เรือนแพ กับ พงศ์พัฒน์ วชิรบรรจง จอนนี่ แอนโฟเน่ และ นุสบา วานิชอังกูร ออกอากาศ 10 กุมภาพันธ์ 2538 - 27 พฤษภาคม 2538 จากนั้นกลับมามีผลงานละครคู่กับ สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ อีกครั้งกับดาราวิดีโอทางช่อง 7 ในเรื่อง ปราสาทสีขาว ออกอากาศ 9 มิถุนายน 2538 - 20 สิงหาคม 2538 (งดออกอากาศ วันที่ 21 - 30 กรกฎาคม 2538)

ปลายปีเดียวกัน ช่อง 7 ได้นำอมตะภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถล่มทลายในอดีตเรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง มาสร้างเป็นละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรกโดยค่ายดาราวิดีโอ จับคู่ ศรัณยู กับ ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ ออกอากาศ 24 ตุลาคม 2538 - 2 มกราคม 2539 ละครเรื่องนี้ถือเป็นม้ามืดมาก เพราะฟอร์มพระเอกที่คนกังขาว่าจะแสดงบทหนุ่มท้องทุ่งนา กับ นางเอก ณัฐริกา ซึ่งยังหน้าใหม่มาก แต่หลังจากละครเรื่องนี้ออกอากาศ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ดังหมด ทั้งนักแสดง เพลงประกอบ กลายเป็น talk of the town[21] เป็นละครอีกเรื่องที่ทำกี่ครั้งก็ลบภาพเดิมไม่ออก เรตติ้งตอนอวสานได้ 36% ถูกบันทึกว่าเป็นอันดับ 3 ละครเรตติ้งสูงสุดตลอดกาลของไทย ซึ่งเป็นรองเพียงแค่ คู่กรรม (ธงไชย-กมลชนก) และ ดาวพระศุกร์ (ศรราม-สุวนันท์)[22] เรตติ้งดังกล่าวยากจะมีใครทำได้อีกยิ่งในยุคอินเทอร์เน็ตและทีวีดิจิตัลด้วยแล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่า คุณหลวงเทพฯ, พันตรีประจักษ์ จะกลายมาเป็น ไอ้คล้าว ได้แนบเนียนขนาดนี้ ประกอบกับเป็นละครร้องซึ่งเป็นแนวถนัดสำหรับนักแสดงละครเวทีอย่างศรัณยูอยู่แล้ว นอกจากละครจะโด่งดัง เพลงประกอบละคร มนต์รักลูกทุ่ง ซึ่งขับร้องโดยนักแสดงนำมีวางออกเป็นอัลบั้มถึง 2 ชุด ก็โด่งดังประสบความสำเร็จยอดขายหลักล้านชุด จนต้องเดินสายเปิดคอนเสิร์ตเพลงประกอบละครกันข้ามปี รวมทั้งเป็นการปลุกกระแสเพลงลูกทุ่งให้กลับมาใหม่[23] ศรัณยูเองก็ได้มีอัลบั้มเดี่ยวชุด หัวใจลูกทุ่ง สืบเนื่องความสำเร็จของละครในปีเดียวกัน

ในปีเดียวกันนี้ ศรัณยู รับบทนำในภาพยนตร์ผลงานกำกับของ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ที่กวาด รางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 26 ประจำปี พ.ศ. 2537 ไปถึง 6 รางวัล ในเรื่อง มหัศจรรย์แห่งรัก ร่วมกับ สินจัย หงษ์ไทย สันติสุข พรหมศิริ วิลลี่ แมคอินทอช นุสบา วานิชอังกูร และ อังคณา ทิมดี (ศรัณยูเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในครั้งนี้ด้วย)

พ.ศ. 2539–2544

ปี 2539 ศรัณยู รับบทคู่กับนางเอกดัง สุวนันท์ คงยิ่ง ในละคร ด้วยแรงอธิษฐาน ค่ายดาราวิดีโอ ออกอากาศ 26 กรกฎาคม 2539 - 29 กันยายน 2539 ซึ่งเป็นเรื่องราวของนางเอกที่ตายไปพร้อมความเข้าใจผิด และเกิดใหม่กลับมาแก้แค้นพระเอก ด้วยแรงอธิษฐานประสบความสำเร็จด้วยดี ในปีเดียวกัน ศรัณยู มีผลงานนำแสดงภาพยนตร์เรื่อง เรือนมยุรา โดยรับบท คุณพระนาย คู่กับ นุสบา วานิชอังกูร

ปี 2540 ศรัณยู กลับสู่ช่อง 3 ในรอบ 4 ปี โดยรับบทคู่ บุษกร พรวรรณะศิริเวช ในเรื่อง ทานตะวัน จากนั้นรับบทในละคร ตะวันยอแสง คู่กับ ซอนย่า คูลลิ่ง ในปีเดียวกันศรัณยูมีละครทางช่อง 5 อีก 2 เรื่อง คือ เขมรินทร์ อินทิรา คู่กับ แคทรียา อิงลิช ซึ่งเป็นอีกครั้งกับการเป็นพระเอกบทประพันธ์ของ ก.สุรางคนางค์ อีกเรื่องทางช่อง 5 ได้แก่ แก้วจอมแก่น เป็นการกลับมาพบกันอีกครั้งกับนางเอกยอดฝีมือ สินใจ หงษ์ไทย

ปี 2541 ศรัณยูมีผลงานทางช่อง 3 โดยรับบทนำในละคร ดวงยิหวา คู่กับ ศิริลักษณ์ ผ่องโชค และได้เริ่มชิมลางบทบาทใหม่ในการกำกับและร่วมแสดงละครโทรทัศน์แนววัยรุ่นทางช่อง 3 เรื่อง เทพนิยายนายเสนาะ ในฝั่งของช่อง 7 ศรัณยูรับบทพ่อม่ายในละครจากบทประพันธ์ของ กนกเรขา เรื่อง พ่อม่ายทีเด็ด คู่กับ สินิทธา บุญยศักดิ์ จากนั้นกลับมาร่วมงานกับดาราวิดีโอในละครเรื่อง พลังรัก ดัดแปลงจากบทประพันธ์เรื่อง โรงแรมวิปริต คู่กับ ชไมพร จตุรภุช ทางช่อง 7 เช่นเดียวกัน ออกอากาศ 24 มิถุนายน 2541 - 13 สิงหาคม 2541 ปี 2542 ศรัณยูมีผลงานละคร 2 เรื่องทางช่อง 7 โดยกลับมารับบทคู่กับ ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ อีกครั้งในละครค่ายดาราวิดีโอเรื่อง โดมทอง ออกอากาศ 20 กุมภาพันธ์ 2542 - 3 เมษายน 2542 ตามด้วย คุณปู่ซู่ซ่า คู่กับ ธัญญาเรศ รามณรงค์ และละครเทิดพระเกียรติ พ่อ ตอน ชีวิตที่พอเพียง ทางช่อง 5 จากนั้นในปี 2543 รับบทในละคร ดั่งสายน้ำไหล คู่กับ มัณฑนา โห่ศิริ ออกอากาศ 5 มกราคม 2543 - 17 กุมภาพันธ์ 2543

ปี 2543 รับบทพระเทียรราชา (สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) ในภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท คู่กับหม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี ซึ่งรับบทพระสุริโยทัย

ปี 2544 ศรัณยูกลับมารับบทพระเอกท้องทุ่งนาอีกครั้งกับบทนายฮ้อยเคน ใน นายฮ้อยทมิฬ ค่าย ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น คู่กับ น้ำฝน โกมลฐิติ เป็นงานสร้างที่ทำได้ดีมาก และประสบความสำเร็จเป็นอันมากเช่นเดียวกัน[24] เรื่องนายฮ้อยทมิฬมีอัลบั้มเพลงละครวางแผงถึง 2 ชุด จากนั้นมีผลงานละครพิเศษวันพ่อแห่งชาติ เรื่อง รักของฟ้า คู่กับ รชนีกร พันธุ์มณี

พ.ศ. 2545 - 2549

ปี 2545 ศรัณยูเริ่มบทบาทใหม่อย่างเต็มตัวกับการกำกับการแสดงละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 เรื่อง น้ำพุ นำแสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช จิรายุส วรรธนะสิน และ ตะวัน จารุจินดา ปี 2546 ศรัณยูรับบทนำในละครแนวคอมเมดี้เรื่อง มหาเฮง ค่ายดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น ทางช่อง 7 ร่วมกับ ทราย เจริญปุระ ออกอากาศ 22 สิงหาคม 2546 - 13 กันยายน 2546 และได้มีผลงานการเขียนและกำกับละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 เรื่องถัดมาในเรื่อง สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย นำแสดงโดย ตะวัน จารุจินดา วรนุช ภิรมย์ภักดี มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ และ ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์

ปี 2547 ศรัณยูเป็นผู้กำกับและเขียนบทโทรทัศน์ในละคร เรื่อง หลังคาแดง ทางช่อง 7 นำแสดงโดย ดนุพร ปุณณกันต์ และ จีรนันท์ มะโนแจ่ม โดยศรัณยูเองได้รับบท นายแพทย์สินเงิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลผู้ป่วยจิตเวช เนื่องจากไม่ค่อยประสบความสำเร็จในด้านยอดผู้ชม ทำให้ช่องตัดให้จบเร็วขึ้น

ปี 2548 ศรัณยู รับบท ส.อาสนจินดา ในละครช่อง 7 เรื่อง มิตร ชัยบัญชา มายาชีวิต และมีผลงานกำกับละครโทรทัศน์เรื่อง ร.ศ. 112 คนไทยรักแผ่นดิน เป็นละครพิเศษทางช่อง 5 นำแสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช ชไมพร จตุรภุช อนุชิต สพันธุ์พงษ์ และ พิมลรัตน์ พิศลยบุตร ละครเรื่องนี้ได้รับ รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 20 พ.ศ. 2549 ประเภท รางวัลพิเศษ ละครส่งเสริมความสมานฉันท์[25]

ปี 2549 ศรัณยูกลับรับบทเด่นในละครโทรทัศน์อีกครั้งในละครค่าย เอ็กแซ็กท์ เรื่อง ลอดลายมังกร คู่กับ บุษกร พรวรรณะศิริเวช ทางช่อง 5 ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2549 - 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2549

พ.ศ. 2550 - 2554

การเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองในปี 2549 ของ ศรัณยู ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากส่งผลกระทบต่องานละครโทรทัศน์และงานพิธีกรรายการโทรทัศน์[26] อย่างไรก็ตามเขายังคงมีผลงานภาพยนตร์ ละครเวที และผลงานในบทบาทผู้กำกับและผู้จัดอย่างต่อเนื่อง

ปลายปี 2549 ศรัณยู นำแสดงและกำกับภาพยนตร์แนว psychological thriller เรื่อง อำมหิตพิศวาส ร่วมกับ บงกช คงมาลัย ตะวัน จารุจินดา และปรางทอง ชั่งธรรม[27] จากนั้นเขาได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ชื่อเสียงระดับนานาชาติเรื่อง 13 เกมสยอง

ปี 2550 ศรัณยูรับบท สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ในภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๑ องค์ประกันหงสา ในปีเดียวกัน ศรัณยู กลับมาร่วมงานกับ เอ็กแซ็กท์ อีกครั้ง โดยรับบท กษัตริย์อาเหม็ด ในละครเวที ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล ซึ่งเป็นละครเวทีเปิดโรงละครใหม่ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ด้วยความนิยมจึงมีการเปิดการแสดงถึง 53 รอบ

ปี 2551 ศรัณยูรับหน้าที่กำกับละครพีเรียดค่าย เอ็กแซ็กท์ เรื่อง ตราบสิ้นดินฟ้า นำแสดงโดย ยุรนันท์ ภมรมนตรี และ คัทลียา แมคอินทอช สำหรับงานด้านการแสดงเขามีผลงานภาพยนตร์เรื่อง สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา โดยรับบทกัปตันฤทธิ์ ออกฉายในปีนี้ จากนั้นยังรับบท พระยาราชเสนา ในภาพยนตร์ องค์บาก 2 ปลายปี ศรัณยูนำแสดงละครเวที ทึนทึก 2 40 ปีผ่านคานเพิ่งขยับ ระหว่าง 20-23 พฤศจิกายน 2551 ณ เอ็มเธียเตอร์

ปี 2552 มีผลงานภาพยนตร์เรื่อง สวยซามูไร ในบท วายิบ

ปี 2553 มีผลงานภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก 3 โดยกลับมารับบทเดิมคือ พระยาราชเสนา

ปี 2554 ศรัณยู มีผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่อง คนโขน โดยค่าย สหมงคลฟิล์ม นำแสดงโดย นิรุตติ์ ศิริจรรยา สรพงศ์ ชาตรี และ เพ็ญพักตร์ ศิริกุล

พ.ศ. 2555 - 2563

ปี 2555 ศรัณยู ทำงานเบื้องหลังเต็มตัวโดยก่อตั้งบริษัทผลิตละครและละครเวทีในชื่อ บริษัท สามัญการละคร จำกัด เปิดตัวด้วยละครเวทีเรื่อง หลังคาแดง[28] เป็นการนำละครที่เขาเคยกำกับและเขียนบทไว้มาทำให้สมบูรณ์ในฉบับละครเวที นำแสดงโดย โทนี่ รากแก่น และ รมิตา มหาพฤกษ์พงศ์

ปีถัดมา 2556 ศรัณยูกลับมาทำงานร่วมกับช่อง 7 อีกครั้ง โดยหยิบยกผลงานบทประพันธ์ของเขาเองเรื่อง สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย มารีเมคเวอร์ชันใหม่ นำแสดงโดย ศรัณย์ ศิริลักษณ์ และ ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์

ปี 2557 ศรัณยูมีผลงานกำกับและเขียนบทโทรทัศน์ ละครโทรทัศน์ช่อง 7 เรื่อง หัวใจเถื่อน[29] นำแสดงโดย อรรคพันธ์ นะมาตร์ และ อุษามณี ไวทยานนท์ ประสบความสำเร็จด้วยดี ต่อเนื่องด้วยผลงานทางช่อง 7 ในปี 2558 เรื่อง รอยรักแรงแค้น โดยศรัณยูรับหน้าที่กำกับและเขียนบทโทรทัศน์ ละครนำแสดงโดย ภัทรเดช สงวนความดี และ ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ประสบความสำเร็จด้วยดีเช่นเดียวกัน กลางปี 2558 ศรัณยู มีผลงานนำแสดงละครเวที แผ่นดินของเรา เดอะมิวสิคัล ระหว่าง 12 - 28 มิถุนายน 2558 ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์

ปี 2559 ศรัณยูกำกับและเขียนบทโทรทัศน์เรื่อง บัลลังก์หงส์ นำแสดงโดย ภัทรเดช สงวนความดี และ พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ อย่างไรก็ตาม บัลลังก์หงส์มีปัญหาโดนช่อง 7 ตัดให้จบเร็วเนื่องจากไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดผู้ชม [30] ปลายปีเดียวกัน ศรัณยู มีผลงานกำกับละครเทิดพระเกียรติทางช่อง 7 เรื่อง จงรักภักดี[31] นำแสดงโดย ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ และ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า

ปี 2560 ศรัณยูกลับมาสู่งานแสดงอีกครั้งโดยร่วมแสดงกับเหล่าทัพนักแสดงทั่วฟ้าเมืองไทยในละครเทิดพระเกียรติคุณในองค์พระมหาบูรพกษัตราธิราชเจ้า เรื่อง ศรีอโยธยา[32] ผลงานสร้างของ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล รับบท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ในสมัยอยุธยา วางแผนออกอากาศ 5 ธันวาคม 2560 ทางช่อง True4U

ในส่วนของงานผู้จัดละคร ศรัณยูเริ่มงานใหม่กับช่อง 8 ประเดิมด้วยละครเรื่องแรก ดงผู้ดี [33][34][35][36] ในปีเดียวกันศรัณยูและภรรยา หัทยา วงษ์กระจ่าง ยังเป็นแขกรับเชิญเซอร์ไพรส์ในบทพ่อแม่สุดเท่ที่ยอมรับและเข้าใจในตัวตนของลูกชายในละคร ไดอารีตุ๊ดซีส์ เดอะซีรีส์ ซีซั่น 2 ตอนอวสาน (ตอนที่ 12) ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 29 เมษายนทางช่อง GMM25 อีกด้วย ครึ่งปีหลังศรัณยู ร่วมงานแถลงข่าวรับบทในละคร Club Friday the Series 9 รักครั้งหนึ่ง ที่ไม่ถึงตาย ตอน "รักที่ไม่มีจริง" ร่วมกับ รฐา โพธิ์งาม และ ธนา สุทธิกมล ออกอากาศทางช่อง GMM25[37]

เขาเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับระยะสุดท้ายที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2563[38]

ใกล้เคียง

ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ศรัณยู วินัยพานิช ศรัณย์ ศิริลักษณ์ ศรัณย์รัชต์ ดีน ศรัณย่า ชุณหศาสตร์ ศรัณยู ประชากริช ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ศรัณย่า ส่งเสริมสวัสดิ์ ศรัณย์ สาครสิน ศรัณยา จำปาทิพย์

แหล่งที่มา

WikiPedia: ศรัณยู_วงษ์กระจ่าง http://bk.asia-city.com/events/article/interview-s... http://www.bangkokpost.com/print/301188/ http://70-90memory.blogspot.com/2014/02/blog-post.... http://www.chaliang.com/new/prakod_tomdin1_3.html http://www.goodlifeupdate.com/44436/healthy-mind/i... http://www.imdb.com/name/nm1033693/ http://gossipstar.mthai.com/gossip-content/49859 http://movie.mthai.com/movie-news/37288.html http://movie.mthai.com/movie-news/thaimovie-news/2... http://talk.mthai.com/topic/25652