ศาสนาคานาอันโบราณ
ศาสนาคานาอันโบราณ

ศาสนาคานาอันโบราณ

ศาสนาคานาอันโบราณ เป็นกลุ่มความเชื่อโบราณที่นับถือปฏิบัติโดยชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคลิแวนต์ตั้งแต่ต้นยุคสัมฤทธิ์จนถึงช่วงศตวรรษแรก ๆ ของสากลศักราช ศาสนาคานาอันโบราณเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาเซมิติกโบราณ อันเป็นกลุ่มความเชื่อแบบพหุเทวนิยมของชาวเซมิติกในตะวันออกใกล้ และแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือชาวคานาอันอาศัยอยู่ในลิแวนต์ตั้งแต่กลางสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล[1] ชื่อคานาอันมาจากอักษรรูปลิ่มในภาษาแอกแคด 𒆳𒆠𒈾𒄴𒈾 (KURki-na-aḫ-na) บนจดหมายอะมาร์นา ต่อมาปรากฏเป็นอารยธรรมช่วงปลายสหัสวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล คานาอันไม่ได้หมายถึงกลุ่มคนกลุ่มเดียว แต่เป็นคำเรียกรวม ๆ ของชนหลายกลุ่มที่อาศัย เช่น ฟินิเชีย ชาวฟิลิสตีน และวงศ์วานอิสราเอล[2] ในคัมภีร์ฮีบรูกล่าวถึงคานาอันอยู่บ่อยครั้ง โดยกล่าวว่าเป็นดินแดนทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ชนที่อาศัยอยู่ที่นั่นเป็นลูกหลานของคานาอัน ผู้เป็นบุตรของฮาม และเป็นหลานของโนอาห์ ต่อมาเป็นหนึ่งในเจ็ดกลุ่มชนที่ถูกวงศ์วานอิสราเอลขับไล่หลังวงศ์วานอิสราเอลอพยพจากอียิปต์มายังแผ่นดินแห่งพระสัญญา[3]ศาสนาคานาอันโบราณมีความเชื่อแบบพหุเทวนิยม และบางกรณีก็ยอมรับเทพหลายองค์ แต่บูชาเทพเพียงองค์เดียว (monolatry) แบ่งออกเป็น 4 ลำดับชั้น โดยเทพสูงสุดคือเอลและพระชายา อะเชียรา[4] แต่ภายหลังตำแหน่งเทพสูงสุดเปลี่ยนมาเป็นบาอัล เทพแห่งการเจริญพันธุ์ ฝน และฟ้าแลบ เป็นการสะท้อนถึงการพึ่งพาฝนของชาวคานาอันในการเพาะปลูก[5] ตามตำนานวัฏจักรบาอัลที่บันทึกด้วยภาษายูการิตกล่าวว่าเมื่อบาอัลเอาชนะเทพยัมแห่งท้องทะเล พระองค์ได้ร้องขอเทพเอลให้มอบพระราชวังให้พระองค์ เมื่อเอลทรงอนุญาต บาอัลได้ท้าทายเทพมอตแห่งยมโลกที่พระราชวังของพระองค์แต่ถูกมอตกลืนกิน ทำให้โลกขาดฝนแห้งแล้งอย่างหนัก อะนัต เทพีแห่งสงครามผู้เป็นพระเชษฐภคินี (พี่สาว) และพระชายาของบาอัลไปยังยมโลกและเอาชนะมอต ทำให้บาอัลได้กลับมาปกครองโลกอีกครั้ง[6]ชาวคานาอันทำพิธีที่แท่นบูชาหรือศาสนสถานบนที่สูง กษัตริย์มีบทบาทสำคัญในการประกอบพิธี เช่น พิธีเฮียรอสกามอสช่วงขึ้นปีใหม่ ขณะที่นักบวชมีหน้าที่เซ่นสังเวยให้เหล่าทวยเทพ[7] ชาวคานาอันเชื่อในโลกหลังความตายและเคารพบูชาผู้วายชนม์ โดยเชื่อว่าหลังเสียชีวิตวิญญาณจะถูกส่งไปยังยมโลก มีการฝังสิ่งของไปพร้อมร่าง และเซ่นไหว้ด้วยอาหารเครื่องดื่มเพื่อไม่ให้ผู้วายชนม์มารบกวนผู้ที่ยังมีชีวิต[8][9]ศาสนาคานาอันโบราณได้รับอิทธิพลมาจากภูมิภาคใกล้เคียงอย่างเมโสโปเตเมียและอียิปต์โบราณ โดยแต่ละศาสนาต่างส่งอิทธิพลให้แก่กัน ตัวอย่างเช่น เทพยัมอาจมีที่มาจากเทพยาของเมืองอีบลา ซึ่งเทียบเท่ากับเองกีหรืออีอา เทพแห่งน้ำ เชาวน์ปัญญา และการเจริญพันธุ์ของเมโสโปเตเมีย หรือเทพบาอัลก็เกี่ยวข้องกับเทพเซตของอียิปต์โบราณสมัยที่ปกครองโดยฮิกซอส[10] อิทธิพลของศาสนาคานาอันโบราณยังปรากฏในประมวลเรื่องปรัมปรากรีก เช่น การแบ่งเทพผู้ปกครองหลักเป็นสามองค์ (ซูส โพไซดอน และเฮดีส) สะท้อนภาพของเทพบาอัล ยัม และมอต หรือภารกิจสิบสองประการของเฮอร์คิวลิสก็คล้ายคลึงกับเรื่องของเมลคาร์ท เทพผู้ปกป้องเมืองไทร์ของชาวฟินิเชีย[11]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ศาสนาคานาอันโบราณ http://www.annettereed.com/RS-3R03/reed3R03_1-10.p... http://scholar.sun.ac.za/handle/10019.1/1398 https://www.britannica.com/topic/Seth-Egyptian-god https://books.google.com/books?id=fx1by4b1HzEC&pg=... https://books.google.com/books?isbn=1611641624 https://www.ancient.eu/canaan/ https://www.sefaria.org.il/Rashi_on_Exodus.13.5?la... https://web.archive.org/web/20050508170002/http://... https://www.newworldencyclopedia.org/entry/Canaani...