ศิรฑีสาอีบาบา
ศิรฑีสาอีบาบา

ศิรฑีสาอีบาบา

สาอีบาบาแห่งศิรฑี[2] หรือ ศิรฑีสาอีบาบา เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณชาวอินเดีย ที่ซึ่งผู้ติดตามของท่านเชื่อว่าท่านเป็นอวตารของศรีทัตตคุรุ[3] และได้รับการยกขึ้นเป็นเทพเจ้าทั้งในศาสนาฮินดูเป็นสันตะ และในศาสนาอิสลามเป็นฟะกีร์ ท่านเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องบูชาจากทั้งชาวฮินดูและมุสลิมตลอดช่วงชีวิตและหลังท่านเสียชีวิตมาตลอดท่านมุ่งเน้นการสอนให้เห็นถึงความสำคัญของ "การรู้ตน" (realization of the self) และโจมตี "ความรักต่อสิ่งที่ไม่เป็นนิรันดร์" (love towards perishable things) แนวคำสอนของสาอีบาบาวนเวียนอยู่กับแนวคิดทางจริยศาสตร์เกี่ยวกับความรัก, การให้อภัย, การช่วยเหลือผู้อื่น, การแบ่งปัน, ความมักน้อย, ความสงบภายใน และการทุ่มเทให้แก่พระเจ้าและคุรุ ท่านเน้นย้ำความสำคัญของการสยบยอมต่อ สัตคุรุ, แท้จริง ผู้ที่ได้เดินทางในเส้นทางสู่ความรู้ตนสูงสุด (divine consciousness) สำเร็จแล้ว และจะนำพาผู้ติดตามของท่านผ่านป่าไม้ของการฝึกฝนทางจิตวิญญาณต่อไป[4]สาอีบาบาประณามการแบ่งแยกด้วยมูลทางศาสนาและวรรณะ ยังคงไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าท่านสาอีบาบาเป็นมุสลิมหรือเป็นฮินดู อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เป็นเรื่องที่สาอีบาบาให้ความสำคัญ[5] เนื่องจากคำสอนของสาอีบาบาเป็นการรวมระหว่างคำสอนของศาสนาฮินดูและศาสนาอิสลาม ท่านตั้งชื่อ ทวารกามายี (Dwarakamayi) ซึ่งเป็นชื่อฮินดูให้กับมัสยิดที่ท่านเคยอาศัย[6] และได้เข้าไปปฏิบัติทั้งพิธีกรรมฮินดูและอิสลาม รวมถึงสั่งสอนด้วยถ้อยคำและตัวละครจากทั้งสองศาสนา คำพูดเฉียบคม (epigrams) สำคัญของท่าน ทั้ง อัลลาหมาลิก (Allah Malik; พระเป็นเจ้าคือผู้สูงสุด) และ สะบะกามาลิกเอก (Sabka Malik Ek; ผู้นำของทุกคนมีหนึ่งเดียว) มีความเกี่ยวข้องกับทั้งสองศาสนา และท่านยังเป็นผู้กล่าวประโยค "จงมองมาที่เรา แล้วเราจะมองกลับไปยังเจ้า" (Look to me, and I shall look to you)[4] และ อัลลาหเตราภลากะเรคา (Allah tera bhala karega[7]; พระเจ้าจะปกป้องท่าน)