เมนูนำทาง
ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน การแถลงข่าวและปฏิกิริยาตอบรับศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เผยแพร่คลิปวิดีโอ ที่แกนนำ นปช.ปราศรัยบนเวที โดยให้เหตุผลว่า มีเนื้อหาสั่งการให้ผู้ชุมนุม วางเพลิงตามสถานที่ต่างๆ[48]
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์เผาสถานที่สำคัญต่าง ๆ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ว่าอาคารต่างๆที่ถูกเผา ทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นเตอร์วัน อาคารมาลีนนท์ หรือธนาคารกรุงเทพ หลายสาขา หากรัฐบาลอ้างว่ากลุ่ม นปช. เผาจริง ทำไมไม่มีการจับกุมได้เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งที่การเผาศาลากลางมีการจับกุมผู้ก่อเหตุได้หลายคน อีกทั้งห้างเกษรพลาซ่า ก็เป็นของลูกสาวและลูกเขยคนในพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมพวกตนถึงไปเผาเซ็นทรัลเวิลด์ อีกทั้งเรื่องอาวุธที่ ศอฉ. นำมาแถลงนั้น ก็คือการยัดเยียดอาวุธ และทำไมไม่มีการชันสูตรพลิกศพทุกศพ จะได้รู้ว่าทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตเพราะอะไร[49]
ศอฉ. ได้ออกมาระบุถึง "ขบวนการล้มเจ้า" คือกลุ่มบุคคลที่ดำเนินการเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการเปิดเผยของสำนักข่าวทีนิวส์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเป็นหลัก พร้อมทั้งอ้างว่า มีการเคลื่อนไหวโดยใช้สื่อสารมวลชน เช่น อินเทอร์เน็ต และสื่อสิ่งพิมพ์[50] ทั้งนี้ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ชี้แจงว่าแผนผัง ดังกล่าว ศอฉ. สร้างโครงข่ายที่เชื่อมโยงกับบุคคลจำนวนมากขึ้นเอง โดยอาศัยข้อมูลที่ไม่มีการตรวจสอบ ทางกลุ่มได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินการฟ้องร้องกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป[51][52]
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนและเด็ดขาดในการที่จะจัดการกับขบวนการที่คิดล้มเจ้าจาบจ้วงต่อสถาบันเบื้องสูง และทำลายสถาบันหลักต่างๆ ของชาติโดยเฉพาะสถาบันองคมนตรี และสถาบันศาล ด้วยวลี ที่แข็งกร้าวว่า "ที่บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวายก็เพราะยังมีคนชั่วเยอะ"[ต้องการอ้างอิง] ในขณะที่ พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 ย้ำความมีอยู่จริงของขบวนการคิดล้มเจ้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากพฤติกรรมอย่างกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข และนายใจ อึ๊งภากรณ์ สองแกนนำคนเสื้อแดง ที่หลบหนีหมายจับไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน จากท่าทีดังกล่าวก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้จากแกนนำคนเสื้อแดง โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ตอบโต้ว่า อย่านำสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม และสิ่งสำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ควรหันไปจัดการพวกที่แอบอ้างสถาบันและนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่นกันอย่างมโหฬารในรัฐบาลชุดนี้มากกว่า [53]
จากการเปิดเผยของนาย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่ามีการเคลื่อนไหว 2 ช่องทางคือ
สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้อำนวยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ละเมิด ใส่ชื่อ 'สุธาชัย' ในผังเครือข่ายล้มเจ้า ต่อมาศาลแพ่งตัดสินจำเลยมีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระทำในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ พิพากษายกฟ้อง[55]
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า การโจมตีและเคลื่อนไหวกดดันบุคคลที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถือเป็นการบั่นทอนและกัดกร่อนสถาบัน ว่า เป็นการกล่าวหาอย่างร้ายแรง ฉกาจฉกรรจ์ต่อกลุ่มคนเสื้อแดง ขอยืนยันว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจงรักภักดีต่อสถาบันและไม่เคยแม้แต่จะคิดดำเนินการใดๆ ที่จะเป็นการกระทบกระเทือนสถาบันเลยแม้แต่น้อย เป้าหมายสูงสุดของกลุ่มคนเสื้อแดง คือการโค่นล้มระบอบอำมาตยธิปไตยที่เรืองอำนาจอย่างสูงสุดในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ จนกระทั่งปัจจุบัน[56]
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องแก้ไขความขัดแย้งของคนในชาติ ทุกวันนี้สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือการกล่าวหาคนเสื้อแดงว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมตัดสินใจมาทำงานในพรรค ภารกิจเรื่องแรกที่ตั้งเป้าคือการพิสูจน์ว่าพรรคนี้มีความจงรักภักดีหรือไม่ ซึ่งผมได้พิสูจน์แล้วว่าทุกคนมีความจงรักภักดี พรรคนี้มีอดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังมีชีวิตอยู่ 3 คน อดีต ผบ.ทบ. 3 คน อีกไม่นานเกินรอพรรคจะมีเครื่องหมายความจงรักภักดี เข้ามาอยู่กับเรา แม้กระทั่งหม่อมเจ้า รุ่นสุดท้ายยังจะมาอยู่กับเรา
ศอฉ.ถูกกล่าวหาจากฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามว่าใช้งบประมาณสิ้นเปลืองกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงตอบโต้กรณีดังกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2553 ว่าไม่เป็นความจริง และงบประมาณของศอฉ.มีเฉพาะเบี้ยเลี้ยงของทหารเท่านั้น[ต้องการอ้างอิง]
หมายเรียก ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีทั้งหมด สอง ชุด 106 รายชื่อ ส่วนใหญ่เป็น กลุ่มวิทยุชุมชน แท็กซี่ จักรยานยนต์ และการ์ดนปช. รายชื่อเช่น [57]บุคคล
|
|
การจับกุมฐานฝ่าฝืน พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 9 และมาตรา 11 กล่าวคือ การฝ่าฝืนข้อกำหนดในการออกนอกเคหะสถาน ในระยะเวลาที่กำหนด หรือ กระทำการเข้าไปในสถานที่ ๆ ห้ามเข้า การเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การทำร้ายร่างกายและทรัพย์สิน การออกมาชุมนุมมากว่า 5 คนขึ้นไป การมีอาวุธในครอบครอง การมีวัตถุยั่วยุเพื่อการขาย การแพร่สื่อสิ่งพิมพ์ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีโทษจำคุกสองปี ปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ รายนามที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้[58]
จำนวนผู้ถูกกุมขังทั้งหมด 417[59]คนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติบุคคล
คำสั่งจากศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ 78/2553 ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2553 ให้บุคคลหรือนิติบุคคลตามบัญชีรายชื่อแนบท้ายคำสั่งนี้มารายงานตัวต่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้ถ้อยคำและส่งมอบเอกสาร หรือหลักฐานใดที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรม อันต้องสงสัยของตนภายในวันที่ 31 กรกฎาคม2553 ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งนี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548[60] นิติบุคคล
คำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ 141/2553 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เรื่อง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ ออกคำสั่งยึด หรือ อายัด สินค้าหรือวัตถุอื่นใดที่ก่อให้เกิดความแตกแยกผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548[61]บุคคล "ขบวนการล้มเจ้า"ประเด็นการเมือง "ขบวนการล้มเจ้า" เริ่มจากในปี 2553 รัฐบาลสมัยนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้สัมภาษณ์ทำนองว่าคู่แข่งทางการเมืองเป็นผู้ไม่จงรักภักดี คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์[64] นอกจากนี้ รัฐบาลยังปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต และได้สั่งปิดเว็บไซต์กว่า 43,000 เว็บไซต์[65] ภายหลังแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาตอบโต้ว่าไม่รู้เรื่อง และจะฟ้องร้องดำเนินคดี ในข้อหาหมิ่นประมาทกับรัฐบาลและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)[66] วันที่ 22 มีนาคม 2554 พันเอก สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ให้การต่อศาลระบุว่า เป็นเพียงการให้ข้อมูลความเชื่อมโยง ไม่ได้บอกว่าใครล้มเจ้า ชี้ประชาชน-สื่อเอาไปขยายความต้องรับผิดชอบเอง[67] อ้างอิง |
เมนูนำทาง
ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน การแถลงข่าวและปฏิกิริยาตอบรับใกล้เคียง
ศูนย์ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกในประเทศไทย ศูนย์การค้า ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์การบินทหารบกแหล่งที่มา
WikiPedia: ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน http://www.ohbar.com.au/main/view-content.php?id_c... http://www.posttoday.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%... http://www.prachatai.com/journal/2010/05/29381 http://www.ryt9.com/s/nnd/1016660 http://news.sanook.com/611261-%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E... http://news.sanook.com/982830/ http://sport.sanook.com/927742/%E0%B8%99%E0%B8%9B%... http://thairecent.com/Crime/2010/677434/ http://ronakorn.wordpress.com/2010/04/26/%E0%B8%A8... http://www.youtube.com/watch?v=gDilc5PrrPI