การออกแบบ ของ สวนป่าสิงโต

A bridge

ด้วยพื้นที่สวนประมาณ 1.1 เฮกตาร์ (ha; hectare) ได้แบ่งสวนออกเป็นสองส่วนที่สำคัญ คือส่วนอาคารพักอาศัย และส่วนสวนหินบริเวณรอบสระน้ำที่อยู่ตั้งใจกลางสวน[4] นอกจากจะมีอาคารทั้งหมดรวม 22 หลังแล้ว ภายในสวนยังมีแผ่นจารึก (tablets) 25 แผ่น เสาหินสลัก (stelae) 71 แท่ง ฉากไม้แกะสลัก 5 ชิ้น และ ต้นไม้โบราณอีก 13 ชนิด ซึ่งบางต้นมีอายุย้อนหลังไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน[3] ส่วนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสวนคือบรรดาหินประดับจากไท่หู ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ขนาด 1154 ตารางเมตร ประกอบด้วยถ้ำ 21 ถ้ำ มีทางเดินวกวน 9 สาย ซ้อนกันเป็น 3 ระดับ ในส่วนของสระน้ำได้แบ่งกั้นพื้นที่สวนเป็นส่วนตะวันออกและตะวันตก ทางเข้าสวนเดิมสู่สวนตะวันตก มีชื่อเรียกว่า the Eight Diagram Tactics ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสะพานหยกสะท้อน (the Jade Mirror Bridge) หินประดับที่มีชื่อเสียงที่สุดในสวนคือหินยอดสิงโต (the Lion Peak) ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยหินอื่นอีก 4 ก้อน คือ Han Hui, Xuan Yu, Tu Yue และ Ang Xiao รวมทั้งหมดเป็น "หินห้ายอดอันมีชื่อเสียง (the Famous Five Peaks)"

มีนิทานพื้นบ้านเกี่ยวกับเทพในลัทธิเต๋าสองตน คือ หลี่ขาเหล็ก และ ลหฺวี่ ต้งปิน ซึ่งได้เดินหลงเข้าไปในสวนหินอันซับซ้อน่ของสวนป่าสิงโตและไม่สามารถหาทางออกได้ ดังนั้นเทพทั้งสองจึงได้ใช้เวลาสำหรับเล่นหมากรุกในถ้ำบริเวณสวนแห่งนี้

องค์ประกอบของสวนและคำอธิบาย
สวนตะวันออก (East garden)
โถงทางเข้า (Entry Hall)
โถงหลัก (Grand Hall)

เคยใช้สำหรับเป็นที่บูชาบรรพบุรุษ ของตระกูลเป่ย

โถงพรของนกนางแอ่น (Hall of Swallow's Blessing)

เป็นโถงรูปแบบเป็นดแมนดาริน (mandarin ducks type hall) ที่สร้างขึ้นในช่วงการบูรณะในปี ค.ศ. 1917 นกนางแอ่นเป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวย และตัวอักษรคำว่าพรมีความหมายอีกอย่างหนึ่งได้ว่า การเฉลิมฉลอง (feasting)

ศาลาแห่งความแตกต่าง (Pavilion of Contrast)

เป็นศาลาปิด เคยใช้เป็นห้องสมาธิ โดยชื่อศาลาหมายถึงความแตกต่างหรือการเปรียบเทียบระหว่างอิริยาบถนอน และเดิน

โถงจตุรัสเล็ก (Small Square Hall)

สร้างขึ้นระหว่างการบูรณะในปี ค.ศ. 1917 ให้เป็นโถงทางเข้าสู่สวนหินสิงโตเก่ายอด (the Nine Lion Peak rockery)

โถงยืนท่ามกลางหิมะ (Standing-in-the-Snow Hall)

โถงนี้ได้ชื่อมาจากนักวิชาการชื่อ หยางซี่อ (Yang Shi) ได้ค้นหาอาจารย์ของเขา คือ เฉิงยี (Cheng Yi) เพื่อสอบถามข้อสงสัย แต่เนื่องจากอาจารย์เฉิงยีกำลังพักผ่อนนอนหลับอยู่ หยางซี่อจึงคอยอยู่ด้านนอกท่ามกลางหิมะที่กำลังตกอยู่ เป็นโถงที่สร้างขึ้นในสมัย ราชวงศ์หยวน

สวนกลาง (Central Garden)
ศาลาต้นไผ่ (Bamboo Pavilion)

หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโถง Double Fragrance Hall of the Immortals

หอกลิ่นหอมจาง (Faint Fragrance Dim Shadow Tower)

ได้ชื่อมาจากบทกวีของ Lin Bu (ในสมัยราชวงศ์ซ่ง) ซึ่งกล่าวว่า "Dappled shadows hang aslant over clear shallow water; the faint fragrance wafts in the moonlit dust" โดยทั้งบทกวีและหอแห่งนี้ได้สะท้อนถึงปรัญชาของพระพุทธศาสนาแบบเซน โดยการได้กลิ่นของต้นบ๊วย (Rosaceae) เป็นสัญลักษณ์แห่งการเข้าถึงนิพพาน

ศาลารูปพัด (Fan Pavilion)

มีลักษณะเป็นศาลาครึ่งวงกลม

ศาลาน้ำตกโบยบิน (Flying Waterfall Pavilion)

ได้ชื่อมาจาน้ำตกโบยบินที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และยังเป็นจุดที่สูงที่สุดในสวนป่าสิงโตแห่งนี้ด้วย

ศาลาหินจารึกแห่งราชสำนัก (Imperial Stele Pavilion)

เป็นศาลาที่ตั้งแท่งหินจารึกโดย เหวิน เทียนเสียง วีรบุรุษแห่งราชวงศ์ซ่ง.

โถงดอกบัว (Lotus Hall)

เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โถงตะกร้าดอกไม้ เป็นโถงที่มีชานพักยิ่นออกไปในสระน้ำ เป็นหอที่สร้างขึ้นระหว่างการบูรณะในปี ค.ศ. 1917

ศาลากลางสระน้ำ (Mid-Pond Pavilion)
หอชมวิว (Mountain View Tower)

เป็นหอที่สร้างขึ้นระหว่างการบูรณะในปี ค.ศ. 1917

โถงเก่าสนห้าตัน (Old Five Pines Hall)

เป็นหอที่สร้างขึ้นระหว่างการบูรณะในปี ค.ศ. 1917 บริเวณทางเดินโดยรอบมีเสาหินสลักอันมีค่าของเป่ยหรุนเซิง (Bei Runsheng) เก็บสะสมไว้

ศาลาต้อนรับดอกบ๊วยบานสะพรั่ง (Pavilion for Greeting the Plum Blossoms)

ได้ชื่อมาจากต้นบ๊วย (prunus mume trees) ที่อยู่ใกล้ศาลา ภายในศาลามีหินจารึกซึ่งมีข้อความว่า "หน้าต่างไม้แกะสลักเป็นเสมือนกรอบภาพสำหรับทิวทัศน์แห่งฤดูใบไม้ผลิที่อยู่ภายนอก (The latticed window frames the spring scene outside)"

โถงชี้ต้นสน (Pointing to Cypress Hall)

ได้ชื่อมาจากบทกวีของเกาชวี่ อังกฤษ: Gao Qi; จีน: 高啟; พินอิน: Gāo qǐ , 1336 – 1374) ผู้เป็นกวีในสมัยราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) ที่กล่าวไว้ว่า "แทนที่จะกล่าวต้อนรับแขกผู้มาเยือน เขากลับยิ้มและชี้ไปยังต้นสนที่อยู่ด้านหน้าโถง (Instead of greeting his guest, (the host) smiles and points at a cypress before the hall.)" บริเวณชั้นบนมีห้องเรียกว่า หอฟังเสียงฝน (the Listening to Rain Tower) ซึ่งถูกต่อเติมขึ้นในปี ค.ศ. 1917 เพื่อใช้เป็นที่เก็บสะสมแผ่นอักษรวิจิตร (calligraphy) ที่ทรุดโทรมจากเสาหินสลักที่ฝังอยู่บนผนังของสวนเก่าสนห้าต้น

หอดอกบ๊วย (Prunus mume Tower)

ตั้งอยู่ระหว่ากลุ่มอาคารที่พำนักกับบริเวณสวน

ห้องก้อนเมฆหลับไหล (Sleeping Clouds Chamber)

เป็นหอสำหรับการทำสมาธิปฏิบัติของพระในพุทธศาสนา ได้ชื่อมาจากกวีในสมับราชวงศ์ถัง (Tang Dynasty) ชื่อ Yuan Haowen ที่บรรยายลักษณะของก้อนเมฆที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับหินที่อยู่โดยรอบหอนี้.

เรือหินจำลอง (Stone Boat)

เป็นหอที่สร้างขึ้นระหว่างการบูรณะในปี ค.ศ. 1917

ศาลาสุขแท้ (True Delight Pavilion)

เป็นศาลาริมน้ำที่ึ้่สร้างขึ้นเพื่อเก็บรักษาหินจารึกที่เขียนโดยสมเด็จพระจักรพรรดิเฉียนหลง.

ศาลาพลังสูงส่ง (Vital Energy Pavilion)
  • Rockery
  • หินจากทะเลสาบไท่ (Grotto of taihu rock)
  • สระน้ำสวนป่าสิงโต (Lion Grove Garden Pond)
  • สวนหินสิงโตเก้ายอด (Nine Lion Peaks)
  • น้ำตกโบยบิน (Flying Waterfall)

แหล่งที่มา

WikiPedia: สวนป่าสิงโต http://museums.ualberta.ca/mactaggart/details.aspx... http://www.suzhou.gov.cn/English/Travel/10.shtml http://www.china.org.cn/english/features/woeld_her... http://www.book-wind.com http://scenery.cultural-china.com/en/122Scenery281... http://www.orientalarchitecture.com/china/suzhou/l... http://www.terebess.hu/kert/magankert/garden2.html http://whc.unesco.org/en/list http://whc.unesco.org/en/list/813 http://whc.unesco.org/en/list/813/multiple=1&uniqu...