จากครูบ้านนอกสู่นักจัดรายการวิทยุการเมืองคนแรกของไทย ของ สังข์_พัธโนทัย

ความใฝ่ฝันของวัยรุ่นจบใหม่ในสมัยนั้นคือ การได้มีชื่อเสียง ได้ใกล้ชิดนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งการหาชื่อเสียงได้โดยทางลัดและรวดเร็ว ไม่มีอะไรดีเท่ากับการได้พูดในรายการวิทยุ เพราะวิทยุสมัยนั้นมีแค่เพียงสถานีเดียว (บริเวณพญาไท (โรงพยาบาลพระมงกุฎในปัจจุบัน) ขณะนั้นมีประกาศประกวดเรียงความทางวรรณคดี นายสังข์ได้ส่งเรียงความพรรณนาความบางตอนในหนังสือนิราศนรินทร์เข้าแข่งขัน และชนะเลิศ โดยเรียงความของนายสังข์ ได้ถูกนำไปออกอากาศในสถานีวิทยุ และเรียงความอื่นๆ ก็ถูกนำไปออกอากาศเป็นประจำ ทำให้นายสังข์มีรายได้เดือนละ 4-8 บาท และหลังจากนั้นไม่นานได้มีเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุท่านหนึ่งแจ้งว่า เสียงนายสังข์นุ่มนวลดี จึงได้ขอให้นายสังข์ไปออกวิทยุจัดรายการเป็นรายการประจำทุกเดือน โดยเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสถานที่สำคัญต่างๆ ที่ดังมากในสมัยนั้นก็คือ การเอาเรื่องนิทานอีสปมาเล่าออกรายการ โดยมีการทำเสียงสิงสาราสัตว์ประกอบ ซึ่งถือเป็นปรากฏการใหม่ในวงการวิทยุเลยทีเดียว มีผู้ฟังติดตามกันงอมแงม ความโด่งดังอย่างรวดเร็ว ทำให้ครูใหญ่ของโรงเรียนหมั่นไส้ จึงได้ย้ายนายสังข์ข้ามไปอยู่โรงเรียนประจำที่ จ. สมุทรปราการ หลังจากถูกย้ายกลับมาอยู่ที่ จ. สมุทรปราการ ซึ่งถือเป็นบ้านเกิดของนายสังข์ นายสังข์จึงถือโอกาสบวชที่วัดกลางปากน้ำ และสอบ ป.ม. 4 ชุดในคราวเดียวผ่านรวด ในปี 2481 กรมโฆษณาการ (ปัจจุบันคือกรมประชาสัมพันธ์) ซึ่งสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มองเห็นความสามารถของนายสังข์ จึงได้ขอโอนตัวจากกระทรวงศึกษา ไปประจำแผนกวิทยุกระจายเสียง โดยรับตำแหน่งหัวหน้าแผนกความรู้ ซึ่งในสมัยนั้น ถือว่าเป็นใหญ่มากในทางวิทยุ สามารถชี้ได้ว่าเรื่องนี้ใช้ได้ เรื่องนี้ใช้ไม่ได้ และการที่นายสังข์ออกวิทยุเป็นประจำ ซึ่งขณะนั้นมีวิทยุอยู่สถานีเดียว ทำให้นายสังข์กลายเป็นคนเดียว ที่คุมงานทั้งหมด รวมถึงงานโฆษณาด้วย ซึ่งแม้งานที่นายสังข์ทำ จะมีอิทธิพลทางสื่อวิทยุมากที่สุดในยุคนั้น หากแต่ 1 ปี เต็มที่นายสังข์เข้ากรุงเทพฯ นั้น นายสังข์ยังคงไม่มีบ้านอยู่ ต้องอาศัยหลับนอนพักผ่อนตามศาลาวัด ในสวนลุมฯ บ้านเพื่อนฝูง หรือในบ้างครั้งถึงขั้น พักผ่อนตาม ใต้ต้นไม้ ม้านั่ง และริมทางเดิน ในวันที่ 24 มิถุนายน 2482 นายสังข์ได้จัดรายการ นายมั่น นายคง ขึ้น วัตถุประสงค์ในการจัด เพื่อพูดเกี่ยวกับความสำคัญของวันชาติ เนื่องจากเป็นปีแรกที่รัฐบาลจัดให้มีการฉลองวันชาติขึ้นเป็นครั้งแรก หากแต่หลังจากวันชาติไปแล้ว รายการนายมั่น นายคงก็ยังมีต่อไป แต่เปลี่ยนวัตถุประสงค์เป็นเพื่อชี้แจ้งนโยบายของรัฐบาล เพื่ออธิบายนโยบายของรัฐบาลให้ประชาชนฟังง่ายและเข้าใจง่าย ทำให้รายการดังกล่าว มีคนรับฟังทั่วประเทศทุกคืน เพราะมีสถานีเดียวและถ่ายทอดไปทั่วประเทศ ทำให้กลายเป็นรายการยอดฮิตที่สุดในยุคนั้น