ตัวกลางยุติสงครามเวียดนามระหว่างจีนกับสหรัฐ ของ สังข์_พัธโนทัย

หลังจากที่นายสังข์ ติดคุกอยู่เรือนจำลาดยาว เป็นเวลากว่า 7 ปี ก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาด้วยคำพิพากษาของศาลว่า นายสังข์มิได้มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ตามที่รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ฟ้องร้อง เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2508 ในช่วงนั้น เป็นช่วงที่สหรัฐกำลังจมปลักอยู่ในสงครามเวียดนามและต้องหาทางออกให้ได้ นาย Norman B Hannah อัครราชทูตที่ปรึกษาประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นเพื่อนอเมริกันเก่าแก่ของนายสังข์สมัยที่เป็นทูตแรงงานอยู่ในสถานทูตสหรัฐ ได้เชิญนายสังข์ไปเลี้ยงแสดงความยินดีที่ได้รับการปล่อยตัวที่สถานทูตสหรัฐฯ และระหว่างงานเลี้ยงดังกล่าว นาย Norman B Hannah ได้ปรารภกับนายสังข์ว่า สหรัฐฯยินดีจะพบปะเจรจา เพื่อขอยุติสงครามเวียดนามกับรัฐบาลจีน โดยสหรัฐฯพร้อมเจรจากับผู้แทนจีนในประเทศใดประเทศหนึ่งที่มีสถานทูตสหรัฐฯตั้งอยู่ก็ได้ เพราะนาย Norman B Hannah ทราบว่านายสังข์ มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับจีน โดยมีการส่งลูกไปอยู่กับจีนตั้งแต่เด็ก นายสังข์ ได้รับหนังสือเดินทางไทยให้เดินทางออกนอกประเทศ โดยใช้เส้นทางฮ่องกง มาเก๊า และดำดินเข้าประเทศจีนไปพร้อมกับนายสุวิทย์ เผดิมชิต อดีตประธานนักศึกษาธรรมศาสตร์ และได้พยายามติดต่อกับนายกรัฐมนตรี โจว เอิน ไหล ของจีน เพื่อเปิดการเจรจายุติสงครามเวียดนามขึ้นที่กรุงปักกิ่ง แต่เนื่องจากขณะที่นายสังข์เดินทางไปจีนนั้น การเมืองจีนกำลังวุ่นวายอย่างหนัก ประธานเหมาเจ๋อตง ประกาศการปฏิวัติใหญ่ทางวัฒนธรรม ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนหลายคนถูกออกจากตำแหน่ง แม้แต่นายกรัฐมนตรี โจว เอินไหล เอง ก็ถูกแก๊งอ๊อฟโฟร์ (Gang of four) พยายามริดรอนอำนาจ ส่งผลให้นายก โจว เอิน ไหล ไม่ทราบการเดินทางมาเยือนเมืองจีนของนายสังข์ พวกเรดการ์ด(Red Guards)ในกระทรวงต่างประเทศ จึงเปิดเจรจากับนายสังข์เสียเอง โดยอ้างว่า นายกฯโจวติดภารกิจยังไม่ว่างที่จะพบ การเจรจาในครั้งนั้นแม้จะล้มเหลว แต่ข่าวของสหรัฐที่นายสังข์นำไปรายงาน ก็ทำให้รัฐบาลจีนทราบ ส่งผลให้จีนแสดงท่าที่แข็งกร้าวกับสหรัฐฯอย่างรุนแรงโดยไม่ยอมประนีประนอมใดๆ ส่งผลให้สหรัฐพ่ายแพ้ในสงครามเวียดนามอย่างยับเยิน และพวกเรดการ์ดได้พยายามเกลี้ยกล่อมนายสังข์ให้อยู่ร่วมขบวนการปฏิวัติไทยของพรรคคอมมิวนิสต์ไทยในเมืองจีน แต่นายสังข์ปฏิเสธจึงถูกพวกเรดการ์ดส่งตัวออกจากประเทศจีนไป