ความเป็นรัฐในสหรัฐ ของ สาธารณรัฐเท็กซัส

ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1845 รัฐสภาสหรัฐ ผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้สหรัฐอเมริกาสามารถผนวกสาธารณรัฐเท็กซัสเข้าไปเป็นรัฐ ในวันที่ 1 มีนาคม ประธานาธิบดีสหรัฐ จอห์น ไทเลอร์ลงนามรับรองกฎหมาย โดยกฎหมายบัญญัติวันผนวกไว้เป็นวันที่ 29 ธันวาคมของปีเดียวกัน เมื่อเห็นว่าสหรัฐ กำลังจะดำเนินการผนวกเท็กซัสเข้าไปเป็นรัฐ ชาร์ลส เอลเลียตและอัลพอนซ์ ดี ซาลินยี อัครราชทูตแห่งเท็กซัสของบริเตนและฝรั่งเศสตามลำดับ จึงถูกรัฐบาลส่งไปยังกรุงเม็กซิโกซิตีเพื่อพบกับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเม็กซิโก ทั้งสองประเทศได้ลงนามใน “รัฐบัญญัติทางการทูต” โดยเม็กซิโกเสนอที่จะรับรองเท็กซัสเป็นรัฐเอกราช โดยพรมแดนจะถูกกำหนดภายใต้การไกล่เกลี่ยของบริเตนและฝรั่งเศส ประธานาธิบดีเท็กซัส แอนสัน โจนส์ยื่นของเสนอของทั้งสหรัฐ และเม็กซิโกไปยังการชุมนุมของผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษ ณ กรุงออสติน โดยข้อเสนอของสหรัฐ ได้รับการสนองรับโดยมีเสียงค้านเพียงหนึ่งเสียง ในขณะที่ข้อเสนอของเม็กซิโกไม่ได้รับการพิจารณาให้ลงคะแนน ตามกฤษฎีกาที่ ปธน. โจนส์ออกมาก่อนหน้านี้ ข้อเสนอที่ได้รับการสนองรับมากที่สุด จึงเข้าสู่กระบวนการลงคะแนนระดับชาติ

แสตมป์ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งความเป็นรัฐของเท็กซัสออกใน ค.ศ. 1945ข้อเสนอแบ่งแยกขอบเขตระหว่างภูมิภาคเหนือและตะวันตกของเท็กซัสใน ค.ศ. 1850

ในวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 1845 ผู้ลงคะแนนส่วนมากในเท็กซัสเห็นชอบกับข้อเสนอของสหรัฐ อีกทั้งยังเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญที่สนับสนุนระบบทาส และสนับสนุนให้ผู้ย้ายถิ่นนำทาสมายังเท็กซัสด้วย[14] รัฐธรรมนูญดังกล่าวได้รับการสนองรับโดยรัฐสภาสหรัฐ ในเวลาต่อมา ทำให้เท็กซัสกลายเป็นรัฐของสหรัฐ ในวันเดียวกับที่วันที่มีบังคับใช้กฎหมายผนวกเท็กซัส (ซึ่งทำให้เท็กซัสมีสถานะเป็นรัฐในทันที โดยไม่ต้องมีสถานะเป็นอาณาเขตมาก่อน)[15] หนึ่งในแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการผนวกขึ้นมาจากการที่รัฐบาลเท็กซัสก่อหนี้ไว้มหาศาลซึ่งรัฐบาลสหรัฐ ตกลงที่จะรับไว้หลังจากที่ผนวกแล้ว โดยหนึ่งในข้อตกลงในข้อตกลงประนีประนอมแห่งปี 1850 ระบุไว้ว่าเพื่อแลกกับการรับรองการจ่ายหนี้จำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท็กซัสจะยุติการอ้างสิทธิ์ในดินแดนที่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐโคโลราโด, แคนซัส, โอคลาโฮมา, นิวเม็กซิโก และไวโอมิงในปัจจุบัน อันเป็นดินแดนที่เท็กซัสไม่เคยควบคุมและเป็นดินแดนที่รัฐบาลกลางยึดมาจากเมกซิโกในช่วงต้นของสงครามเม็กซิโก-อเมริกาโดยมีอำนาจปกครองเหนือดินแดนดังกล่าวโดยตรง

ข้อตกลงของการผนวกเคยเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันในด้านเนื้อหาสาระทางประวัติศาสตร์ แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงความเชื่อเดียวที่เล่าว่าในข้อตกลงมีบทบัญญัติหนึ่งที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเท็กซัสมีสิทธิ์ที่จะแบ่งแยกจากสหรัฐ แต่ก็มีการถกเถียงกันว่าทุกรัฐล้วนมีสิทธิ์นี้อยู่แล้วโดยนัย แม้ว่าศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกาจะตัดสินคดีระหว่างรัฐเท็กซัสกับไวท์ในปี 1869 โดยตัดสินว่าไม่มีรัฐใดมีสิทธิ์ที่จะแบ่งแยกออกจากสหรัฐ เพียงฝ่ายเดียว อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงมีบทบัญญัติอยู่สองข้อที่ทำให้เท็กซัสมีสิทธิ์แตกต่างจากรัฐอื่น ข้อหนึ่งระบุว่ารัฐเท็กซัสมีสิทธิ์เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบที่จะสถาปนารัฐใหม่ขึ้นมาอีกสี่รัฐโดยแบ่งอาณาเขตตามพื้นที่ของเท็กซัส (โดยรัฐใหม่ที่อยู่เหนือแนวประนีประนอมมิสซูรีจะมีสถานะเป็นรัฐอิสระ) ข้อตกลงไม่ได้เพิ่มข้อยกเว้นพิเศษที่อยู่นอกเหนือจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญสหรัฐว่าด้วยความเป็นรัฐ สิทธิ์ที่จากสถาปนารัฐใหม่ไม่ได้ถูกสงวนไว้ให้เท็กซัสอย่างที่เป็นที่กล่าวกัน[16] ข้อสองระบุว่าเท็กซัสไม่ต้องจำนนพื้นที่ให้กับรัฐบาลกลาง แม้ว่าเท็กซัสจะจำนนพื้นที่ที่อ้างสิทธิ์ครอบครองแต่ไม่ได้ครอบครองจริงให้กับรัฐบาลกลางก็ตาม แต่พื้นที่ที่เท็กซัสมีอาณาเขตอยู่จริงก็ไม่ได้ถูกจำนนให้กับรัฐบาลกลางแต่อย่างใด ดังนั้น พื้นที่ที่รัฐบาลกลางครอบครองในรัฐเท็กซัสนั้นถือว่าถูกซื้อมา ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลแห่งรัฐมีสิทธิ์เหนือแหล่งน้ำมันสำรอง ซึ่งในเวลาต่อมาถูกนำมาใช้เพื่อเป็นทุนสนับสนุนระบบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยของรัฐ ผ่านกองทุนมหาวิทยาลัยถาวร[17] นอกจากนี้ รัฐเท็กซัสยังควบคุมแหล่งน้ำมันสำรองนอกชายฝั่งเป็นระยะ 3 โยชน์ทะเล (9 ไมล์ทะเล หรือ 16.668 กม.) ต่างจากรัฐอื่นๆ ที่มีสิทธิ์ครอบครองออกจากฝั่งไปแค่ 3 ไมล์ทะเล (5.56 กม.)[18] มีความเชื่อผิดๆ ว่าเท็กซัสเป็นรัฐเดียวที่เป็นเอกราชก่อนที่จะมาเป็นรัฐในสหรัฐ นี่ไม่ใช่ความจริงเนื่องจากก่อนที่จะรวมกันเป็นสหรัฐ อาณานิคมผู้ก่อตั้งทั้ง 13 อาณานิคมต่างก็เคยเป็นรัฐเอกราชมาก่อนที่จะกลายมาเป็นรัฐในสหรัฐ ในปี 1778 นอกจากนี้สาธารณรัฐเวอร์มอนต์ก็ถูกสถาปนาเป็นรัฐเอกราชในปี 1777 และมีรัฐบาลเป็นของตนเองเรื่อยมาจนกระทั่งเข้าร่วมกับสหรัฐ ในปี 1791 ส่วนฮาวายก็เคยเป็นรัฐที่มีเอกราชทางการเมืองมาก่อนที่จะเข้าร่วมกับสหรัฐ โดยเป็นถิ่นฐานของชนพื้นเมืองมาแต่โบราณ จนกระทั่งสถาปนาเป็นราชอาณาจักร, สาธารณรัฐ และดินแดนของสหรัฐ ตามลำดับ ก่อนที่จะได้รับความเป็นรัฐฯ ในปี 1959

ใกล้เคียง

สาธารณรัฐจีน (ค.ศ. 1912–1949) สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สาธารณสมบัติ สาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 สาธารณรัฐเท็กซัส สาธารณรัฐโซเวียตฮังการี สาธารณรัฐเขมร สาธารณรัฐประชาชนยูเครน

แหล่งที่มา

WikiPedia: สาธารณรัฐเท็กซัส http://books.google.com/?id=Fmh0AAAAMAAJ http://books.google.com/?id=THI8AAAAIAAJ http://books.google.com/?id=ZIt5AAAAMAAJ http://books.google.com/?id=z4x4xEZZ_xsC&pg=PA263 http://books.google.com/books?ei=WKe1SfbVJp-OkASpx... http://books.google.com/books?id=g5wvAAAAYAAJ&pg=P... http://books.google.com/books?id=z4x4xEZZ_xsC&pg=P... http://books.google.com/books?id=z4x4xEZZ_xsC&pg=P... http://www.parisdeuxieme.com/2007/06/paris-embassy... http://texashistory.unt.edu/