"สายสมร" หรือต่อมาคือ
"สรรเสริญพระนารายณ์" เป็นเพลงมโหรีไทยสมัย
อาณาจักรอยุธยาที่ปรากฏอยู่ใน
จดหมายเหตุลาลูแบร์ (Du Royaume de Siam) ซึ่งตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2234 เป็นบันทึกของ
ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (Simon de La Loubère) ราชทูตฝรั่งเศสที่เดินทางเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2230 ในนาม "A Siamies Song" (เพลงสยาม) ถือเป็นโน้ตเพลงที่เก่าแก่อีกเพลงหนึ่งของ
ประเทศไทย[1] นอกจากนี้
นีกอลา แฌร์แวซ (Nicolas Gervaise) นักบวชชาวฝรั่งเศส ผู้เคยเดินทางมายังกรุงศรีอยุธยาได้บันทึกเพลงไทยเพลงหนึ่งชื่อ "
สุดใจ" (Sout-Chai) ในหนังสือ ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม (Histoire Naturelle et Politique du Royaume de Siam) เมื่อ พ.ศ. 2231
[2]แม้จะได้รับการบันทึกโน้ตอย่างสากล แต่ก็ไม่ปรากฏที่มาหรือชื่อเสียงเรียงนามของเพลงนี้ โดยชื่อ "สายสมร" ก็นำมาจากเนื้อร้องที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "Say Samon..." เป็น
ภาษาไทยที่ถูกถอดเป็น
อักษรโรมัน[1][3][4][5] โดยบันทึกอย่างหยาบเป็นทำนองเดียว ไม่มีเสียงประสาน เข้าใจว่าคงบันทึกจากเสียงร้อง เพราะมีการบันทึกเนื้อเพลงควบคู่ไปตัวโน้ต
[1] พบข้อบกพร่องในการบันทึกโน้ต หรือเป็นโน้ตที่วิ่นแหว่ง และมีแนวโน้มว่าคงเป็นบางส่วนของทั้งเพลงเท่านั้น
[4] แต่ก็ถือเป็นการบันทึกทำนองที่พิถีพิถันที่จะทำให้เนื้อร้องเข้าทำนองมากกว่าเพลง "สุดใจ"
[5] เนื้อเพลงที่ถูกบันทึกเป็นอักษรโรมันนั้นมีการถอดออกมาหลายสำนวน เช่น
[2]เนื้อเพลง "สายสมร" โดย
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงถอดเอาไว้ ความว่า
[6]ธีรพงศ์ เรืองขำ สันนิษฐานว่าเพลง "สายสมร" คือเพลงมโหรีบรรเลงขับกล่อมพระมหากษัตริย์ในเขตพระราชฐานชั้นในดังที่ตราไว้ในกฎมณเฑียรบาลว่า "หกทุ่มเบิกเสภาดนตรี" ในช่วงเวลาที่
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงใช้เวลาในการปรึกษาราชการแผ่นดิน โดยมี
พระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) เป็นชาวตะวันตกเพียงคนเดียวที่ร่วมอยู่ในการนั้น เป็นคนที่ชำนาญการใช้ภาษาต่าง ๆ รวมทั้งมีโอกาสติดต่อกับราชทูตฝรั่งเศสได้โดยตรง เขาอาจเป็นผู้ถอดเสียงเพลง "สายสมร" ให้ลา ลูแบร์บันทึก และเข้าใจว่า "สายสมร" ในที่นี้น่าจะหมายถึงพระอัครมเหสีที่สวรรคตไปแล้วของสมเด็จพระนารายณ์
[2] ส่วน
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงวินิจฉัยว่าเพลง "สายสมร" หาใช่เพลงสรรเสริญพระบารมี เพราะเนื้อหาบ่งในเชิงสังวาสมากกว่า
[7] ขณะที่ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ ให้ความเห็นว่า งานเขียนของลา ลูแบร์ อาจเขียนขึ้นจาก "ความแปลกประหลาด" ที่ชาวตะวันตกมองคนนอกยุโรป จึงสร้างเนื้อเพลงมาประกอบเท่านั้น เพลงนี้จึงอาจไม่มีอยู่จริง เพราะ "...โน้ตเพลงสายสมรออกจะเป็นการบันทึกที่เลอะเทอะหาแก่นสารอะไรไม่ได้"
[8] สอดคล้องกับข้อมูลของกลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
กรมศิลปากร ที่ให้ข้อมูลว่า "[เพลงสายสมร]...ไม่สะดวกกับการขับร้อง และท่วงทำนองก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นเพลงตะวันออกแต่อย่างใด"
[5]ในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงฟื้นฟูศิลปวิทยาการใน พ.ศ. 2325 เป็นต้นมา พระองค์โปรดเพลง "สายสมร" และจัดไว้อยู่ในตับเพลงอรชร เพราะมีต้นเค้ามาจาก
เมืองนครศรีธรรมราช แต่ไม่ปรากฏเนื้อหรือทำนองเพลง
[2] ในเพลงยาวที่บรรยายบรรยากาศการเล่นเพลงมโหรีที่บ้านของ
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ก็ระบุว่ามีการเล่นเพลง "สายสมร" ร่วมด้วย
[9] สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงจัดให้อยู่ในเพลงประเภทมโหรีที่ผิดเพี้ยนไปมาก
[2] และเข้าใจว่าเพลง "สายสมร" นี้ น่าจะเป็นเพลงเดียวกันกับเพลงที่ซีมง เดอ ลา ลูแบร์บันทึกไว้
[10] ครั้นเมื่อคราว
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประพาสกรุง
ปารีส ประเทศฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2440 ทรงสนพระทัยเพลง "สายสมร" ที่ถูกบันทึกในจดหมายเหตุลาลูแบร์ จึงโปรดเกล้าให้กัปตันไมเคิล ฟุสโก หัวหน้าวงดุริยางค์กองทัพเรือ เรียบเรียงเป็นทำนองเปียโน แล้วพระราชทานชื่อให้ใหม่ว่า "สรรเสริญพระนารายณ์" ใน พ.ศ. 2442
[2][3] ต่อมา
พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) นำเพลงมาเรียบเรียงใหม่บรรเลงโดยวงออร์เคสตรา เนื้อร้องโดยนาวาอากาศเอก ขุนสวัสดิ์ทิฆัมพร (สวาท นิยมธรรม) ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง
พระเจ้าช้างเผือก (พ.ศ. 2484) และตั้งชื่อเพลงว่า "ศรีอยุธยา"
[3]ใน
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีการบรรเลงเพลง "สรรเสริญพระนารายณ์" โดยวงดุริยางค์ทหารบก พร้อมกับเพลง "
สรรเสริญเสือป่า" และ "
พญาโศกลอยลม" โดยบรรเลงเมื่อ
พระบรมโกศได้ประดิษฐานอยู่บน
พระมหาพิชัยราชรถ แล้วเคลื่อนริ้วขบวนสู่
พระเมรุมาศในท้อง
สนามหลวง[2]