ประวัติศาสตร์และการปกครอง ของ สเตรตส์เซตเทิลเมนต์

ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์สิงคโปร์

อาณานิคมแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตามสนธิสัญญาระหว่างอังกฤษกับเนเธอร์แลนด์ในปี พ.ศ. 2367 ซึ่งเป็นข้อตกลงในการแบ่งเขตอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นสมุทรระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งเขตของอังกฤษจะอยู่ทางเหนือ และเขตของเนเธอร์แลนด์จะอยู่ทางใต้ โดยมีการและเปลี่ยนดินแดนระหว่างกัน คืออังกฤษจะต้องยกนิคมในเบงคูเลน (Bencoolen) ทางภาคตะวันตกของเกาะสุมาตราให้กับเนเธอร์แลนด์ โดยแลกกับมะละกาและสิงคโปร์ ทำให้เมืองหลวงของอาณานิคมย้ายจากเกาะปีนังมาสิงคโปร์ในปี พ.ศ. 2375

ในปี พ.ศ. 2410 นิคมดังกล่าวก็ได้กลายเป็นอาณานิคมอย่างเต็มตัว โดยอยู่ภายใต้การปกครองของสำนักงานอาณานิคมในกรุงลอนดอน แทนที่จะขึ้นตรงกับรัฐบาลประจำอินเดียในกัลกัตตา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ รัฐบาลอังกฤษได้ตราธรรมนูญประจำอาณานิคม โดยให้อำนาจแก่ข้าหลวงแห่งนิคม ซึ่งบริหารกิจการของอาณานิคมโดยได้รับความช่วยเหลือจากสภาบริหารและสภานิติบัญญัติ

ดินดิงและพรอวินซ์เวลส์ลีย์

ดินดิงซึ่งเป็นดินแดนที่ประกอบด้วยพื้นที่ชายฝั่งและหมู่เกาะทางตะวันตกของรัฐเปรัก ได้กลายเป็นของอังกฤษตามสนธิสัญญาปังโกร์ในปีพ.ศ. 2417 แต่ดินแดนดังกล่าวก็ไม่ได้มีทำประโยชน์ให้แก่อังกฤษมากนัก

พรอวินซ์เวลส์ลีย์ซึ่งเป็นพื้นที่ทางชายฝั่งตะวันตกของรัฐเกอดะห์ที่อยู่ตรงกันข้ามกับเกาะปีนังและมีอาณาเขตทางใต้ติดต่อกับรัฐเปรัก ได้กลายเป็นของอังกฤษในปี พ.ศ. 2341 โดยเขตแดนทางเหนือและทางตะวันออกที่ติดต่อกับรัฐเกอดะห์นั้นได้กำหนดตามข้อตกลงที่ทำกับสยามในปี พ.ศ. 2410 ดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดยเจ้าหน้าที่ซึ่งขึ้นตรงต่อหน่วยงานในเกาะปีนัง พื้นที่ส่วนใหญ่ของพรอวินซ์เวลส์ลีย์เป็นที่ราบที่อุดมสมบูรณ์ โดยมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู โดยมีชาวจีนและชาวทมิฬซึ่งเป็นแรงงาน รวมทั้งผู้คนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมการเกษตรอื่น ๆ อาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง พื้นที่ประมาณหนึ่งในสิบเป็นเนินเตี้ย ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยป่าทึบ พื้นที่นี้ผลิตข้าวเป็นจำนวนมากในแต่ละปี

บทบาทที่เพิ่มขึ้นของผู้สำเร็จราชการ

แต่เดิมหมู่เกาะโคโคสและเกาะคริสต์มาสขึ้นตรงกับซีลอน แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2429 ก็ได้มาขึ้นตรงกับนิคมช่องแคบ และในปี พ.ศ. 2449 ลาบวนก็ถูกผนวกเข้ามาเพิ่มอีก

ผู้สำเร็จราชการแห่งนิคมช่องแคบยังเป็นข้าหลวงใหญ่ประจำสหพันธรัฐมลายูและบอร์เนียวเหนือของอังกฤษ รัฐสุลต่านบรูไน และรัฐสุลต่านซาราวัก และต่อมายังดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการแห่งลาบวนเพิ่มขึ้นอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย