สถานะทางกฎหมายสมัยใหม่ ของ อะษาน

อิสราเอล

ใน ค.ศ. 2016 คณะกรรมการรัฐมนตรีอิสราเอลอนุมัติร่างกฎหมายให้จำกัดเสียงเรียกขอพรในที่สาธารณะ โดยเฉพาะเสียงอะษาน ด้วยเหตุผลมลภาวะทางเสียง[11][12][13] ร่างกฎหมายถูกเสนอโดยโมตี โยเกฟ สมาชิกดเนสเซ็ตของพรรคเดอะจิววิชโฮม และโรเบิร์ต อิลาโตฟ จากพรรคยิสราเอลเบเตนู (Yisrael Beiteinu)[12] การแบนนี้มีผลต่อมัสยิดสามแห่งในหมู่บ้านอบูดิสในเยรูซาเลมตะวันออก ทำให้ตัดสิทธิ์ในการกล่าวละหมาดตอนหัวรุ่ง (ซุบฮี)[14] เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล สนับสนุนร่างกฎหมายนี้[13] องค์กรประชาธิปไตยอิสราเอล (Israel Democracy Institute) กล่าวว่ากฎหมายนี้ขัดต่อสิทธิของมุสลิม และขัดขวางเสรีภาพทางศาสนาของพวกเขา[13][14]

ตุรกี

หลังจากการปฏิรูปที่นำมาสู่การก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีใน ค.ศ. 1923 รัฐบาลตุรกีในเวลานั้น นำโดยมุสทาฟา เคมัล อาทาทืร์ค ได้นำระบอบฆราวาสนิยมเข้าสู่ตุรกี โดยมีแผนดำเนินการอะษานด้วยภาษาตุรกี ซึ่งขัดแย้งกับธรรมเนียมที่ต้องกล่าวเป็นภาษาอาหรับ[15] โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1932 และดำเนินการต่อไปเป็นเวลา 18 ปี

ณ วันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1950 รัฐบาลใหม่ที่นำโดยอัดนาน เมนเดเรส ได้นำการอะษานภาษาอาหรับมาใช้อีกครั้ง[16]

สวีเดน

มัสยิดฟิตต์ยาใน Botkyrka ที่อยู่ทางตอนใต้ของสต็อกโฮล์ม เป็นมัสยิดแรกที่ได้รับอนุญาตให้อะษานละหมาดวันศุกร์ใน ค.ศ. 2013 โดยมีข้อแม้ว่าเสียงต้องไม่ดังกว่า 60 เดซิเบล[17] ที่คาร์ลสกรูนา (เทศมณฑลเบลียกิงเงอ ภาคใต้ของประเทศสวีเดน) ทางสมาคมอิสลามได้สร้างมินาเรตใน ค.ศ. 2017 และได้กล่าวอะษานทุกสัปดาห์จนถึงปัจจุบัน[18][19] มัสยิดชั่วคราวที่เวกเชอได้รับสิทธิ์นี้เช่นเดียวกันในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018[20] ทำให้มีการวิจารณ์กันทั้งประเทศ[21][22][23] หน่วยงานตำรวจสวีเดนได้ให้การอนุญาตเป็นระยะเวลาหนึ่งปีในเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน[24][25]

คูเวตและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ในระหว่างช่วงการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสใน ค.ศ. 2019-2020 และการระบาดทั่วในช่วงนี้ บางเมืองได้เปลี่ยนบทอะษานจาก ฮัยยะอะลัศเศาะลาฮ์ หมายถึง "ท่านทั้งหลาย จงมาละหมาดเถิด" ไปเป็น อัสเศาะลาตุฟีบุยูติกุม หมายถึง "จงละหมาดที่บ้านของท่าน"[26]

ประเทศมุสลิมอื่น (โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย) ได้เปลี่ยนเป็นแบบนี้เพราะมุสลิมถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปมัสยิดในช่วงการระบาดทั่ว เพื่อหยุดผลพวงของการระบาด การทำสิ่งนี้มาจากคำสั่งของศาสดามุฮัมมัด โดยให้บิลาล อิบน์ เราะบาฮ์ อะษานแบบนั้นในช่วงที่มักกะฮ์เกิดการระบาดของอหิวาตกโรค

แหล่งที่มา

WikiPedia: อะษาน http://islam.about.com/cs/prayer/f/adhan_english.h... http://www.dawn.com/news/1296253 http://halaltown.com/index.php?option=com_content&... http://www.islamhouse.com/p/57572 http://www.islamichotspot.com/swedish-church-suppo... http://www.jordantimes.com/news/region/israel-limi... http://www.thefinancialexpress-bd.com/2016/11/14/5... http://www.khamenei.de/fatwas/practical03.htm http://www.usc.edu/dept/MSA/fundamentals/hadithsun... http://www.usc.edu/schools/college/crcc/engagement...