ความรุนแรงในโรงเรียนและการกระทำผิดของเด็กและเยาวชน

การกระทำผิดของเด็กและเยาวชนของกลุ่มนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคปะทะและยิงกันตามแยกต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร เริ่มถูกบันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2517 เมื่อเด็กเล็กคนนึงถึงแก่ความตาย และอีก 14 คนได้รับบาดเจ็บมีเมื่อผู้ขว้างระเบิดระหว่างเหตุปะทะระหว่าง นักเรียนจากโรงเรียนช่างก่อสร้างดุสิต โรงเรียนช่างกลนนทบุรีและ โรงเรียนช่างกลบางซ่อน ต่อมา วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2517 นักเรียนคนนึงเสียชีวิตจากเหตุนักเรียนโรงเรียนช่างกลบางซ่อนปะทะกับนักเรียนโรงเรียนช่างกลพระนครเหนือ เหตุร้ายแรงที่สุดเกิดในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2519​ เมื่อโรงเรียนช่างกลพระรามหกถูกวางระเบิดมีผู้เสียชีวิต 5 ราย

ต่อมาในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2518 นักเรียนโรงเรียนช่างกลพระรามหก ช่างกลบางซ่อน ช่างกลนนทบุรี ช่างกลอุเทนถวายและช่างกลปทุมวัน ก่อเหตุยกพวกตีกันจนเป็นจนเหตุให้มีนักเรียนเสียชีวิต 2 ราย[80]

เป็นเวลาหลายปีที่กลุ่มนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคปะทะและยิงกันตามแยกต่างๆ ในกรุงเทพมหานครและที่อื่นๆ[81] คดีที่โด่งดังได้แก่ การยิงกันที่เริ่มจากการแข่งเต้นเพลงคังนัมสไตล์[82] นักเรียนคนหนึ่งจากโรงเรียนเทคนิคกล่าวว่า "ปืนเป็นเหมือนสิ่งที่ต้องนำติดตัวไปโรงเรียน พวกเราอาจใช้ปืนในการป้องกันตัวเองจากรุ่นพี่ที่ชอบใช้ความรุนแรง ส่วนข้างนอกโรงเรียน พวกเรามีโรงเรียนคู่แข่ง..."[83]

ในวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2544 นักศึกษาเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพ[84] ราว 300 คนได้ทำการปิดล้อมโรงเรียนพาณิชยการกรุงเทพและบุกเข้าทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ นาย จตุพร พิทยา เสียชีวิต และมีคนบาดเจ็บสาหัส 5 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 20 คน มีการเผาทำลายทรัพย์สินภายในโรงเรียน เผารถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตำรวจจับกุม 215 ราย นับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นโดยนักศึกษา[85]

ในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2546 นาย อนัชชา บุญขวัญ ได้ก่อเหตุนำอาวุธปืนยิงสังหารเพื่อนนักเรียนจนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย เหตุเกิดที่ โรงเรียนปากพนัง [86]

การกระทำความผิดอาญาโดยเยาวชนจาก พ.ศ. 2546 ถึง พ.ศ. 2550 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 70% ทั้งหญิงและชายต่างมีการเพิ่มขึ้นที่สูง แม้ประเทศจะมีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ[87]

ในระหว่างการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563 การแสดงออกของนักเรียนนักศึกษาถูกขัดขวางจากสถานสึกษา โดยหลายแห่งไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่จัดกิจกรรม และมีผู้จัดกิจกรรมถูกเรียกตัว[88][89]

โครงสร้างพื้นฐานของเรือนจำและคอร์รัปชัน

ประเทศไทยมีจำนวนเรือนจำที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ และยังขาดแรงผลักดันทางการเมืองที่จะต่อสู้กับปัญหาอาชญากรรม[ต้องการอ้างอิง] ในเรือนจำกลางระยองที่ถูกออกแบบให้คุมนักโทษ 3,000 คน กลับมีนักโทษอาศัยอยู่ถึง 6,000 คน[3] มีการใช้กล่องเพื่อขนวัตถุจากนอกเรือนจำข้ามกำแพงเข้าสู้เรือนจำ พัสดุถึงนักโทษมีวัตถุ เช่น โทรศัพท์มือถือซึ่งมักใช้ติดต่อและวางแผนก่ออาชญากรรมนอกเรือนจำ[90] สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเรือนจำกลางระยองเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วไปในประเทศไทย[91]

คอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ในเรือนจำเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เป็นปัญหาในการจัดการกับอาชญากรรม[91] ในคดีหนึ่ง พยาบาลในเรือนจำถูกจับเนื่องจากค้ายาเสพติด[92] หลังการล่อซื้อพบว่าพัศดีเรือนจำกว่า 28 คนลักลอบขนยาเสพติด[93][94] รัฐบาลไทยตอบโต้ด้วยการติดตั้งตัวตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ทว่าเครื่องมือเหล่านี้ถูกพิสูจว่าไม่ได้ผล ด้วยความที่รอยแตกในกำแพงถูกใช้เป็นที่เก็บโทรศัพท์ซึ่งเครื่องตัดสัญญาณไม่สามารถเข้าถึง[95] ความพยายามอื่นได้แก่ เครื่องสแกนเอกซเรย์[3] และการติดตั้งกล้องวงจรปิด และมีการวางแผนจัดทำเรือนจำแบบใหม่ที่มีความเข้มงวด[96]

พระสงฆ์

อาชญากรรมซึมซับเข้าสู่ทุกองค์ประกอบในประเทศไทย รวมไปถึงสถาบันพุทธศาสนา การเป็นพระภิกษุสงฆ์สามารถปกปิดองค์กรอาชญากรรมได้เป็นอย่างดี ในปีที่ผ่านมี มีหลายคดีที่พระสงฆ์รวมไปถึงพระภิกษุสงฆ์อาวุโสถูกจับเพราะเกี่ยวข้องกับการครอบครองเมตแอมฟีตามีน การขายยาเสพติด[97] การค้าประเวณี สื่อลามก และอาวุธปืน[98]

ในคดีหนึ่ง พระภิกษุสงฆ์สองรูปพยายามทิ้งยาบ้าที่ด่านตำรวจ[99][100] อีกคดีหนึ่งเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์อาวุโสที่กล่าวว่าต้องการเงินเพื่อ "บำรุงรักษาวัด" ทว่ากลับนำเงินไปซื้อยาเสพติดและบริการทางเพศ[23] รายงานการฆาตกรรมโดยนักบวชมีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ[101] โดยมีคดีหนึ่งที่พระภิกษุสงฆ์ชาวไทยฆ่ากันเองในสหรัฐอเมริกา[102] นอกจากนี้ การคุกคามทางเพศโดยพระไทยเกิดขึ้นทั่วไป และเริ่มได้รับความสนใจจากสื่อ อาทิ การข่มขืนสามเณรในวัด เด็กชาย ฆราวาสหญิง แม่ชี กรณีที่มีชื่อเสียงได้แก่ พระวิสุทธิศาสนวิเทศ (กวีศิลป์ วิ สุทธิกุโล)[103]ซึ่งถูกดำเนินคดีในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ

ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557 พระสงฆ์ไทยได้ใช้อาวุธปืนยิงเด็กผู้หญิงอายุ 15 ปี จนถึงแก่ความตาย[104]ต่อมาวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระสงฆ์ไทยได้ใช้อาวุธมีดฆ่าคนถึงแก่ความตาย[105]

ในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558 พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท ได้แสดงความเกลียดชังต่อศาสนาอิสลามและยุยงให้เกิดการเผามัสยิด[106]

ในปี พ.ศ. 2561 คดีฟอกเงินวัดมีชื่อเสียงอย่างมากเนื่องจากนำไปสู่การถอดถอนสมณศักดิ์ การหนีคดีความ[107]พระที่ถูกดำเนินคดี อาทิ  พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม)การสร้างวัตถุมงคลในประเทศไทยมักอ้างว่าบูชาแล้วรวยเพื่อให้ขายวัตถุมงคลได้ วัตถุมงคลกลายเป็นรูปแบบหนึ่งที่นิยมในการฟอกเงินของคนก่ออาชญากรรม

ความรุนแรงในพนักงานขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง

เมื่อเวลา 00.30 น. ของ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 ได้เกิดคดีสะเทือนขวัญที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) เนื่องจากมีการสังหารมอเตอร์ไซค์รับจ้างซึ่งเป็นอริกันโดยมีการเสียชีวิต 6 ราย[108] ในคืนนั้น เป็นพนักงานมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 5 ราย และ พนักงานขับรถตู้ สายกม.11 หนึ่งราย พนักงานขับรถจักรยานยนต์รับจ้างมักมีความขัดแย้งและความรุนแรงเนื่องจากการจัดคิวรถโดยสารกับพนักงานขับรถตู้สาธารณะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในระหว่างที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศใช้อำนาจตาม พระราชบัญญัติ การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร