ประวัติ ของ อาวุธ_เงินชูกลิ่น

ศาสตราภิชาน พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น เกิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2485 ที่บ้านเลขที่ 199 ตำบลบางค้อ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี (ปัจจุบัน คือ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร) เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องสามคน ของนายทองเปลว และนางละเมี้ยน เงินชูกลิ่น สมรสกับนางชาริณี เงินชูกลิ่น (สกุลเดิม บุราวาศ) เมื่อ พ.ศ. 2519 มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือนายชวิน เงินชูกลิ่น (เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2520) และนายวทนะ เงินชูกลิ่น (เกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2528)

ชีวิตวัยเยาว์

บทความนี้อาจต้องการพิสูจน์อักษร ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด กรุณาช่วยปรับปรุงบทความนี้ โดยเพิ่มการอ้างอิงแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ เนื้อความที่ไม่มีแหล่งที่มาอาจถูกคัดค้านหรือลบออก
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครหลังปัจจุบัน

ศาสตราภิชาน พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พุทธศักราช 2485 ที่บ้านเลขที่ 762 ริมคลองด่าน ตำบลบางค้อ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี (ที่อยู่เดิม) บ้านเป็นเรือนไทยโบราณ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นบ้านเลขที่ 199 ถนนริมคลองด่าน แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรคนโตของนายทองเปลว และนางละเมี้ยน เงินชูกลิ่น ท่านมีพี่สาวต่างมารดา 1 คน คือ นางบังอร เงินชูกลิ่น (พี่สาวเกิดไม่นาน คุณแม่ก็เสียชีวิต) มีน้องชาย 1 คน คือ นายสุทธินาถ เงินชูกลิ่น และน้องสาว 1 คน คือ นางอุษณีย์ ลีละเศรษฐกุล คุณพ่อของท่านรับราชการที่กระทรวงการคลัง ตำแหน่งก่อนเกษียณอายุราชการ คือ เลขานุการกรมธนารักษ์ คุณแม่ของท่านทำการค้าขายงอบ คุณพ่อคุณแม่เป็นคนที่มีระเบียบมากและเป็นคนประหยัด แต่จะทำบุญอยู่เสมอ

บริเวณบ้านกว้าง คุณแม่ของท่านจะปลูกผลไม้ไว้ให้ลูก ๆ รับประทาน เมื่อเหลือจาดแบ่งปันญาติและเพื่อนบ้าน ก็จะนำไปขาย มีชมพู่ ฝรั่ง มะม่วง ส้มโอ ส้มเขียวหวาน มะพร้าว อ้อย กล้วย ลิ้นจี่ มะนาว พืชผักสวนครัว มีกอไผ่เป็นรั้วกั้นเขต ที่บ้านของท่านจึงได้รับประทานหน่อไม้ และจะมีเห็ดโคนขึ้นที่โคนกอไผ่ด้วย

พล.อ.ต. อาวุธ ออกแบบเปลี่ยนวัสดุมุงและเครื่องประดับหลังคาเป็นโลหะและทองแดงรมดำ ใน โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร

เมื่ออายุถึงวัยเข้าเรียน คุณพ่อได้พาท่านไปเข้าเรียนที่โรงเรียนวัจนะศึกษา (ปัจจุบันเลิกกิจการแล้ว) ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เข้าเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1 - 4 เมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 คุณพ่อได้พาท่านไปเข้าโรงเรียนวัดราชโอรสซึ่งอยู่ไม่ไกลบ้านมากนัก

ศาสตราภิชาน พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น เป็นพี่ชายที่ดีของน้อง ๆ มาตลอด โอบอ้อมอารีกับน้อง ๆ และผู้อื่น นิสัยเงียบขรึม ใจเย็น ใจกว้าง เสียสละ และให้อภัย ปฏิบัติตามที่คุณพ่อคุณแม่สั่งสอน สมัยเมื่อท่านยังเป็นเด็ก ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้ตะเกียงเจ้าพายุใส่น้ำมัน คุณพ่อคุณแม่จะให้ลูก ๆ ทบทวนการเรียนทุกวัน ท่านและน้อง ๆ ก็จะมานั่งกับพื้น และวางหนังสือบนโต๊ะไม้สัก เมื่อทุกคนเสร็จ ก็จะมาช่วยกันทำงานบ้านและงานอื่น ๆ ที่จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้

วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ได้รับการออกแบบเป็นสีขาว ให้เรียบง่าย และประหยัด

หลังจากทบทวนการเรียนแล้ว ท่านและน้อง ๆ จะช่วยงานทำงอบซึ่งเป็นอาชีพของครอบครัว ท่านจะประดิษฐ์กระหม่อมงอบ (ต้านบนสุดของตัวงอบ) ให้มีลวดลายสวยงามด้วยกระดาษอังกฤษ ซึ่งมีลักษณะเป็นสีต่าง ๆ เงางาม เพื่อเพิ่มคุณค่า และเพิ่มราคาขึ้น โดยนำใบลานมาฉลุเป็นลวดลาย แล้วสอดกระดาษสีต่าง ๆ ไว้ข้างใต้ นำใบลานอีกชิ้นมาประกบด้านล่าง ก็จะได้ลวดลายและสีงดงาม ลักษณะเช่นเดียวกับการสลักหยวกกล้วย แล้วนำกระดาษสีสอดใต้ลายฉลุ

เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่รักการทำบุญ เมื่อมีงานประจำปีของวัดราชโอรส วัดนางนอง และวัดหนัง ก็จะพาท่านและน้อง ๆ ไปกราบพระ หลังจากนั้นจะพาไปชมร้านค้า ร้านที่ท่านและน้อง ๆ ชอบที่สุด และจะหยุดดูทุกครั้งที่มางานวัด คือร้านหัวโขน หัวลิง ทำจากกระดาษ ชฎาทำจากใบลาน มีดพระขรรค์ และตุ๊กตาคนแก่หัวเป็นสปริง หัวสั่นได้ และในร้านมีของอื่น ๆ อีกมากมาย คุณแม่ไม่ได้ซื้อของเล่นให้เพราะต้องประหยัด จะซื้อชฎาใบลานให้น้องสาวเพียงคนเดียว คุณพ่อซึ่งมีความสามารถทางช่าง ท่านวาดภาพสีน้ำมัน ภาพสีน้ำ ทำงานปั้นและงานไม้ ที่บ้านมีเครื่องมือช่างไม้ และงานอื่น ๆ ไว้ใช้ ครั้งหนึ่งคุณพ่อเคยต่อเรือไว้ใช้เอง ต่อโต๊ะ ต่อเก้าอี้ เมื่อคุณแม่ไม่ได้ซื้อของเล่นให้พี่ ๆ กลับมาบ้านคุณพ่อก็สอนพี่ ๆ ประดิษฐ์ของเล่นโดยนำดินเหนียวมาปั้น และใช้ลวดสปริงทำคอเป็นคนแก่หัวสั่นได้ แต่ไม่ได้ระบายสี พลอากาศตรีอาวุธ เงินชูกลิ่น จะเรียนรู้งานปั้นโดยไม่รู้ตัว ส่วนหัวโขนหัวกระดาษ คุณพ่อก็สอนให้หัดทำ

มณฑปวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร

ทุกปีมีงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนซึ่งจัดงานบริเวณโรงเรียนสวนกุหลาบกับโรงเรียนเพาะช่าง จะมีการนำผลงานต่าง ๆ ของนักเรียนทั่วประเทศมาแสดง คุณพ่อคุณแม่จะพาลูก ๆ ไปชมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก ๆ ทุกปี

คุณพ่อเห็นท่านมีนิสัยรักงานศิลปะ จึงซื้อเครื่องพิมพ์เขียว (แบบโบราณ) มาให้เล่น ลักษณะเป็นกรอบสี่เหลี่ยม เวลาพิมพ์จะใส่น้ำยาลงไป หลังจากนั้นจะนำไปตากแดดให้แห้ง คุณพ่อเป็นผู้มีฝีมือทางเขียนอักษรไทยและลายไทย จะซื้อหนังสือมาให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง และสอนการหัดเขียน วันหนึ่งท่านซื้อหนังสือชุดรามเกียรติ์มาให้ ทุกคนดีใจมาก แต่ผู้ที่อ่านจบทั้งชุดก็คือ พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น นั่นเอง

ตามที่กล่าวมาข้างต้นว่าบ้านของท่านอยู่ริมคลอง เวลาหน้าแล้งน้ำจะแห้งเห็นดินโคลนใต้คลอง นั่นเป็นช่วงโอกาสดีของคนริมคลองรวมทั้งตัวท่านด้วย เพราะจะมีกุ้ง ปลา ลอยกันเต็มคลอง ท่านและน้อง ๆ จะลงไปจับกันอย่างสนุกสนาน และได้อาหารมารับประทานด้วย แต่การจับปลาและกุ้ง ต้องมีอุปกรณ์ มีสวิงตักปลา เงินมีน้อยไม่สามารถซื้ออุปกรณ์ได้ ท่านจึงไปซื้อด้ายเส้นใหญ่มาถักเป็นสวิงเล็ก ๆ สำหรับจับปลากับน้อง ๆ

การเดินทางสมัยนั้นค่อนข้างยากลำบาก คุณแม่ต้องพายเรือไปส่งที่หน้าอำเภอบางขุนเทียน (สมัยนั้นบ้านอยู่เยื้องอำเภอ) ขึ้นจากเรือเดินไปต่อรถไฟสายมหาชัย-คลองสาน ลงต่อรถประจำทางที่วงเวียนใหญ่ กว่าจะไปถึงมหาวิทยาลัยศิลปากรต้องตื่นแต่เช้า เพราะรถไฟจะมาเป็นเวลา เมื่อถึงสถานีที่วัดราชโอรสเป็นสถานีระหว่างทางคนจะแน่นมาก บางวันต้องโหนอยู่ตรงบันไดเสี่ยงอันตรายมาก

คุณพ่อของท่านเป็นต้นแบบแห่งการเรียนรู้งานศิลปะของท่าน เพราะท่านเป็นลูกชายคนโต ต้องช่วยคุณพ่อทำงานช่างต่าง ๆ ทุกครั้ง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านสอบเข้าเรียนในโรงเรียนช่างศิลป์ เมื่อเรียนจบจากช่างศิลป์ ก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรได้ เริ่มต้นมีความคิดที่จะเข้าเรียนคณะมัณฑนศิลป์ ก็ไปปรึกษาคุณพ่อ ท่านแนะนำว่าถ้าคณะมัณฑนศิลป์จะต้องรอให้ผู้อื่นออกแบบก่อน เราถึงจะทำต่อได้ (ความเข้าใจในสมัยนั้น) แต่ถ้าเป็นสถาปัตยกรรม เราจะได้ใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ด้วยตนเอง แต่คุณพ่อของท่านก็ไม่ได้บังคับท่าน เพียงแต่แสดงความเห็นให้ทันตัดสินใจด้วยตนเองเท่านั้น

การทำงาน

งานออกแบบพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

ศาสตราภิชาน พลอากาศตรี อาวุธ เกิดที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนวัดราชโอรส เมื่อ พ.ศ. 2499 ต่อมาได้เข้าศึกษาในโรงเรียนช่างศิลป และศึกษาสถาปัตยกรรมไทยจนได้รับปริญญาศิลปบัณฑิต สาขาสถาปัตยกรรมไทย จากมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อ พ.ศ. 2507 ซึ่งในสมัยนั้นยังมิได้สถาปนาเป็นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ดังเช่นปัจจุบัน

เมื่อจบการศึกษาและทำงานเป็นผู้ออกแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ กับพันเอก จิระ ศิลปะกนก สถาปนิกรุ่นพี่มาระยะหนึ่ง เห็นว่าไม่ค่อยมั่นคงจึงสมัครเข้ารับรับราชการเป็นสถาปนิกประจำกองทัพอากาศอยู่นาน 9 ปี จนติดยศเรืออากาศเอก โดยพลอากาศตรี อาวุธ ได้เคยเล่าเกร็ดชีวิตทหารให้ฟัง ในวันงานเลี้ยงเชิดชูเกียรติ โดยสภาสถาปนิกครั้งหนึ่งว่า เป็นโชคร้ายหรือโชคดีก็ไม่ทราบ ที่ในเช้าวันหนึ่ง เกิดมองไม่เห็นทหารชั้นนายพลผู้บังคับบัญชาที่เดินสวนมา จึงไม่ได้ยืนตรงทำความเคารพ เลยถูกสั่งขังเสียหลายวัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ได้โอนมาเป็นนายช่างศิลป์ สังกัดกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2518 เมื่อถึงปี พ.ศ. 2521 ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบูรณปฏิสังขรณ์ ในกองสถาปัตยกรรมไทย ในกรมศิลปากรนั้นเอง และได้เจริญเติบโตเรื่อยมา จากที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบูรณปฏิสังขรณ์ ระดับ 9 จนเป็นอธิบดีกรมศิลปากร ในปี พ.ศ. 2544 และมาดำรงตำแหน่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบสถาปัตยกรรมไทย และบูรณปฏิสังขรณ์สถาปนิกระดับ 10 เมื่อ พ.ศ. 2545 และเกษียณอายุราชการในปีนั้น

พระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี งานออกแบบชิ้นสุดท้ายของ พล.อ.ต.อาวุธ ในขณะที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งท่านยอมรับว่าเป็นพระเมรุที่สวยที่สุดที่เคยออกแบบมา

พลอากาศตรี อาวุธ มีผลงานมากมาย โดยเฉพาะผลงานสำคัญ ด้านการอนุรักษ์โบราณสถานของชาติ และออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมไทย เช่น งานบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระปฐมเจดีย์, งานบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระบรมมหาราชวัง, งานออกแบบและควบคุมการก่อสร้างพระเมรุมาศ และอาคารรายรอบที่ใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อปี พ.ศ. 2538 ดังกล่าวมาแล้ว นอกจากนี้ ยังได้ออกแบบ และควบคุมการก่อสร้าง พระที่นั่งสันติชัยปราการ ในสวนสันติชัยปราการ, พระอุโบสถ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก เป็นต้น ท่านได้เป็นหัวหน้าคณะทำงานออกแบบ และควบคุมการก่อสร้างพระเมรุ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และงานอื่นๆ ที่ได้มีส่วนร่วมอยู่หลายงาน เช่น พระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นต้น

ในด้านการเผยแพร่วิชาความรู้ ด้านสถาปัตยกรรมไทย และการอนุรักษ์ พลอากาศตรี อาวุธ ได้เป็นอาจารย์พิเศษ ที่เป็นกำลังสำคัญ ที่ภาควิชาสถาปัตยกรรมไทย ให้คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ทั้งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่จบการศึกษามา นอกจากนี้ ยังได้เป็นผู้บรรยาย และเป็นวิทยากรในกิจกรรมทางวิชาการมากมาย

หน้าที่และตำแหน่งทางราชการ

  • พ.ศ. 2509 - 2518 เข้ารับราชการในกองทัพอากาศ ในตำแหน่ง สถาปนิก ได้รับพระราชทานยศเป็นลำดับมาจนถึง "เรืออากาศเอก"
  • พ.ศ. 2518 โอนมารับราชการ ที่กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร ในตำแหน่ง นายช่างศิลปกรรม
  • พ.ศ. 2521 ย้ายมาดำรงตำแหน่งสถาปนิก ในกองสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร มีหน้าที่ออกแบบสถาปัตยกรรมไทย และบูรณปฏิสังขรณ์
  • พ.ศ. 2539 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น สถาปนิก 10 วช. (ด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมไทยและบูรณปฏิสังขรณ์)
  • พ.ศ. 2543 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น อธิบดีกรมศิลปากร
  • พ.ศ. 2545 เกษียณอายุราชการ และได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านบูรณปฏิสังขรณ์ และสถาปัตยกรรมไทย ของกรมศิลปากร

แหล่งที่มา

WikiPedia: อาวุธ_เงินชูกลิ่น http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetailsql.asp... http://www.thaiday.com/CelebOnline/ViewNews.aspx?N... http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/36448 http://manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?New... http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx... http://art.culture.go.th/index.php?case=artistDeta... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2540/B/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2541/B/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2542/B/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/B/...