ปืนไรเฟิล ของ อาวุธปืนในเพชรพระอุมา

ปืนไรเฟิล เป็นปืนที่ปรากฏในเพชรพระอุมาเป็นจำนวนมาก มีหลากหลายยี่ห้อและรุ่น ได้แก่ วินเชสเตอร์, ซีแซด, ซาโก้, เอฟเอ็นหรือบราวนิงโดยมีรายละเอียดของปืนแต่ละกระบอกและรุ่น ดังนี้

ไรเฟิล ซาโก้ .375

ปืนไรเฟิล ซาโก้ .375

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้ปืนไรเฟิล ซาโก้ .375 (Rifle Sago .375) มีพันตรีเชิดวุธ ไกรรณยุทธเป็นเจ้าของ สำหรับใช้เป็นปืนประจำมือในการออกติดตามค้นหาซากเครื่องบิน บี 52 และระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งเริ่มแรกนั้นเชิดวุธมีความตั้งใจจะนำปืนเอ็ม 16 (เอ-อาร์ 15) แบบพับฐานตามแบบปืนของอเมริกาที่นำมาแจกจ่ายสำหรับการเดินทาง แต่รพินทร์ ไพรวัลย์ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับปืนที่จะใช้ในการเดินทางภายในป่าและยิงสัตว์ ควรจะเปลี่ยนจากปืนเอ็ม 16 เป็นปืนไรเฟิล ซาโก้ .375 แทน และพันตรีเชิดวุธก็ใช้ไรเฟิล ซาโก้ .375 กระบอกนี้ตลอดการเดินทาง

ไรเฟิล วินเชสเตอร์ .375 โมเดล 70

ปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .375 โมเดล 70

ในเพชรพระอุมา ตอนไพรมหากาฬ พนมเทียนกำหนดให้ปืนไรเฟิลกระบอกนี้ ใช้สำหรับยิงสัตว์ขนาดใหญ่ในการเดินทางโดยเฉพาะ เช่นเสือ กระทิงและช้าง เนื่องจากเป็นปืนที่เกิดแรงปะทะจากวิถีกระสุนสูง รวมทั้งได้นำเอาความรู้ในการเลือกใช้อาวุธปืนสำหรับล่าสัตว์ขนาดใหญ่มาสอดแทรกไว้ โดยแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ปืนในการยิงสัตว์ใหญ่ สำหรับปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .375 โมเดล 70 ในเพชรพระอุมา ผู้ที่ใช้ปืนกระบอกนี้คือรพินทร์ ไพรวัลย์ โดยใช้ยิง "ไอ้กุด" เสือโคร่งกินคนที่บริเวณเขาโล้น[1] และใช้ช่วยชีวิตพันเอกลาร์รี่ คีธ จากการถูกช้างไล่กระทืบที่ซับบอน ต่อมาภายหลังรพินทร์ได้เปลี่ยนมาใช้ .458 วินเชสเตอร์ของเชษฐา แทน ปืนกระบอกนี้จึงถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของพรานบุญคำแทน ซึ่งได้กลายเป็นปืนคู่มือในการเดินป่าตลอดทั้งเพชรพระอุมาภาคแรคและภาคสมบูรณ์

ไรเฟิล เอฟเอ็น .375

ปืนไรเฟิล เอฟเอ็น .375

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้นำเอาความรู้และทักษะของการใช้ปืนไรเฟิล เอฟเอ็น .375 สอดแทรกไว้โดยกำหนดให้หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ เป็นเจ้าของปืนและมอบหมายให้แงซายเป็นผู้ถือ และกลายเป็นอาวุธปืนประจำตัวตั้งแต่เริ่มออกตามรอยไอ้แหว่ง ช้างใหญ่เกเร แต่ได้รับความเสียหายจนใช้การไม่ได้เนื่องจากถูกหินทับแหลกที่ภูเขานิลกาญจน์ สำหรับปืนไรเฟิล เอฟเอ็น .375 ใช้ในการยิงสัตว์ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ครั้งแรกดารินใช้ยิงกระทิงเมื่อคราวนั่งห้างคู่กับรพินทร์[2] ครั้งที่สองรพินทร์ใช้ยิงเสือใหญ่ที่ย่องมาด้านหลังแงซาย หลังจากออกเดินทางจากอาณาจักรนิทรานคร และครั้งที่สามแงซายใช้ยิงเสือเขี้ยวดาบเพื่อช่วยชีวิตส่างปา เมื่อเดินทางผ่านป่าหินและป่าโลกล้านปี

ไรเฟิล ซีแซด .375

ปืนไรเฟิล ซีแซด .375

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนกำหนดให้ผู้ที่เป็นเจ้าของปืนไรเฟิล ซีแซด รุ่น แซดเคเค 602 .375 แม็กนั่ม คือมาเรีย ฮอฟมัน หญิงสาวเลือดผสมภรรยาของด็อกเตอร์สเตเกล ฮอฟมัน ที่ถูกใช้งานมาอย่างโชกโชน จนกระทั่งร่องเกลียวภายในลำกล้องปืนเกิดการสึกหรอจนเกือบหมด เป็นปืนคู่มือที่มาเรียใช้จนคล่องมือจนสามารถใช้ยิงกระรอกที่กำลังเคลื่อนที่ได้ เมื่อตอนที่มาเรียถูกสางเขียวจับตัวไป ไชยยันต์เป็นผู้ใช้ปืนไรเฟิล ซีแซด .375 ออกติดตามช่วยเหลือในการชิงตัวกลับคืนมา และมาเรียใช้ยิงเทอราโนดอนที่บุกโจมตีที่ทะเลสาบมรณะ[3] รวมทั้งใช้ยิงระเบิดถล่มกองทัพของรหัสยะในเมืองมรกตนคร

ไรเฟิล .30 – 06

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้กำหนดให้ปืนไรเฟิล .30 – 06 ปรากฏขึ้นทั้งสองภาค คือภาคแรกและภาคสมบูรณ์ สำหรับเพชรพระอุมาภาคแรกเป็นปืนไรเฟิล ซีแซด .30 – 06 ผู้ที่เป็นเจ้าของคือรพินทร์ ไพรวัลย์ และปืนไรเฟิล มัลลิเคอร์ .30 – 06 ผู้ที่เป็นเจ้าของคือพันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ สำหรับปืนไรเฟิล ซีแซด .30 - 06 ของรพินทร์ พนมเทียนกำหนดให้เป็นปืนประจำมือที่ใช้ตลอดระยะเวลา ในการเดินทางนำคณะนายจ้างออกติดตามค้นหาหม่อมราชวงศ์อนุชา วราฤทธิ์ หรือพรานชด โดยใช้ยิงเสือดำที่หลุดรอดจากกรงดักสัตว์ภายในสถานีกักสัตว์บริษัทไทยไวล์ดไลฟ์ของนายอำพล และตลอดระยะการเดินทางจากหมู่บ้านหนองน้ำแห้งจนถึงหมู่บ้านหล่มช้าง และเมื่อเดินทางเข้าเขตนรกดำ ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือปืนไรเฟิล ซีแซด .30 - 06 จากรพินทร์เป็นพรานเส่ยแทน

ภายหลังจากผ่านหุบเขานิลกาญจน์ ปืนไรเฟิล ซีแซด .30 - 06 ก็ได้ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้ง โดยมีแงซายเป็นผู้ถือแทน และใช้ยิงเลียงผาภูเขาเพื่อนำมาเป็นยารักษาอาการเจ็บปวดด้วยโรครูมาตอยด์ของหม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ หรือแม้แต่ในการใช้ชีวิตประจำวัน รพินทร์ก็จะนำติดตัวไปด้วยเสมอ แต่ในเพชรพระอุมาภาคสมบูรณ์ พนมเทียนไม่ได้กำหนดให้ปืนไรเฟิล ซีแซด .30 - 06 ถูกนำไปใช้งานอีก นอกจากมีการกล่าวถึงปืนกระบอกนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับปืนไรเฟิล มัลลิเคอร์ .30 - 06 ที่มีเชษฐาเป็นเจ้าของและปรากฏในเพชรพระอุมาภาคแรก พนมเทียนกำหนดให้เป็นปืนประจำมือของเชษฐาโดยจะนำติดตัวสำหรับล่าสัตว์ และใช้ยิงวัวแดงเมื่อคราวนั่งห้างส่องสัตว์ในตอนกลางคืน

ไรเฟิล เวเธอร์บี .300 มาร์ค ไฟว์ แม็กนั่ม

ในเพชรพระอุมา ผู้ที่เป็นเจ้าของปืนไรเฟิล เวเธอร์บี .300 มาร์ค ไฟว์ แม็กนั่ม คือพันตรีไชยยันต์ อนันตรัย เป็นปืนไรเฟิลติดศูนย์กล้องที่มีกำลังขยายขนาด 4 เท่า โดยที่พนมเทียนได้กำหนดให้ไชยยันต์เป็นผู้ถือปืนไรเฟิลกระบอกนี้และใช้ยิงวัวแดงเพียงแค่ครั้งเดียว[4] ก่อนจะถูกเปลี่ยนมือมาเป็นหม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์แทน ถอดศูนย์กล้องเพราะกระแทกหินแตก น้ำเข้า ขณะลอดถ้ำในครั้งปะทะกับมันตรัย ดารินใช้ยิงไอ้แหว่งที่ป่าหวาย[5] และยิงตาซ้ายไทรันโนซอรัส เร็กซ์บอดที่ป่าหิน เดินทางผ่านเส้นทางต่าง ๆ จนถึงเทือกเขาพระศิวะ และในภาคสมบูรณ์ ปืนไรเฟิล เวเธอร์บี .300 มาร์ค ไฟว์ แม็กนั่ม ก็กลับมามีบทบาทอีกครั้งโดยดาริน ใช้เสี่ยงสัตย์อธิษฐานก่อนออกติดตามตัวรพินทร์ ไพรวัลย์และ .300 เวเธอร์บีกระบอกนี้ก็กลายเป็นปืนประจำมือของดารินไปตลอดการเดินทางในภาคสมบูรณ์

ไรเฟิล .600 ไนโตรเอ็กสเปรส

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้กำหนดให้พันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ เป็นเจ้าของปืนไรเฟิล .600 ไนโตรเอ็กสเปรส แต่ปืนไรเฟิลกระบอกนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานบ่อยครั้ง ซึ่งครั้งแรกเชษฐานำมาแสดงแก่รพินทร์ ไพรวัลย์ ก่อนออกเดินทางจากหมู่บ้านหนองน้ำแห้ง ใช้ยิงถล่มโขลงช้างของไอ้แหว่งที่พุบอน ก่อนจะถูกเปลี่ยนมือมาเป็นพันตรีไชยยันต์ อนันตรัยหลังจากออกติดตามไอ้แหว่ง และใช้ยิงกระซู่ที่หมู่บ้านหล่มช้างและเสือโคร่งที่หมู่บ้านห้วยแม่เลิงของกะเหรี่ยงโต๊ะถะ จนเดินทางถึงเทือกเขาพระศิวะ

ในภาคจบสมบูรณ์ ไชยยันต์ไม่ได้นำ .600 ไนโตรเอกสเปรส กลับมาใช้อีก เนื่องด้วยกระสุนได้ขาดตลาด และบริษัทผลิต ได้เลิกผลิตกระสุนขนาด .600 แมกนั่มไปเสียแล้ว ไชยยันต์จึงหันไปใช้ .458 วินเชสเตอร์ แอฟริกัน แมกนั่ม แทน

ไรเฟิล เวเธอร์บี .460 แม็กนั่ม

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้กำหนดให้ด็อกเตอร์สเตเกล ฮอฟมันเป็นเจ้าของปืนไรเฟิล เวเธอร์บี .460 แม็กนั่ม กระบอกนี้ แต่ภายหลังด็อกเตอร์ฮอฟมันเสียชีวิตด้วยฝีมือของสางเขียว ขณะนั้นมีกระสุนเหลืออยู่ 35 นัด เมื่อด็อกเตอร์ฮอฟมันเสียชีวิตแล้ว ปืนกระบอกนี้จึงถูกเปลี่ยนมือมาเป็นของแงซายอยู่ระยะหนึ่ง จนเกิดเรื่องเมื่อนำปืนไรเฟิล เวเธอร์บี .460 แม็กนั่ม ไปทดลองทางปืนกับต้นตะเคียนใหญ่และเกิดเหตุการณ์ประหลาดแก่คณะเดินทาง[6] ต่อมาเมื่อแงซายได้ถูกกองกอยพาตัวไป รพินทร์จึงเป็นคนถือเอาไรเฟิลกระบอกนี้ไว้เป็นกระบอกที่สอง และใช้ยิงตะขาบยักษ์ ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมือครั้งสุดท้ายโดยส่งต่อไปให้แก่เชษฐา เมื่อปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .458 โมเดล 70 ซึ่งเป็นปืนประจำมือถูกมันตรัยในร่างเสือโคร่งดำกลิ้งหินลงมาทับจนพังใช้การไม่ได้[7] ซึ่งเชษฐาใช้ไรเฟิล เวเธอร์บี .460 นี้ต่อมาตลอดการเดินทาง

ไรเฟิล วินเชสเตอร์ .458 โมเดล 70 แอฟริกัน แม็กนั่ม

ในเพชรพระอุมาภาคแรก พนมเทียนได้กำหนดให้ผู้ที่เป็นเจ้าของปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .458 โมเดล 70 แอฟริกัน แม็กนั่ม คือพันตรีไชยยันต์ อนันตรัย และ พันโทหม่อมราชวงศ์เชษฐา วราฤทธิ์ โดยที่เชษฐาใช้เป็นปืนประจำมือตลอดการเดินทางภายหลังจากออกติดตามล่าตัวไอ้แหว่ง และใช้ยิงลูกตาของงูใหญ่ที่หมู่บ้านหล่มช้างจนตาบอด[8] แต่สำหรับไชยยันต์นั้น ภายหลังจากที่สนใจปืนไรเฟิล .600 ไนโตรเอ็กสเปรสของเชษฐา และเลือกที่จะใช้เป็นปืนประจำมือในการเดินทาง จึงยกปืนไรเฟิล วินเชสเตอร์ .458 โมเดล 70 แอฟริกัน แม็กนั่ม ให้รพินทร์ ไพรวัลย์ใช้เป็นปืนประจำมือแทน

ไรเฟิล ริกบี้ .470 ไนโตรเอ็กสเปรส

ในเพชรพระอุมา พนมเทียนได้กำหนดให้หม่อมราชวงศ์ดาริน วราฤทธิ์ เป็นเจ้าของปืนไรเฟิล ริกบี้ .470 ไนโตรเอ็กสเปรส แต่เป็นเพียงแค่ชั่วระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเมื่อเกิดการปะทะกับโขลงช้างของไอ้แหว่ง แต่เนื่องจากปืนไรเฟิล ริกบี้ .470 ไนโตรเอ็กสเปรส มีความหนักและเกิดแรงปะทะสูง ทำให้ดารินเปลี่ยนไปใช้ปืนไรเฟิล เวเธอร์บี .300 มาร์ค ไฟว์ แม็กนั่ม ของพันตรีไชยยันต์ อนันตรัย เป็นปืนประจำมือแทน