ประเพณี ของ อาหม

ก่อนได้รับอิทธิพลจากพราหมณ์-ฮินดู ชาวอาหมนับถือผี พิธีกรรมมักปรากฏให้เห็นถึงการบูชาผี, ผีธรรมชาติ และผีบรรพบุรุษ เพราะชาวอาหมเชื่อว่าผีสามารถดลบรรดาลให้ชีวิตเป็นอย่างไรก็ได้ ในภาษาอาหมจะเรียกการบูชาผีว่า เมด้ำเมผี, แขกผี, นอกผี, ไหว้ผีไหว้สาง เป็นต้น โดยในอาหมบุราณจีได้ปรากฏเรื่องเกี่ยวกับผี ในรัชสมัยของเสือเปิงเมืองฟ้า (ครองราชย์ 1663-1669) ที่เสียเมืองเจ้หุงแก่จักรวรรดิโมกุล ว่าเป็นเพราะ "ผีสางให้เป็นดังนี้กอย"[18] โดยการบูชาผีจะมีในทุกพิธีที่สำคัญของชาวอาหมอย่างพิธีราชาภิเษก (เฮ็ดเจ้า หรือ เฮ็ดขุนนั่งเมือง), พิธีแต่งงาน (ปลงสาวปลงชู้), ปีที่ดาวให้โทษต่อเมือง (หลักนีค่ำเมือง) หรือเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย (ล้มไข้ หรือ หลอนหนาว)[19] โดยในพิธีเรียกขวัญเจ้าฟ้าวันราชาภิเษกทั้งหมดจะเป็นการเรียกผีเฉพาะผีชั้นฟ้าให้ช่วยในการปกครองบ้านเมืองของเจ้าฟ้า เจ้าฟ้าจะอ้างตนเป็นหลานของผีชั้นฟ้า[19]

สิ่งของที่ใช้ในการบูชาผี ได้แก่ ข้าว ผัก ดอกไม้ อ้อย หมากพลู ไข่ ไก่ เป็ด หมู และควาย เป็นต้น สำหรับสิ่งมีชีวิตมีการฆ่าภายในพิธีนั้นเลยในบางครั้ง[20][21] อย่างเช่นในพิธีราชาภิเษกจะมีการฆ่าควาย[22][23] ส่วนการฆ่าคนสังเวยผีปรากฏในอาหมบุราณจีเพียงครั้งเดียวในรัชสมัยของเสือปาดฟ้า (ครองราชย์ ค.ศ. 1681-1696) กล่าวว่า "สองขานี้ให้ผีหลวง" และอีกตอนหนึ่งว่า "ชื่อมันเลบา ผู้ 1 หัวปาก (หัวร้อย หรือ นายร้อย)... ผู้ 1 พ้อยเสาแก่โล ผู้ 1 นี้สามตัวว่าจำให้ที่ผีใส่เหล็กขื่อแขวนไว้"[24][25] ขณะที่กรุงศรีอยุธยาเองก็มีการสังเวยคนเช่นกัน ด้วยการใส่หลุมก่อนลงเสาสร้างเมือง[26][27]

กลุ่มสุสานในเมืองเจ้รายดอย

การฝังคนตายเป็นประเพณีของชาวอาหม ในอาหมบุราณจีมีการกล่าวถึงการฝังศพ เนื่องจากในรัชสมัยของเสือใหญ่ฟ้าคำเมือง (ครองราชย์ ค.ศ. 1769-1780) ได้เกิดปัญหาเกี่ยวกับพิธีปลงพระศพ ว่าจะฝังหรือเผาพระศพกษัตริ์องค์ก่อน เนื่องจากอิทธิพลของศาสนาฮินดูแพร่เข้ามา ทำให้เกิดเป็นประเพณีใหม่ขึ้น จากคริสต์ศตวรรษที่ 18 หมอหลวงของลัทธิฟ้าหลวงของอาหม 2 คน จึง "นั่งต่างผีเล่ากอย แย้มเมื่อแก่นไข่ฟ้า ลงมาชั่วปู่ชั่วพ่อ ปู่เหลนปู่เถ้า ร่างตายฝังไว้"[28] โดยชิฮาบุดดีน ทาลิส (Shihabuddin Talish) ได้ระบุว่า ศพของเจ้าฟ้าและคนธรรมดา จะถูกฝังและใส่สิ่งของโดยเอาหัวหันไปทางทิศตะวันออก แต่สำหรับเจ้าฟ้าจะมีการฝังภรรยาและคนใช้ไปด้วย พร้อมกับตะเกียงและน้ำมันปริมาณมากและคนถือตะเกียง และเขายังอ้างต่อไปว่า พวกโมกุลที่ขุดที่ฝังพระศพกษัตริย์อาหม 10 แห่ง ค้นพบสมบัติมากมาย[29] โดยชาวอาหมจะเรียกสถานที่ฝังศพว่า ป่าเห้ว[28][30] หรือ สวนผี ปัจจุบันพวกที่สืบเชื้อสายมาจากชั้นพระและตระกูลบางตระกูลยังคงมีการฝังคนตายอยู่[31][32]