งานสร้าง ของ อินทรีแดง_(ภาพยนตร์)

ที่มา

วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ในตอนนั้นกำลังทำเรื่อง ฟ้าทะลายโจร อยู่ถูกต้นสังกัด สั่งให้พักโครงการกะทันหัน ทั้งที่เตรียมงานสร้างบางส่วนไว้แล้ว จึงได้เกิดความคิด อินทรีแดง ขึ้นมา เพราะฉากหลังยุคเดียวกันและคิดว่าจะนำฉากที่สร้างไว้แล้วมาปรับ จึงชวน นนทรีย์ นิมิบุตร และษรัณยู จิระลักษม์ (ผู้กำกับ 9 วัด) ไปทำสเก็ตดีไซน์ อ่านบทแล้วถกกัน จนเสร็จภายในคืนเดียว แต่โครงการก็มีปัญหาในการสื่อสารกับนายทุน ไม่มีนายทุนสนใจอยากจะทำ เพราะนายทุนนึกภาพไม่ออกว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ไม่แน่ใจกับหนังย้อนยุค แต่สุดท้ายวิศิษฐ์ก็กลับมาเปิดกล้อง ฟ้าทะลายโจร ต่อได้ โครงการ อินทรีแดง จึงถูกพับไว้ ก่อนจะมีข่าวว่าผู้กำกับชาวฮ่องกง แดเนียล ลี สนใจที่จะทำบ้าง

เมื่อสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ แห่งสหมงคลฟิล์ม เข้ามาสมทบ โครงการอินทรีแดงฉบับลูกผสมไทย-ฮ่องกง ของแดเนียล ลีและนนทรีย์ จึงเดินหน้าถึงขั้นไปติดต่อซื้อลิขสิทธิ์ต้นฉบับจากเศก ดุสิต โดยวางตัว ณัฐวุฒิ สกิดใจ มารับบทเป็นโรม ฤทธิไกร โดยวางแผนจะถ่ายทำในไทยและฮ่องกง ให้กลายมาเป็นเมืองสมมติไม่ระบุสถานที่และเวลา ก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องงบประมาณ โครงการจึงล่มไป แต่หลังจากนั้นสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ที่อยากจะให้ณัฐวุฒิรับบทอินทรีแดงต่อ จึงหาผู้กำกับคนใหม่และทีมงานใหม่ จึงได้ทาบทาม ธนิตย์ จิตนุกูล แต่ธนิตย์ก็ปฏิเสธไปทันที จากนั้นจึงไปหาบัณฑิต ฤทธิ์ถกล ซึ่งเขาก็ใช้เวลาตีโจทย์เขียนบทอยู่นานร่วมปี ก่อนจะถอนตัวไป ก่อนบทจะถูกส่งต่อไปให้ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ที่เขียนบทหนังสำเร็จ แต่ติดปัญหาเรื่องทุนสร้าง (ธนิตย์เล่าว่า ศรัณยูเสนอทุนสร้าง 80 ล้านบาท) ทันทีที่การสร้างภาพยนตร์หลุดจากสหมงคลฟิล์ม

เมื่อลิขสิทธิ์ของบทประพันธ์หมดอายุไป วิศิษฏ์จึงให้ไฟว์สตาร์ติดต่อกับคุณเศก โดยวิศิษฐ์เล่าว่าในช่วงที่เว้นว่างไป เขาเคยมีโครงการจะทำอินทรีแดงฉบับหนังสือการ์ตูน ทำให้เขาเริ่มมองอินทรีแดงในมุมใหม่ อีกทั้งเห็นว่าคนไทยไม่รับกับสไตล์ย้อนยุคแบบ ฟ้าทะลายโจร ที่เขาทำ จึงคิดอยากทำแบบการ์ตูนมาร์เวล ให้ทันสมัยไปเลย

การนำมาสร้างใหม่ครั้งนี้ มีตัวละครหลักเหมือนเดิมคือ ปีศาจดำ วาสนา หมวดชาติ แต่บุคลิกเปลี่ยนไป และเนื้อหาเขียนขึ้นใหม่หมด ไม่ใช่ภาคต่อและไม่ได้นำภาคก่อนมาทำใหม่[3]

การคัดเลือกนักแสดง

การคัดเลือกนักแสดงนั้น อนันดา ไม่ได้อยู่ในชื่อแรกของวิศิษฏ์ เพราะรู้สึกว่าเป็นฮีโร่ไม่ได้ทำให้นึกถึงไมเคิล คีตันที่ดูก๋องแก๋ง แต่เมื่อได้ดูภาพยนตร์เรื่อง บางกอกไทม์ ที่อนันดาเล่นเป็นผู้ชายขายตัว ถอดเสื้อ เห็นหุ่นล่ำ บึ้ก ทำให้นึกภาพเขาตอนใส่หน้ากากได้ อนันดาได้ไปเรียนการต่อสู้การถืออาวุธ ให้คล่องแคล่ว ที่ หน่วยอรินทราช โดยใช้หน่วยบัญชาการ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เป็นสถานที่ฝึกซ้อมตลอด ในส่วนฉากแอ็กชัน ได้ทีม Baanrig ดีไซน์ฉากต่อสู้ และคิวบู๊[4]

สำหรับญารินดา เลือกเพราะ ต้องการนางเอกที่มีความตื่นตัวทางการเมือง อยากได้คนที่มีความรู้มีความมั่นใจในตัวเอง มีอุดมการณ์ ซึ่งญารินดามีตรงกับลักษณะของตัวละคร[5]

การออกแบบ

ในการออกแบบชุดแต่งกาย วิศิษฏ์สรุปว่าอินทรีแดงของมิตร ดุดันและคล่องตัว ไม่พกอะไรรุงรัง เขาจึงออกแบบชุดนี้ให้เน้นการคล่องตัว โดยชุดของมิตรเป็นผ้าสักหลาดธรรมดา แต่ชุดใหม่ปรับเป็นชุดหนังมีซิปรูดลงมาได้มากกว่าเดิม อิงการออกแบบจากสิงห์มอเตอร์ไซค์ แล้วก็คาดเข็มขัดสนามเอาไว้เก็บแม็กกาซีนปืน ส่วนหน้ากากตั้งใจให้รู้สึกเป็นแบบเดิม แต่วัสดุเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ในสมัยก่อนทำจากผ้ากำมะหยี่ตัดธรรมดา ไม่มีร่อง ไม่มีพื้นผิวสัมผัส ก็คงเอาไว้แต่ทำรายละเอียดให้ดีขึ้น ตัววัสดุทำจากโฟมลาเท็กซ์ เซาะร่องให้มีลายของปีก อาวุธจะเพิ่มดาบเข้าไป จะเน้นให้สู้ด้วยดาบมากกว่าปืน เพราะได้ความรู้สึกของความเป็นเอเชีย ปืนเป็นแบบสั่งทำพิเศษ ยิงเลเซอร์เป็นรูปนกอินทรี ติดเครื่องยิงลูกระเบิดไว้ด้านล่าง ส่วนยานพาหนะใช้มอเตอร์ไซค์ โดยได้เลือกรุ่นบี-คิง สีดำของซูซูกิ

หน้ากาก ชุดเกราะชั้นในและถุงมือ ไม่ได้ทำจากผ้า แต่ทำจากยางและโฟม ฝีมือของวิทยา หรือรู้จักในนาม คิวเอฟเฟกต์ โดยวิทยาเล่าว่าเป็นเสื้อเกราะลายมัดกล้าม ที่เหมือนเอาเหล็กมาทอ มีผิวสัมผัสของเหล็กที่สาน ๆ กัน แต่วัสดุทำจากโฟม ยาง โดยหล่อแบบขึ้นมาจากตัวอนันดา เช่นเดียวกับถุงมือที่หล่อขึ้นมาเกือบ 50 คู่ เพราะฉีกขาดง่าย ส่วนหน้ากากทำจากโฟมลาเท็กซ์ โดยหล่อหน้าอนันดาขึ้นมาด้วยปูนปลาสเตอร์ ก่อนจะปั้นลายหน้ากากขึ้นมาให้พอดีและสวยงาม วิธีการสวมหน้ากากต้องติดลงไปบนหน้าด้วยกาว ซึ่งหน้ากากใช้ได้ 2 ครั้งก็ต้องทิ้ง จึงต้องทำไป 20-25 อัน

เทคนิคพิเศษด้านภาพ

บริษัทกันตนา แอนนิเมชั่น นำโดยธวัชชัย ศิริวราวาท รับผิดชอบด้านโพสต์โพรดักชันทั้งหมดโดยเฉพาะงานเทคนิคพิเศษด้านภาพ มีการใช้ราว 1,400 ช็อต นับว่าเป็นภาพยนตร์ไทยที่มีการใช้เทคนิคพิเศษมากที่สุด อย่างในฉากที่ต่อสู้ในลิฟต์ของอินทรีแดงกับปีศาจดำ ก็ประมาณ 200-300 คัต ส่วนฉากใหญ่อีกฉากคือ ตอนอินทรีแดงกับปีศาจดำวิ่งไล่ล่ากันบนยอดตึกระฟ้า ที่นอกจากถ่ายทำจากที่จริง ยังผสมการถ่ายกรีนสกรีนในสตูดิโอ ยังใช้เทคนิคโมแคป (Motion Capture) อย่างที่เห็นในภาพยนตร์ อวตาร มาใช้ในหนังไทยเป็นครั้งแรก

นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิค Double CG การสร้างโมเดลตัวอนันดา ที่แกะแบบออกมาจากทุกด้านทั้ง ความสูง สัดส่วน รูปร่าง เพื่อให้พอดีกับอนันดาตัวจริง เป็นการใช้ในส่วนที่มีความเสี่ยง เพื่อลดความเสี่ยงในตัวนักแสดง ในฉากอันตราย หรือฉากที่ในความเป็นจริง ไม่สามารถทำขึ้นมาได้

เพลงประกอบ

เพลงประกอบภาพยนตร์คือเพลง "ศัตรูที่รัก" ขับร้องโดย บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ เขียนเนื้อร้องโดย ตรัย ภูมิรัตน ทำนองและเรียบเรียงโดย ณฐพล ศรีจอมขวัญ ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความรักของหญิงสาว กับวีรบุรุษภายใต้หน้ากาก[6]และอีกเพลงคือเพลง "ในคืนนี้" ขับร้องโดย เพชร โอสถานุเคราะห์ ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความรักของหญิงสาว กับวีรบุรุษภายใต้หน้ากาก ที่นำพาเขาผ่านพ้นความมืดมิดไปได้

แหล่งที่มา

WikiPedia: อินทรีแดง_(ภาพยนตร์) http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.fivestarent.com/movies/movie.php?movie=... http://www.inseedangthemovie.com/ http://nhammm.com/2010/09/ananda-in-inseedang-2010... http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstoc... http://www.siamdara.com/ColumnDetail.asp?cid=10230 http://www.youtube.com/watch?v=CxLyo_PmdeY&feature...