อินติฟาเฎาะฮ์ครั้งที่สอง ของ ฮะมาส

ในปี พ.ศ. 2533 ฮะมาสได้สร้างความน่านับถือ โดยสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ในฉนวนกาซาได้เป็นผลสำเร็จ ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรกับฮะมาสมาก่อน เช่น กลุ่มคริสเตียนปาเลสไตน์ ฮะมาสเริ่มปฏิบัติการระเบิดพลีชีพกับอิสราเอลในปี พ.ศ. 2537 ในปีพ.ศ. 2543 การเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ล้มเหลวลงอีกครั้งหนี่ง ฮะมาสได้เข้าร่วมกับกลุ่มการเมือง และกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ ของปาเลสไตน์ ทำการลุกฮือขึ้นต่อต้านอิสราเอลเป็นครั้งที่สอง โดยมีการรณรงค์ต่อต้านจากพลเรือนปาเลสไตน์ในเขตยึดครอง และการเพิ่มขึ้นของปฏิบัติการระเบิดพลีชีพในอิสราเอล เพื่อแสดงการต่อต้านการที่อิสราเอลโจมตีเวสต์แบงก์ และฉนวนกาซา กลุ่มฮะมาสต่อต้านการประชุมสันติภาพที่กรุงออสโล ในปีพ.ศ. 2536 และได้คว่ำบาตรการเลือกตั้งในปาเลสไตน์ เพราะเห็นว่าเป็นผลมาจากการประชุมสันติภาพครั้งนั้น

ฮะมาสยังตัดสินใจส่งสมาชิก เข้าร่วมในการเลือกตั้งเข้าสู่รัฐสภาปาเลสไตน์ในปี พ.ศ. 2549 และได้รับการสนับสนุนจากชาวปาเลสไตน์ โดยสามารถเอาชนะกลุ่มฟะตะห์ ด้วยคำมั่นที่จะต่อต้านการคอรัปชั่น และการยึดครองของอิสราเอล ซึ่งทำให้ฮานิยาได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนั้น ฮามาสได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่กลุ่มฟาตะห์ที่เป็นกลุ่มอำนาจเก่าไม่ต้องการเสียอำนาจจึงเกิดการปะทะกัน สหรัฐและอิสราเอลต้องการให้ฟาตะห์มีอำนาจต่อไป จึงให้เงินสนับสนุนกลุ่มฟาตะห์ ขบวนการฮามาสได้เสนอให้จัดตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ [4]