ชีวิตและอาชีพการงาน ของ เคที_เพร์รี

1984–98: ชีวิตช่วงแรก

แคเทอรีน เอลิซาเบธ ฮัดสัน เกิดในแซนตาบาร์บารา รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นบุตรของศิษยาภิบาลลัทธิเพนเทคอสต์ชื่อแมรี คริสตีน (ชื่อเกิดคือ เพร์รี) และเมารีซ คีธ ฮัดสัน[1][2] พ่อแม่ของเธอล้วนแต่เป็นคริสต์ศาสนิกชนเกิดใหม่ (born again Christians) แต่ละคนได้หันไปนับถือศาสนาหลังจากเคยมี "วัยหนุ่มสาวเป็นคนเถื่อน" (wild youth)[3] เพร์รีมีบรรพบุรุษเป็นชาวอังกฤษ เยอรมัน ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส[4] เธอเป็นหลานฝั่งแม่ของผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชื่อ แฟรงก์ เพร์รี (1930–1995)[5] เธอยังมีน้องชายที่เป็นนักร้องเช่นกันชื่อ เดวิด ฮัดสัน (เกิด ค.ศ. 1988) เป็นนักร้อง[6] และพี่สาวชื่อแองเจลา (เกิด ค.ศ. 1982)[7] อายุ 3-11 ขวบ ครอบครัวของเพร์รีย้ายที่อยู่บ่อยครั้งเพื่อสร้างโบสถ์คริสต์ทั่วประเทศ ก่อนที่จะย้ายกลับมาที่แซนตาบาร์บาราอีกครั้ง เมื่อเติบโตขึ้น ในช่วงชั้นประถมศึกษา[2][8] เธอเข้าโรงเรียนและค่ายสอนศาสนา รวมถึงโรงเรียนคริสต์พาราไดส์แวลลี ในรัฐแอริโซนา และโรงเรียนคริสต์แซนตาบาร์บารา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ครอบครัวของเธอขัดสนเงิน[9] บางครั้งต้องใช้แสตมป์อาหาร และกินอาหารจากจากธนาคารอาหารที่มีไว้สำหรับกลุ่มคนในโบสถ์ของพ่อแม่ของเธอ[10]

เมื่อเติบโตขึ้น เพร์รีและพี่น้องไม่ได้รับอนุญาตให้กินซีเรียลลักกีชาร์ม เพราะคำว่า "luck" ทำให้นึกถึงแม่ของลูซิเฟอร์ และต้องเรียกไข่ปีศาจ (deviled egg) ว่า "ไข่นางฟ้า" (angel egg)[11] เพร์รีฟังเพลงกอสเปลเป็นหลัก[12] เนื่องจากครอบครัวของเธอต่อต้านเพลงที่เกี่ยวกับทางโลก เธอรู้จักกับเพลงที่เป็นที่นิยมผ่านซีดีที่เธอแอบหยิบมาจากเพื่อนของเธอ[13] แม้ว่าเพร์รีจะดูไม่เคร่งศาสนา แต่เพร์รีก็เคยกล่าวว่า "ฉันสวดมนต์อยู่ตลอดเวลา เพื่อควบคุมตนเอง เพื่อความอ่อนน้อมถ่อมตน"[14] เพร์รีเริ่มร้องเพลงตามอย่างพี่สาว โดยฝึกจากเทปคาสเซตของพี่สาว เธอร้องเพลงหลายเพลงต่อหน้าพ่อแม่ ซึ่งต่อมาแนะนำให้เธอเรียนร้องเพลง เธอเริ่มฝึกร้องเพลงเมื่ออายุ 9 ขวบ[15] และได้ร่วมร้องเพลงในโบสถ์ของพ่อแม่เธอด้วย[3] เธอร้องในโบสถ์ตั้งแต่อายุ 9-17 ปี[16] เมื่ออายุ 13 ปี เพร์รีได้กีตาร์ตัวแรกเป็นของขวัญวันเกิด[3][17] และร้องเพลงที่เธอแต่งต่อหน้าสาธารณชน[9] เธอพยายาม "เป็นเด็กหญิงชาวแคลิฟอร์เนียธรรมดา" ขณะกำลังเติบโต และเริ่มเล่นโรลเลอร์สเกต สเกตบอร์ด และโต้คลื่น เดวิดมองว่าในช่วงวัยรุ่น เธอเป็นทอมบอยคนหนึ่ง[18] เธอเคยเรียนเต้นรำ และสามารถเต้นท่าสวิง ลินดีฮอป และจิตเตอร์บัก (jitterbug)[19]

1999–2006: เริ่มอาชีพงานดนตรี

ระหว่างการเรียนไฮสกูลปีแรก[20] เพร์รีผ่านการสอบการพัฒนาการศึกษาทั่วไป (General Educational Development) หรือ GED ขณะอายุ 15 ปี และออกจากโรงเรียนโดสพวยโบลสไฮสกูล (Dos Pueblos High School) เพื่อทำงานดนตรี เพร์รีได้ศึกษาวิชาอุปรากรอิตาลี (Italian opera) เป็นเวลาสั้น ๆ ที่สถาบันดนตรีตะวันตก (Music Academy of the West) ในแซนตาบาร์บารา[21] การร้องเพลงของเธอเป็นที่สนใจต่อสตีฟ โทมัส และเจนนิเฟอร์ แนปป์ จากแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี เขาสองคนพาเธอไปฝึกฝนการแต่งเพลง[22][23] ที่แนชวิลล์ เธอบันทึกเสียงเดโมและเรียนรู้การแต่งเพลงและเล่นกีตาร์[12] หลังจากเซ็นสัญญากับสังกัดเรดฮิลล์เรเคิดส์ เพร์รีบันทึกเสียงอัลบั้มแรก เป็นอัลบั้มเพลงแนวกอสเปลชื่อว่าเคที ฮัดสัน อัลบั้มออกจำหน่ายวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2001 และเธอร่วมทัวร์คอนเสิร์ต เดอะสเตรนจ์ลีนอร์มัลทัวร์ (The Strangely Normal Tour) ของฟิล โจล[24][25] ขณะกำลังแสดงงานของตนเองในสหรัฐด้วยเช่นกัน[26] อัลบั้มเคที ฮัดสัน ได้รับคำวิจารณ์ในด้านบวก แต่ไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย โดยขายได้ประมาณ 200 ชุด ก่อนที่ค่ายเพลงจะปิดตัวลงในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2001[27][28]

หลังจากเปลี่ยนแนวเพลงจากกอสเปล เป็นเพลงทางโลก เพร์รีเริ่มแต่งเพลงกับโปรดิวเซอร์ เกล็น แบลลาร์ด[29] และย้ายไปที่ลอสแอนเจลิสเมื่ออายุ 17 ปี ใน ค.ศ. 2003[30] เธอแสดงดนตรีในชื่อแคเธอรีน เพร์รี ชั่วคราวเพื่อไม่ให้สับสนกับนักแสดง เคต ฮัดสัน ต่อมาเธอหันไปใช้สเตจเนมว่า เคที เพร์รี โดยใช้นามสกุลเก่าของแม่เธอ[31]

ใน ค.ศ. 2004 เพร์รีเซ็นสัญญากับสังกัดของแบลลาร์ด สังกัดจาวา ซึ่งเป็นสังกัดในเครือดิไอส์แลนด์เดฟแจมมิวสิกกรุ๊ป เธอเริ่มทำอัลบั้มเดี่ยว แต่อัลบั้มถูกพับไปหลังจากสังกัดจาวาปิดตัว[32] จากนั้นแบลลาร์ดแนะนำเพร์รีให้รู้จักกับทิม เดวีน ผู้บริหารฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปินของสังกัดโคลัมเบียเรเคิดส์ และเธอได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินเดี่ยว ผ่านไปสองปี เพร์รีเขียนและบันทึกเสียงสำหรับอัลบั้มแรกในสังกัดโคลัมเบีย และร่วมงานกับนักแต่งเพลงมากมาย เช่น เดสมอนด์ ไชลด์, เกร็ก เวลส์, บุตช์ วอล์กเกอร์, สกอตต์ คัตเลอร์/แอนน์ เพรวิน, ทีมเดอะแมทริกซ์, แครา ดิโอกวาร์ดี, แมกซ์ มาร์ติน และดร.ลู้ก[33][34] นอกจากนี้ หลังจากเดวีนแนะว่าพวกเขาได้เป็น "กลุ่มของจริง" (real group) แล้ว เธอได้บันทึกเสียงกับเดอะแมทริกซ์[35] เพร์รีถูกถอดออกจากโคลัมเบียใน ค.ศ. 2006 ขณะที่ผลงานใกล้จะสมบูรณ์แล้ว หลังจากนั้น เพร์รีทำงานเป็นฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปินในบริษัทอิสระชื่อ แท็กซีมิวสิก[36]

เพร์รีประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยก่อนจะมีชื่อเสียง หนึ่งในเพลงที่เธอบันทึกเสียงกับแบลลาร์ดในอัลบั้มคือเพลง "ซิมเพิล" ได้กลายเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ปี ค.ศ. 2005 เรื่อง มนต์รักกางเกงยีนส์ (The Sisterhood of the Traveling Pants)[37] เธอยังร้องเบื้องหลังให้กับเพลง "โอลด์แฮบิตส์ดายฮาร์ด" ของมิก แจ็กเกอร์[38] รวมอยู่ในอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์อัลฟี่ กิ๊ก ๆ กั๊ก ๆ ไม่รักสักที (Alfie) ออกฉายปี ค.ศ. 2004[39] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2004 นิตยสารเบลนเดอร์ขนานนามเพร์รีว่าเป็น "บุคคลยิ่งใหญ่คนถัดไป" (The Next Big Thing)[37] เธอยังร้องเบื้องหลังให้กับเพลง "กูดบายฟอร์นาว" ของพี.โอ.ดี. และแสดงในมิวสิกวิดีโอใน ค.ศ. 2006 ในปีนั้น เพร์รียังแสดงในมิวสิกวิดีโอเพลง "เลิร์นทูฟลาย" ของคาร์บอน ลีฟ รับบทเป็นคนรักกับนักร้องนำวงจิม คลาส ฮีโรส์ ชื่อ เทรวี แม็กคอย คนรักหนุ่มของเธอในขณะนั้น ในมิวสิกวิดีโอเพลง "คิวปิดส์โช้กโฮลด์" ด้วย[40]

2007–09: ประสบความสำเร็จจากอัลบั้ม วันออฟเดอะบอยส์

เพร์รีเป็นส่วนหนึ่งในทัวร์คอนเสิร์ต 2008 วาปต์ทัวร์

หลังจากสังกัดโคลัมเบียถอดเธอออก แองเจลิกา ค็อบ-แบเลอร์ ผู้บริหารสังกัดในขณะนั้น นำเดโมของเพร์รีมาเสนอเจสัน ฟลอม ประธานสังกัดเวอร์จินเรเคิดส์ ฟลอมเชื่อว่าเธอจะเป็นดาราที่ประสบความสำเร็จ และเธอเซ็นสัญญากับแคปิตอลเรเคิดส์ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2007 สังกัดนัดพบเธอเพื่อให้ร่วมงานกับดร.ลู้กเพื่อเพิ่ม "แนวคิดดีเยี่ยมอย่างไม่อาจปฏิเสธได้" (undeniable smash) ลงไปในงานเพลงที่มีอยู่[41][42] เพร์รีและดร.ลู้กร่วมเขียนเพลง "ไอคิสด์อะเกิร์ล" และ "ฮอตเอ็นโคลด์" ใส่สตูดิโออัลบั้มที่สองชื่อ วันออฟเดอะบอยส์ โครงการรณรงค์โครงการหนึ่งเริ่มขึ้นด้วยวิดีโอเพลง "ยัวร์โซเกย์" ที่ออกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2007 มีเป้าหมายคือทำให้เธอเป็นที่รู้จักในตลาดดนตรี[43] ภายหลัง อีพีดิจิตอลชุดหนึ่งนำโดยเพลง "ยัวร์โซเกย์" ออกจำหน่ายเพื่อดึงดูดความสนใจ[3][44] มาดอนนาช่วยส่งเสริมเพลงโดยกล่าวชื่นชมเธอในรายการวิทยุ จอห์นเจย์แอนด์ริช ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2008[45] กล่าวว่ามันเป็น "เพลงโปรดของเธอ"[46] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2008 เพร์รีปรากฏช่วงสั้น ๆ เป็นนักร้องในคลับในซีรีส์ ไวลด์ไฟร์ ตอน "Life's Too Short"[47] และยังปรากฏในเรื่อง เดอะยังแอนด์เดอะเรสต์เลส ระหว่างถ่ายรูปนิตยสารเรสต์เลสสไตล์ ในเดือนมิถุนายน[48]

เพร์รีออกซิงเกิลแรกกับสังกัดแคปิตอล "ไอคิสด์อะเกิร์ล" เมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2008[49] เป็นซิงเกิลนำจากอัลบั้ม วันออฟเดอะบอยส์ สถานีแรกที่เปิดเพลงนี้คือ WRVW ในแนชวิลล์ ที่หลังจากเล่นเพลงนี้เพียง 3 วัน ก็มีโทรศัพท์เข้ามาขอเพลงเป็นจำนวนมาก[44] เพลงขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100[50] อัลบั้ม วันออฟเดอะบอยส์ ออกจำหน่ายวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2008 ได้รับคำวิจารณ์แบบคละกัน[51] และขึ้นถึงอันดับที่ 9 บนชาร์ตบิลบอร์ด 200[52][53] อัลบั้มขายได้ถึง 7 ล้านชุดทั่วโลก[54] เพลง "ฮอตเอ็นโคลด์" ออกมาในเดือนกันยายน[55] กลายเป็นเพลงที่สองที่ประสบความสำเร็จ ขึ้นอันดับ 3 บนบิลบอร์ดฮอต 100[56] และขึ้นอันดับ 1 ในเยอรมนี[57] แคนาดา[58] เนเธอร์แลนด์[59] และออสเตรีย[60] หลังจากนั้นมีซิงเกิลเพลง "ธิงกิงออฟยู" และ "เวกกิงอัปอินเวกัส" ออกมาใน ค.ศ. 2009[61][62] และขึ้น 30 อันดับแรกบนชาร์ตฮอต 100[56] อัลบั้มของเดอะแมทริกซ์ที่เพร์รีอัดเสียงด้วยเมื่อ ค.ศ. 2004 ได้ออกจำหน่ายหลังจากเพร์รีประสบความสำเร็จ เธอขอให้ชะลอการออกจำหน่ายไว้จนกว่าจะออกซิงเกิลที่สี่จากอัลบั้มวันออฟเดอะบอยส์ แต่อัลบั้ม เดอะแมทริกซ์ ออกจำหน่ายทางไอทูนส์ในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2009 ก่อนซิงเกิลที่สี่ "เวกกิงอัปอินเวกัส"[63][39]

หลังจากจบทัวร์คอนเสิร์ต วาปต์ทัวร์ 2008 (Warped Tour 2008)[64] เพร์รีเป็นพิธีกรในงานประกาศรางวัลเอ็มทีวียุโรปมิวสิกอะวอดส์ 2008 ซึ่งเธอได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best New Act)[65] ในงานประกาศรางวัลบริตอะวอดส์ 2009 เธอได้รับรางวัลศิลปินเดี่ยวหญิงสากล[66] เพร์รีเริ่มทัวร์คอนเสิร์ตของตนเองในชื่อ เฮลโลเคทีทัวร์ (Hello Katy Tour) ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงพฤศจิกายน ค.ศ. 2009 เพื่อส่งเสริมอัลบั้มวันออฟเดอะบอยส์[67] ในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 2009 เธอแสดงเป็นศิลปินเปิดให้กับทัวร์คอนเสิร์ตซัมเมอร์ทัวร์ 2009 ของวงดนตรีโนเดาต์[68] เพร์รียังเป็นพิธีกรในงานประกาศรางวัลเอ็มทีวียุโรปมิวสิกอะวอดส์ 2009 ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2009 กลายเป็นคนแรกที่เป็นพิธีกรงานประกาศรางวัลสองครั้งติดต่อกัน[69] ในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 เพร์รีบันทึกอัลบั้มแสดงสด เอ็มทีวีอันพลักด์ ที่นำเพลงจากอัลบั้มวันออฟเดอะบอยส์ 5 เพลงแรกมาทำเป็นฉบับอะคูสติก และมีเพลงใหม่ 2 เพลง[70] อัลบั้มออกจำหน่ายวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009[71] เพร์รียังปรากฏในซิงเกิลของศิลปินอื่น 2 ซิงเกิล ในเวอร์ชันทำใหม่ของเพลง "สตาร์สตรักก์" ของวงดนตรีจากโคโลราโดชื่อ ทรีโอ!ทรี เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2009[72] และผลงานคู่กับทิมบาแลนด์ในเพลง "อิฟวีเอเวอร์มีตอะเกน" จากอัลบั้ม ช็อกแวลยู II เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2010[73][74] บันทึกสถิติโลกกินเนสส์บันทึกให้เธอเป็น "ศิลปินหญิงที่เริ่มต้นได้ดีที่สุดบนชาร์ตดิจิตอลของสหรัฐ" (Best Start on the U.S. Digital Chart by a Female Artist) หลังจากที่เธอทำยอดขายดิจิตอลซิงเกิลได้มากกว่า 2 ล้านชุด[75]

เพลง "ไอคิสด์อะเกิร์ล" ทำให้เกิดประเด็นในกลุ่มเคร่งศาสนาและกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มเคร่งศาสนาตำหนิเนื้อหาเชิงรักร่วมเพศ ขณะที่กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศกล่าวหาว่าเธอขายความฝักใฝ่ในสองเพศผ่านบทเพลง จากที่เธอเข้าใจว่าพ่อแม่ของเธอไม่สนับสนุนงานเพลงและอาชีพของเธอ เพร์รีกล่าวกับเอ็มทีวีในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 ว่า พ่อแม่ของเธอไม่มีปัญหาเรื่องความสำเร็จของเธอ[76] หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม็กคอยจบลงในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2008[77] เพร์รีพบกับคนที่ต่อมาเป็นสามีของเธอ รัสเซลล์ แบรนด์ ในฤดูร้อน ค.ศ. 2009 ขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง จับร็อคซ่าส์มาโชว์เฟี้ยว (Get Him to the Greek) ที่เขาแสดง ฉากที่เธอเล่นเป็นฉากที่ทั้งสองคนจูบกัน ไม่ปรากฏในภาพยนตร์[78] เธอเริ่มคบหากับแบรนด์หลังจากพบเขาอีกครั้งในเดือนกันยายนที่งานประกาศรางวัลเอ็มทีวีวิดีโอมิวสิกอะวอดส์ 2009[79] ทั้งคู่หมั้นกันในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2009 ขณะพักร้อนที่รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย[79]

2010–12: อัลบั้มทีนเอจดรีม และ การสมรส

หลังจากเป็นกรรมการรับเชิญในรายการอเมริกันไอดอล[80] เพร์รีออกเพลง "แคลิฟอร์เนียเกิลส์" ร้องร่วมกับแร็ปเปอร์ สนูป ด็อกก์เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2010[81] เป็นซิงเกิลนำของสตูดิโออัลบั้มชุดที่สาม ทีนเอจดรีม และขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 เมื่อเดือนมิถุนายน[82][83] เธอยังเป็นกรรมการรับเชิญในรายการดิเอ็กซ์แฟกเตอร์ สหราชอาณาจักร ในเดือนต่อมา[84] ก่อนออกซิงเกิลที่สอง "ทีนเอจดรีม" เมื่อเดือนกรกฎาคม[85] เพลง "ทีนเอจดรีม" ขึ้นอันดับหนึ่งในบิลบอร์ดในเดือนกันยายน[86] ส่วนอัลบั้มออกจำหน่ายในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 2010[87] เปิดตัวที่อันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ด 200[88] อัลบั้มได้รับคำวิจารณ์คละกัน[89] และขายได้ 6 ล้านชุดทั่วโลก[90] อัลบั้มทีนเอจดรีมได้รับรางวัลจูโนอะวอร์ด สาขาอัลบั้มสากลแห่งปี 2011[91] ในเดือนตุลาคม เพลง "ไฟร์เวิร์ก" เป็นซิงเกิลที่สามของอัลบั้ม[92] กลายเป็นเพลงที่ติดอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 เป็นเพลงที่สามติดต่อกันในวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 2010[93]

เพลง "อี.ที." ฉบับรีมิกซ์ ร้องรับเชิญโดยแร็ปเปอร์ คานเย เวสต์ ได้ออกเป็นซิงเกิลที่สี่จากอัลบั้มทีนเอจดรีมในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011[94] เพลงติดอันดับ 1 บนชาร์ตฮอต 100 เป็นเวลา 5 สัปดาห์ไม่ติดต่อกัน ทำให้อัลบั้ม ทีนเอจดรีม เป็นอัลบั้มลำดับที่เก้าในประวัติศาสตร์ที่ทำเพลงอันดับ 1 บนชาร์ตฮอต 100 ได้ถึง 4 เพลง[95] "ลาสต์ฟรายเดย์ไนต์ (ที.จี.ไอ.เอฟ.)" ตามมาเป็นซิงเกิลที่ห้าในเดือนมิถุนายน[96] และเมื่อเพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 บนบิลบอร์ดฮอต 100 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ทำให้เพร์รีกลายเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่มีเพลงติดอันดับ 1 บนชาร์ตฮอต 100 จากอัลบั้มเดียวกันถึง 5 เพลง และศิลปินคนที่สองถัดจากอัลบั้ม แบด ของไมเคิล แจ็กสัน[97][98] เธอได้รับรางวัลอเมริกันมิวสิกอะวอร์ดในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011[99] และบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ ค.ศ. 2013[98] ในวันที่ 7 กันยายน เธอทำสถิติศิลปินหญิงคนแรกที่มีเพลงติดสิบอันดับแรกบนชาร์ตฮอต 100 ได้นาน 69 สัปดาห์[100] ในเดือนตุลาคม "เดอะวันแด้ตก็อตอะเวย์" ออกเป็นซิงเกิลที่หก[101] เพลงขึ้นอันดับ 3 บนชาร์ตฮอต 100[102] และอันดับ 2 ในแคนาดา[58] ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 แคปิตอลออกซิงเกิลนำจากอัลบั้ม ทีนเอจดรีม: เดอะคอมพลีตคอนเฟกชัน เพลง "พาร์ตออฟมี" เปิดตัวอันดับที่ 1 บนชาร์ตฮอต 100 และเป็นซิงเกิลที่เจ็ดที่ขึ้นอันดับ 1[56][103] อัลบั้ม ทีนเอจดรีม: เดอะคอมพลีตคอนเฟกชัน ออกจำหน่ายวันที่ 23 มีนาคม[104] เพลง "วายด์อะเวก" ออกในวันที่ 22 พฤษภาคมเป็นซิงเกิลที่สอง[105] ขึ้นถึงอันดับที่ 2 บนชาร์ตฮอต 100[102] และอันดับ 1 ในแคนาดา[58] และนิวซีแลนด์[106] ในวันที่ 5 มกราคม เธอเป็นนักร้องที่ขายเพลงดิจิตอลได้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ในสหรัฐ ด้วยยอดขายทั้งหมด 37.6 ล้านหน่วยจากข้อมูลของนีลเซน ซาวด์สแกน[107] และในเดือนนั้น เธอเป็นนักร้องคนแรกที่มีเพลงได้ขายได้มากกว่า 5 ล้านหน่วยดิจิตอลถึง 5 เพลง[108]

ทัวร์คอนเสิร์ตแคลิฟอร์เนียดรีมส์ทัวร์ทำรายได้ได้ US$59.5 ล้าน

เพร์รีเริ่มทัวร์คอนเสิร์ต แคลิฟอร์เนียดรีมส์ทัวร์ เพื่อส่งเสริมอัลบั้มทีนเอจดรีม[67] ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 ถึงมกราคม ค.ศ. 2012[109] ทัวร์ทำรายได้ได้ US$59.5 ล้าน จากทั่วโลก[110] และได้รับรางวัลสาขาแสดงสดยอดเยี่ยม (Best Live Act) ในงานประกาศรางวัลเอ็มทีวียุโรปมิวสิกอะวอดส์ 2011[111]

ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2011 เธอแสดงในวันเปิดงานร็อกอินริโอเฟสติวัล 2011 ร่วมกับเอลตัน จอห์น, คลาวเจอ เลชี และริอานนา[112] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2010 เพร์รีได้ปรากฏตัวในตอนแรกของรายการเซซามี สตรีท ซีซันที่ 41 หลังจากฉากที่เธอแสดงถูกอัปโหลดขึ้นยูทูบ ผู้ชมวิจารณ์เรื่องชุดที่เผยให้เห็นร่องอก หลังจากออกอากาศ 4 วัน เซซามีเวิร์กช็อปประกาศว่าฉากนั้นจะไม่ออกอากาศในโทรทัศน์ แต่ยังสามารถรับชมได้ทางออนไลน์[113] หลังจากนั้น เพร์รีล้อเลียนประเด็นถกเถียงดังกล่าวในรายการแซตเทอร์เดย์ไนต์ไลฟ์ ซึ่งเธอเป็นศิลปินรับเชิญ และสวมเสื้อธีมเอลโมแสดงส่วนเว้าขนาดใหญ่ในการแสดงฉากหนึ่ง[114]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2010 เพร์รีแสดงเป็นแฟนสาวของ Moe Szyslak ในฉากแสดงสดฉากหนึ่งของเดอะซิมป์สัน ตอนพิเศษช่วงคริสต์มาสในตอน "The Fight Before Christmas"[115][116] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 เธอเป็นนักแสดงรับเชิญในละครฮาวไอเม็ตยัวร์มาเธอร์ ตอน "Oh Honey" แสดงเป็นผู้หญิงชื่อ ฮันนี[117] บทบาทนี้ทำให้เธอได้รับรางวัลพีเพิลส์ชอยซ์อะวอดส์ สาขาดารารับเชิญโทรทัศน์ยอดนิยม (Favorite TV Guest Star) ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2012[118] เธอปรากฏในภาพยนตร์ครั้งแรกในภาพยนตร์การ์ตูนแนวครอบครัวเรื่อง เดอะสเมิฟส์ รับบทเป็น สเมิร์ฟเฟตต์ ในวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จทั่วโลก[119] ขณะที่นักวิจารณ์ให้ความเห็นด้านลบ[120] เธอยังเป็นพิธีกรในรายการ แซตเทอร์เดย์ไนต์ไลฟ์ ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2011 ร่วมกับโรบิน ที่เป็นแขกรับเชิญ จากงานพิธีกรดังกล่าว เพร์รีได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ที่ยกย่องถึงจังหวะการแสดงมุกตลกและซีรีส์เรื่องสั้นที่เธอแสดงร่วมกับแอนดี้ แซมเบิร์ก[121] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 เธอแสดงรับเชิญในซีรีส์เรื่องเรซิงโฮป รับบทเป็นผู้คุมนักโทษชื่อ ริกกี ในตอน "Single White Female Role Model" ในวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 เพร์รีได้ออกผลงานภาพยนตร์อัตชีวประวัติในชื่อ เคที เพร์รี: พาร์ตออฟมี ผ่านทางพาราเมาต์พิกเจอส์[122][123] ภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ที่ดี[124]และทำรายได้บนบ็อกซ์ออฟฟิศได้ US$30 ล้าน ทั่วโลก[125]

เพร์รีเริ่มทำธุรกิจเมื่อเธอได้เซ็นรับรองน้ำหอมตัวแรกชื่อ เพอร์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2010 ตัวที่สองชื่อ เมียว! ออกจำหน่ายในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2011 น้ำหอมทั้งสองตัวออกวางขายที่ห้างสรรพสินค้านอร์ดสตรอม[126][127] อิเล็กทรอนิก อาตส์ ได้จ้างเธอให้ส่งเสริมภาคเสริมเกม เดอะซิมส์ 3: โชว์ไทม์[128] ก่อนจะออกภาคเสริมอีกภาคที่มีเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า และทรงผมที่ได้แรงบันดาลใจจากเพร์รี ในชื่อ เดอะซิมส์ 3: เคที เพร์รีสวีตทรีตส์ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012[129] ในเดือนต่อมา เธอเป็นโฆษกและทูตให้กับผลิตภัณฑ์ ป็อปชิปส์ และลงทุนในบริษัทดังกล่าวด้วย[130] และนิตยสารบิลบอร์ดจัดให้เธอเป็น "ผู้หญิงแห่งปี" ค.ศ. 2012[131]

เธอสมรสกับรัสเซลล์ แบรนด์ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2010 โดยจัดพิธีสมรสแบบฮินดูใกล้ ๆ เขตสงวนพันธุ์เสือรันทัมบอร์ ในรัฐราชสถาน[132] แบรนด์ประกาศในวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2011 ว่าพวกเขาได้หย่าร้างกันหลังจากใช้ชีวิตคู่กัน 14 เดือน[133] ต่อมา เพร์รีกล่าวว่า ตารางเวลาที่ไม่ตรงกันและเขาต้องการมีบุตรโดยที่เธอยังไม่พร้อม ทำให้การสมรสสิ้นสุดลง[134] และเขาไม่พูดกับเธออีกเลยหลังจากส่งข้อความขอหย่าถึงเธอ[135] ขณะที่แบรนด์ยืนยันว่าเขาหย่ากับเพร์รีเพราะชื่อเสียงของเธอที่เพิ่มขึ้น ความสำเร็จ และความลังเลที่จะเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ด้วย[136] แรกเริ่มเธอรู้สึกคุ้มคลั่งเรื่องหย่าร้าง และกล่าวว่าเธอเคยคิดฆ่าตัวตาย[137][138] หลังจากการสมรสสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 2012[139] เพร์รีเริ่มต้นความสัมพันธ์กับนักร้อง จอห์น เมเยอร์ ในเดือนสิงหาคมนั้นเอง[140]

2013–2015: อัลบั้มปริซึม ซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 49 และการแสดงช่วงพักครึ่ง

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 เพร์รีเริ่มทำงานอัลบั้มชุดที่สี่ ปริซึม เธอกล่าวกับนิตยสารบิลบอร์ดว่า "ฉันรู้ว่าผลงานที่ฉันจะทำต่อไป ฉันรู้ปกอัลบั้ม สีสัน โทน" และ "ฉันรู้แม้กระทั่งทัวร์คอนเสิร์ตที่ฉันจะจัด ฉันจะพอใจมากถ้าภาพที่ฉันคิดในหัวออกมาเป็นความจริงได้"[141] แม้ว่าเธอบอกกับ L'Uomo Vogue ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 ว่าเธอวางแผนไว้ว่าจะมี "องค์ประกอบที่มืดมนลง" (darker elements) ในอัลบั้มปริซึม หลังจากการสมรสสิ้นสุดลง[142] เธอเผยกับเอ็มทีวีในระหว่างงานประกาศรางวัลเอ็มทีวีวิดีโอมิวสิกอะวอดส์ 2013 ว่าเธอได้เปลี่ยนทิศทางของอัลบั้มหลังจากเธอใช้เวลาไตร่ตรองตนเอง เธอออกความเห็นว่า "ฉันรู้สึกถึงแสงส่องดั่งปริซึม (prismatic) อย่างมาก" กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับชื่ออัลบั้ม[143] เพลง "โรร์" ออกโรงเป็นซิงเกิลนำจากอัลบั้ม ปริซึม ในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 2013[144] เธอส่งเสริมเพลงนี้ผ่านการแสดงในงานประกาศรางวัลเอ็มทีวีวิดีโอมิวสิกอะวอดส์ และเพลงขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100[145][146] เพลง "อันคอนดิชันเนิลลี" ออกเป็นซิงเกิลที่สองจากอัลบั้มในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2013[147] และขึ้นถึงอันดับที่ 14 ในสหรัฐ[148]

เพร์รีแสดงในคอนเสิร์ตเดอะพริสมาติกเวิลด์ทัวร์ เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2014

อัลบั้ม ปริซึม ออกจำหน่ายในวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2013 และขายได้ 4 ล้านชุดนับถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2015[149] อัลบั้มได้รับคำวิจารณ์ในด้านบวก[150] และเปิดตัวที่อันดับที่ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด 200[151] สี่วันต่อมา เพร์รีแสดงเพลงใหม่จากอัลบั้มที่โรงละครไอฮาร์ตเรดิโอในลอสแอนเจลิส[152] เพลง "ดาร์กฮอร์ส" ออกมาเป็นซิงเกิลที่สามในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2013[153] กลายเป็นเพลงที่ติดอันดับ 1 เป็นเพลงที่เก้าของเธอเมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2014[154][155] ใน ค.ศ. 2014 เพลง "เบิร์ธเดย์"[156] และ "ดิสอิสฮาววีดู"[157] ออกมาเป็นซิงเกิลที่สี่และห้าจากอัลบั้มปริซึม และขึ้นถึง 25 อันดับแรกบนชาร์ตฮอต 100[56] นอกจากนี้ เธอยังได้บันทึกเสียงและแต่งเพลงร่วมกับ จอห์น เมเยอร์ ในเพลง "ฮูยูเลิฟ" จากอัลบั้มของเขา พาราไดซ์แวลลี เพลงออกมาวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2013[158][159] เพร์รีเริ่มทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่สามในชื่อ เดอะพริสมาติกเวิลด์ทัวร์ ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 และจบลงในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2015[149] ทำรายได้ได้ US$204.3 ล้าน จากทั่วโลก [160] และเพร์รีได้รับรางวัล "แพ็กเกจสูงสุด" ในงานประกาศรางวัลบิลบอร์ดทัวริงอะวอดส์ 2014[161] เธอแสดงในเทศกาลดนตรีร็อกอินริโอ 2015 ในวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2015[162]

เพร์รีใน Super Bowl halftime show ครั้งที่ 49

ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 เอ็นเอฟแอลประกาศว่าเพร์รีจะแสดงในช่วงพักครึ่งในงานซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 49 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 พร้อมกับแขกรับเชิญ เลนนี แครวิตซ์ และมิสซี เอลเลียต[163][164] หลังการแสดงสองวัน บันทึกสถิติโลกกินเนสส์บันทึกว่าการแสดงของเพร์รีมีผู้ชม 118.5 ล้านคนในสหรัฐ กลายเป็นการแสดงที่มีผู้ชมมากที่สุดและมีเรตสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของซูเปอร์โบวล์ ยอดคนชมสูงกว่าตัวกีฬาเอง ซึ่งมีคนชมอยู่ที่ 114.4 ล้านคน[165]

สมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศตั้งให้เพร์รีเป็นศิลปินระดับโลกอันดับที่ห้าของปี ค.ศ. 2013[166] ในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2014 สมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศให้เพร์รีเป็นศิลปินที่ได้รับการรับรองมากที่สุด (Top Certified Digital Artist Ever) หลังจากทำยอดขายได้ 72 ล้านหน่วยดิจิตอลในสหรัฐ[167][168] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 ภาพนิ่งของเพร์รีที่วาดโดยมาร์ก ไรเดน ได้แสดงในนิทรรศการ "The Gay 90s" และแสดงที่ Kohn Gallery ในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอยังได้บันทึกเสียงเพลงฉบับทำใหม่ "เดซีเบลล์ (ไบซีเคิลบิลต์ฟอร์ทู)" ร่วมกับศิลปินอื่นมากมายในอัลบั้มชื่อ เดอะเกย์ไนน์ทีส์โอลด์ไทม์มิวสิก: เดซีเบลล์ รุ่นจำกัดที่มาพร้อมกับนิทรรศการดังกล่าว[169] ในเดือนเดียวกันนั้น ภาพนิ่งอีกภาพหนึ่งของเพร์รีวาดโดยวิล ค็อตตัน ได้แสดงอยู่ในแกลอรีภาพนิ่งแห่งชาติ[170] ในวันที่ 23 พฤศจิกายน เพร์รีแสดงในโครงการโฆษณาวันหยุดของ เอชแอนด์เอ็ม ซึ่งเธอแต่งและบันทึกเพลง "เอเวอรีเดย์อิสอะฮอลิเดย์" ให้[171][172]

ในวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2014 เพร์รีประกาศว่าเธอได้ก่อตั้งค่ายเพลงของตัวเองภายใต้สังกัดแคปิตอลเรเคิดส์ในชื่อ เมตามอร์โฟซิสมิวสิก เฟร์ราส์เป็นศิลปินคนแรกที่เซ็นสัญญาเข้าสังกัดดังกล่าว และเพร์รีเป็นหัวหน้าโปรดิวเซอร์ให้อีพีของเขา เธอยังบันทึกเสียงเพลง "เลเจนส์เนเวอร์ดาย" ร่วมกับเขาในอีพีด้วย[173] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2015 นิตยสารฟอบส์ประมาณรายได้สุทธิของเธออยู่ที่ US$125 ล้าน[174] และติดอันดับที่หกในรายชื่อ "ผู้หญิงที่มีค่าตัวสูงที่สุดในวงการดนตรี" โดยมีรายได้ US$41 ล้าน[175]

นอกจากงานดนตรี เพร์รีได้กลับมารับบทสเมิร์ฟเฟตต์ ในภาพยนตร์ เดอะสเมิฟส์ 2 ออกมาในวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2013[176] เช่นเดียวกับภาคก่อนหน้า ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จด้านรายได้[177] แม้ว่าจะได้รับคำวิจารณ์แตกต่างกันไป[178] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2014 เธอเป็นแขกรับเชิญรับบทเป็นตนเองในรายการโครลโชว์ ตอน "Blisteritos Presents Dad Academy Graduation Congraduritos Red Carpet Viewing Party"[179] น้ำหอมตัวที่สามชื่อ คิลเลอร์ควีน ออกมาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 ผ่านทางบริษัทโคตี (Coty, inc.)[180] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2014 เธอเป็นภัณฑารักษ์รับเชิญให้มาดอนน่าในโครงการริเริ่ม อาร์ตฟอร์ฟรีดอม[181] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2015 เธอปรากฏตัวในภาพยนตร์สารคดีเรื่องแบรนด์: อะเซกันด์คัมมิง สารคดีที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงจากงานแสดงตลกไปเป็นนักกิจกรรมของอดีตสามี รัสเซลล์ แบรนด์ และออกภาพยนตร์คอนเสิร์ตเรื่อง เคที เพร์รี: เดอะพริสมาติกเวิลด์ทัวร์ ออกอากาศทางช่องอีพิกซ์ เกิดขึ้นในระหว่างการทัวร์คอนเสิร์ตชื่อเดียวกัน[123] เพร์รีแสดงรับเชิญในมิวสิกวิดีโอเพลง "บิตช์ไอม์มาดอนน่า" ของมาดอนน่าเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2015[182] ในเดือนต่อมา เธอออกน้ำหอมอีกรุ่นหนึ่งกับบริษัทโคตี ในชื่อ แมดโพชัน[183] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2015 ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง เคที เพร์รี: เมกกิงออฟเดอะเปปซีซูเปอร์โบวล์ฮาล์ฟไทม์โชว์ ออกฉายหลังจากเพร์รีเตรียมตัวแสดงในงานซูเปอร์โบวล์[184] และเจเรมี สก็อตต์: เดอะพีเพิลส์ดีไซเนอร์ ที่เล่าเรื่องชีวิตและอาชีพนักออกแบบของเจเรมี สก็อตต์[185] เพร์รีออกโปรแกรมประยุกต์ชื่อ เคทีเพร์รีป็อป ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2015 ผ่านตัวแทนจำหน่าย กลูโมไบล์ ซึ่งตัวละครของเธอทำให้ผู้เล่นกลายเป็นนักดนตรีชื่อดัง[186] เธออธิบายถึงโปรแกรมนี้ว่าเป็น "โลกที่สนุกและมีสีสันสดใสที่สุดที่ช่วยนำทางสู่ฝันทางดนตรีของคุณ"[187]

2016–ปัจจุบัน: อัลบั้ม วิตนิสส์ และอเมริกันไอดอล

เพร์รีตั้งท่าถ่ายรูปกับแฟนคลับในซิดนีย์ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2017

เมื่อต้นปี ค.ศ. 2016 เธอเริ่มทำเพลงใหม่ในเดือนมิถุนายน[188] และอัดเพลงประกอบการออกอากาศการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 ทางช่องเอ็นบีซีสปอตส์ ชื่อ "ไรส์" ออกจำหน่ายวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 โดยเพร์รีเลือกจำหน่ายเป็นซิงเกิลแยกเดี่ยวแทนที่จะเก็บไว้ในอัลบั้มใหม่ 'เพราะตอนนี้ โลกต้องการให้เรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว' เอ็นบีซีโอลิมปิกส์รู้สึกว่าเพลงนี้เป็นข้อความที่พูดถึงเนื้อหาของเพลงเป็นแรงบันดาลใจโดยตรงต่อจิตวิญญาณของโอลิมปิกส์และนักกีฬา[189] เพลงเปิดตัวที่อันดับที่หนึ่งในประเทศออสเตรเลีย[190] และอันดับที่ 11 ในสหรัฐ[56]

เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2016 เพร์รีกล่าวว่าเธอต้องการทำเพลงที่ "เชื่อมโยง เกี่ยวข้องกัน และเป็นแรงบันดาลใจ"[191]และบอกกับไรอัน ซีเครสต์ว่าเธอ "ไม่รีบ" ทำอัลบั้มที่ห้า และเสริมว่า "ฉันแค่กำลังสนุกอยู่ แต่ก็ทดลองทำดนตรีกับโปรดิวเซอร์หลาย ๆ คน ร่วมงานกับหลาย ๆ คนและดนตรีหลาย ๆ รูปแบบ"[192] ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 เพร์รีออกซิงเกิล "เชนด์ทูเดอะริทึม" ร้องรับเชิญโดยสกิป มาร์เลย์[193][194] เพลงขึ้นอันดับหนึ่งในฮังการี[195] และอันดับสี่ในสหรัฐ[56] เพลงถูกสตรีมมากกว่าสามล้านครั้งภายใน 24 ชั่วโมง ทำลายสถิติซิงเกิลที่สตรีมมากที่สุดในวันแรกของศิลปินหญิง[196] ซิงเกิลที่สอง "บอนาเพที" ร้องรับเชิญโดยมีโกส ออกจำหน่ายในเดือนเมษายน[197] ซิงเกิลที่สาม "สวิชสวิช" ร้องรับเชิญโดยนิกกี มินาจ ออกตามมาในเดือนถัดไป[198] เพลงขึ้นอันดับ 59 และ 46 ในสหรัฐ[56] และขึ้นถึงสิบห้าอันดับแรกในแคนาดา[58]

อัลบั้ม วิตนิสส์ วางจำหน่ายในวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 2017 ได้รับคำวิจารณ์ผสมกัน[199] และเปิดตัวที่อันดับหนึ่งในสหรัฐ[200] หลังออกอัลบัม เพร์รีถ่ายทอดสดตนเองบนยูทูบในวันที่วางจำหน่ายในชื่อรายการเคที เพร์รี ไลฟ์: วิตนิสส์เวิลด์ไวด์ จนถึงวันที่ 12 มิถุนายน[201] รายการสดมีผู้ชมมากกว่า 49 ล้านคนจาก 190 ประเทศ[202] เพร์รีออกทัวร์คอนเสิร์ตชื่อ วิตนิสส์: เดอะทัวร์ เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 2017 ถึงสิงหาคม ค.ศ. 2018[203] ในวันที่ 15 มิถุนายน แคลวิน แฮร์ริสออกเพลง "ฟีลส์" ซึ่งเพร์รีร้องรับเชิญ ร่วมกับบิกฌอน และฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ จากอัลบั้ม ฟังก์เวฟเบาน์ซิส วอลยุม 1[204] เพลงขึ้นอันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักร[205]

เพร์รีอัดเสียงร้องเพลงคัฟเวอร์ "เวฟวิงทรูอะวินโดว์" ประกอบละครเวทีเรื่องเดียร์อีวานแฮนเซน ลงอัลบั้มเพลงประกอบรุ่นพิเศษ วางจำหน่ายวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018[206] ผู้สร้างละคร เบน พาเซก และจัสติน พอล ขอให้เพร์รีร้องเพลงดังกล่าวเพื่อส่งเสริมทัวร์ละครเวทีในประเทศและสร้างความตระหนักต่อสุขภาพจิต[207] ในวันที่ 15 พฤศจิกายน เพร์รีออกเพลง "โคซีลิตเทิลคริสต์มาส" เฉพาะในแอมะซอนมิวสิก[208] เธออัดเพลง "อิมมอร์ทัลเฟลม" ให้เกมไฟนอลแฟนตาซีเบรฟเอกซ์เวียส และมีตัวละครเล่นได้ที่ออกแบบตามแบบเธอ[209] ในงานประกาศรางวัลแกรมมีครั้งที่ 61 เพร์รีร้องเพลง "เฮียร์ยูคัมอะเกน" ร่วมกับดอลลี พาร์ตันและเคซีย์ มัสเกรฟส์ แสดงความเคารพแก่พาร์ตัน[210] และในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 เธอออกเพลง "365" ร่วมกับดีเจเซดด์[211] สองเดือนถัดมา แดดดีแยงกีออกเพลง "กอนกอลมา" ฉบับรีมิกซ์ที่รวมเสียงเพร์รีและสโนว์ลงในเพลง[212] เธอออกซิงเกิล "เนเวอร์เรียลลีโอเวอร์" ตามมาในวันที่ 31 พฤษภาคม และ "สมอลล์ทอล์ก" ในวันที่ 9 สิงหาคม[213][214]

นอกเหนือจากงานเพลง เธอรับบทเป็นตนเองในภาพยนตร์เรื่อง ซูแลนเดอร์ 2 ออกฉายในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016[215][216] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 เพร์รีออกสินค้ารองเท้าในชื่อ "เคที เพร์รี คอลเลกชันส์"[217] รองเท้าของเธอวางจำหน่ายในเว็บไซต์ เคที เพร์รี คอลเลกชันส์ ของเธอ และที่ร้านค้าปลีก เช่น ดิลลาร์ด และวอลมาร์ต[218] เดือนสิงหาคม เธอเป็นพิธีกรในงานประกาศรางวัลเอ็มทีวีวิดีโอมิวสิกอะวอดส์ 2017[219] เธอเซ็นสัญญารับเงินเดือน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับตำแหน่งกรรมการตัดสินในรายการอเมริกันไอดอลซีซันใหม่ ออกอากาศทางช่องเอบีซี เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2018<[220][221] เพร์รีเริ่มคบหากับออร์แลนโด บลูมเมื่อต้นปี ค.ศ. 2016 และหมั้นกันในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019[222][223] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2019 เธอปรากฏในมิวสิกวิดีโอเพลง "ยูนีดทูคาล์มดาวน์" ของเทย์เลอร์ สวิฟต์[224]

หนึ่งเดือนถัดมา คณะลูกขุนในแคลิฟอร์เนียยื่นคำตัดสินคดีเพลง "ดาร์กฮอร์ส" ที่คัดลอกเพลง "จอยฟุลนอยส์" ปี ค.ศ. 2008 ของเฟลม หลังจากเขายื่นฟ้องคดีลิขสิทธิ์ว่าเพลงได้นำจังหวะเพลงของตนมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต[225] คณะลูกขุนสั่งให้เธอชดใช้เขาเป็นเงิน 550,000 ดอลลาร์สหรัฐ[226] จอช คลอส นักแสดงร่วมกับเพรรีในมิวสิกวิดีโอ "ทีนเอจดรีม" กล่าวหาเธอในเรื่องการคุกคามทางเพศ ในโพสต์โพสต์หนึ่งในอินสตาแกรม คลอสกล่าวหาว่า ระหว่างงานเลี้ยงที่ลานสเกต เพร์รีดึงกางเกงและกางเกงในของเขาลง ทำให้เพื่อนผู้ชายเห็นองคชาตของเขา คลอสยังเขียนอีกว่าเธอพยายามไม่ให้เขาพูดถึงช่วงเวลาที่อยู่กับเธอ เพร์รียังไม่ได้ให้การใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้[227]

หลังจากออกซิงเกิล "เนเวอร์วอร์นไวต์" ในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2020 เพร์รีเปิดเผยในมิวสิกวิดีโอว่าเธอตั้งครรภ์บุตรคนแรกกับคู่หมั้น ออร์แลนโด บลูม[228]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เคที_เพร์รี http://www.austriancharts.at/showitem.asp?interpre... http://www.mtv.com.au/kings-of-leon/news/katy-perr... http://smh.com.au/lifestyle/celebrity/documentary-... http://www.jcnet.com.br/noticias.php?codigo=221209 http://www.allaccess.com/top40-mainstream/future-r... http://www.allmusic.com/album/katy-hudson-mw000001... http://www.allmusic.com/album/one-of-the-boys-mw00... http://www.allmusic.com/artist/katy-perry-mn000085... http://www.azcentral.com/story/entertainment/music... http://www.billboard.com/amp/articles/columns/pop/...