เมนูนำทาง
เคนนี_แดลกลีช สมัยเป็นนักฟุตบอลเคนนี แดลกลีช ในวัย 16 ปี ลงนามเซ็นสัญญาชั่วคราวกับ สโมสรฟุตบอลเซลติก ในช่วงเดือน พฤษภาคม ค.ศ. 1968ก่อนที่จะได้ตัว แดลกลีชไปนั้น ผู้จัดการทีมของเซลติกในสมัยนั้น จ็อค สเตอิน ส่ง ฌอน ฟอลลอน ผู้ช่วยผู้จัดการทีมเซลติกไปแอบดู แดลกลีชกับครอบครัวของเขาที่บ้านของพวกเขา เมื่อแดลกลีช ได้ยินฟอลลอนอยู่ที่ประตูชั้นบน แดลกลีช รีบเอาโปสเตอร์ของ สโมสรฟุตบอลเรนเจอร์ส จากผนังห้องนอนเขาออกไป เพราะเขารู้ว่า ฟอลลอน จะแอบเอาของที่เขาชอบมากๆออกไปเพื่อเป็นสิ่งประกันในการแลกตัวของ แดลกลีช ในการแลกตัวไปเล่นให้กับ เซลติก ซึ่งพ่อของแดลกลีชได้เตือนเขาไว้แล้ว[1] แต่แดลกลีชก้ตัดสินเลือกไปเล่นให้กับ เซลติก เพราะไม่อยากให้ครอบครัวของเขาวุ่นวายไปมากกว่านี้ แต่ก่อนที่แดลกลีชจะย้ายมาเล่นกับ เซลติกนั้น คณพ่อของเขาได้ลองให้แดลกลีชไปเล่นกับ คัมเบอร์นอลด์ยูไนเต็ด เพื่อทดสอบว่าลูกของตนเหมาะสมหรือไม่ที่จะไปเล่นให้กับ เซลติก สโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ในประเทศ สกอตแลนด์ ในสมัยนั้นโดยแดลกลีชทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมเมื่อมาอยู่กับ คัมเบอร์นอลด์ยูไนเต็ด โดยเขายิงไป 18 ประตู ในการลงเล่นทั้งหมด 37 นัด ในปี ค.ศ. 1968 แดลกลีชย้ายจาก คัมเบอร์นอลด์ยูไนเต็ด มาสู่ เซลติก ตามคำขอของตัวเขาเอง โดยแดลกลีชก็ได้โชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมด้วยการจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมของเขาได้สวย ถึงแม้จะยิงประตูไม่ได้ก็ตาม แต่ แดลกลีชในวัย 16 ปีก็ยังดีใจที่ความพยามและความมั่นใจของตนเพิ่มพูนอยู่ตลอดจนเขาได้ถูกคัดเลือกให้มาเป็น นักฟุตบอล กองหน้า ของ เซลติก
พอเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ในปี ค.ศ. 1969 เคนนี แดลกลีช ได้ลงเล่นเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกโดยเขาได้ทำประตูไป ในฤดูกาล 1968-69 ไปได้ 14 ประตู และในช่วง 1969-70 30 ประตู แดลกลีชเคยบอกกับตนไว้ว่า
ถึงแม้เราจะไม่ได้เล่นให้กับทีมเรนเจอร์สทีมที่เราชื่นชอบ แต่ยังไงเราก็ยังได้เป็นนักฟุตบอลยังที่ใฝ่ฝันเอาไว้ไม่ว่าจะอยู่กับทีมไหนก็ตาม
คำกล่าวของนักฟุตบอลสายเลือดสก๊อตกล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนจบฤดูกาล 1969-70
และในฤดูกาล 1970-71 ความฝันของแดลกลีชก็เป็นจริงเมื่อเขาได้พาทีมของเขาไปสู่รอบชิงชนะเลิศ ถ้วยสกอตติชลีกคัพ ไปเจอกับ เรนเจอร์ส โดยแข่งกันเสมอกันไป 2-2 แล้วในช่วงต่อเวลาพิเศษ แดลกลีชได้ทำไป 2 ประตู ทำให้เซลติกชนะไป 4-2 ซึ่งเป็นผลงานที่แดลกลีชภาคภูมิใจมากที่สุดตั้งแต่เขาเริ่มรู้จักฟุตบอลมา และในฤดูกาลนี้แดลกลีชทำประตูไปได้ 23 ประตู และในช่วงฤดูกาล 1976-77 แดลกลีชได้ถูกให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมของสโมสรฟุตบอลเซลติก แล้วก่อนทีแดลกลีชจะได้ถูกซื้อตัวไปเล่นให้กับ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ในฟุตบอลลีกดิวิชัน 1 ประเทศ อังกฤษแดลกลีชได้ทำลายสถิตการทำประตูให้กับเซลติกไป 167 ประตู โดยได้ลงเล่นทั้งหมด 322 นัด รวมทั้งหมด 9 ฤดูกาล ซึ่งเป็นนักฟุตบอลของเซลติกคนแรกที่ทำประตูมากกว่า 150 ประตู ใน 9 ฤดูกาล
ในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1977 ลิเวอร์พูลได้ซื้อ เคนนี แดลกลีช ในวัย 26 ปี ด้วยค่าตัวสูงสุดถึง 18 ล้านบาทซึ่งเป็นสถิติในการซื้อนักฟุตบอลของเกาะอังกฤษในยุคนั้น โดย เควิน คีแกน เพื่อนรวมทีมของลิเวอร์พูลในยุคนั้นมั่นใจในตัวของแดลกลีชว่า
ชายคนนี้อาจจะเป็นนักเตะที่ดีและมีชื่อเสียงและนำลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์
โดยแดลกลีชได้ลงเล่นนัดแรกหลังจากเขาย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลได้ 1 สัปดาห์ ได้โชว์ฟอร์มอันแข็งแกร็งได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเป็นคนทำไป 4 ประตูในนัดที่เจอกับ สโมสรฟุตบอลมิดเดิลสโบร ทำให้ลิเวอร์พูลเก็บ 3 แต้มสำคัญได้และเป็นการทำ แฮตทริก ของเขาในนัดที่ลงแข่งวันแรก โดยถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของสโมสรลิเวอร์พูล และในช่วงปลายฤดูกาล 1977-78 แดลกลีชนำลิเวอร์พูลได้แชมป์ฟุตบอลยุโรปถึง 3 ถ้วยมี ฟุตบอลในลีกดิวิชัน 1 และ แชมป์ ยูโรเปียนคัพ กับ แชริตีชีลด์ และแดลกลีชได้ถูกขึ้นเป็นดาวซัลโวในดิวิชัน 1 ประเทศอังกฤษในช่วงฤดูกาลนั้นอีกด้วยโดยทำไป 61 ประตู ในฤดูกาล 1978-79 แดลกลีชได้ถูกเลือกเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดจากสมาคมเอฟเอ ในประเทศอังกฤษ แดลกลีชทำผลงานต่างๆให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลได้มากมายไม่ว่าจะเป็น แชมป์ฟุตบอลลีกดิวิชัน 1 ในประเทศ,ยูโรเปียนคัพ, เอฟเอคัพ, ลีกคัพ, ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ รวมทั้งหมด 22 ถ้วย และรวมถึง นักฟุตบอลดีเด่นประจำฤดูกาลของเกาะอังกฤษมาแล้ว 2 ครั้ง โดยแดลกลีชได้อยู่ร่วมกับผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูลมา 2 ยุคแล้ว คือ บ๊อบ เพสลีย์ และ โจ เฟแกน ซึ่งผู้จัดการทีม 2 คนนี้ก็ได้ชม เคนนี แดลกลีช ว่า
ชายชาวสกอตคนนี้มีพรสวรรค์ เล่นได้ในทุกสถานการณ์ แม้ว่าลิเวอร์พูลจะอยู่ในยามไหน เขาก็จะนำแสงสว่างและชัยชนะมาให้หงส์แดงอยู่เสมอ พวกเราชาวลิเวอร์พูลคิดถูกแล้วที่เลือกชายคนนี้มาเพื่อจะปั้นเขาให้เป็นตำนานของลิเวอร์พูลที่อยู่ในขวัญใจชาวเดอะค็อปทั่วโลกตลอดไป
คำพูดของบ๊อบ เพสลีย์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลในช่วงฤดูกาล 1974-1983 และคำกล่าวของ โจ เฟแกน ผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูลในช่วงฤดูกาล 1983-1985
โดยในยุคนั้นลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะหนุ่มคนนี้ เขาได้สร้างความสำเร็จให้กับสโมสรเป็นอย่างมาก ไม่แน่ในอนาคตเขาอาจจะได้เป็นราชันย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลิเวอร์พูลเลยก็ได้
และเดอะค็อปทั่วโลกได้ตั้งนามให้เขาว่า "คิง" เพื่อให้ เคนนี แดลกลีช นักฟุตบอลสายเลือดสก๊อตคนนี้เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูลและจะเป็นขวัญใจของเดอะค็อไปทั่วโลกตลอดไป และในช่วงฤดูกาล 1984-85 โจ เฟแกน ได้ขอลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูล เดอะค็อปทั่วโลกจึงเสนอ เคนนี แดลกลีช เป็นผู้จัดการทีมคนต่อไปของลิเวอร์พูล และในช่วงปลายฤดูกาล 1989-90 แดลกลีชในช่วงผู้จัดการทีมได้นำลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกดิวิชัน 1 ของเกาะ อังกฤษ ซึ่งเป็นแชมป์ที่ 18 ของลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ เคนนี แดลกลีช มอบให้สโมสรลิเวอร์พูล และเขาได้กล่าวไว้ก่อนที่เลิกเล่นอาชีพนักฟุตบอลเอาไว้ว่า
ผมภูมิใจมากที่ได้เล่นมาเล่นให้สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลแห่งนี้ ชีวิตของผมได้ผ่านสิ่งต่างๆมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นฟุตบอล,การคุมทีมฟุตบอล,การช่วยเหลือผู้อื่น,การเป็นลุกที่ดีของคุณพ่อคุณแม่ ผมภูมิใจมากๆเลยครับ และผมเชื่อว่าลิเวอร์พูลของผมอาจจะยิ่งใหญ่ต่อไปถึงแม้จะไม่มีผมก็ตาม
คำกล่าวของนักฟุตบอลชาวสกอต ในวัย 40 ปี ก่อนที่จะออกจาก แอนฟิลด์ ไป ในปี ค.ศ. 1991 โดยแดลกลีชได้ลงเล่นไป 501 นัด ทำประตูไปได้ 169 ประตู
เมนูนำทาง
เคนนี_แดลกลีช สมัยเป็นนักฟุตบอลใกล้เคียง
เคนนี (อัลบั้ม) เคนนี แดลกลีช เคนนี โรเจอส์ เคนนี จี เคนนี โอเมกา เคนนี โรเจอส์ (อัลบั้ม) เคนนี่ บี เจนนี เจนนี่ ปาหนัน เรนนี หยางแหล่งที่มา
WikiPedia: เคนนี_แดลกลีช http://soccernet.espn.go.com/players/manager?id=18... http://www.nationalfootballmuseum.com/Hall%20of%20... http://www.lfchistory.net/managers_profile.asp?man... http://www.lfchistory.net/player_profile.asp?playe... http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsI... http://www.liverpoolfc.tv/team/past_players/player... https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Kenny_...