ประวัติการรบ ของ เมอร์คาวา

เมอร์คาวามีบทบาทอย่างมากในช่วงสงครามเลบานอน พ.ศ. 2525 มันสามารถจัดการรถถังของซีเรียได้อย่างเฉียบขาดและพิสูจน์ให้เห็นว่ามันสามารถทนทานต่ออาวุธต่อต้านรถถังในยุคนั้นได้ (เช่น เอที-3 แซคเกอร์และอาร์พีจี-7 ) ถือว่าเมอร์คาวาเป็นรถถังที่พัฒนาขึ้นอย่างมากจากรถถังประจัญบานรุ่นก่อนหน้าของอิสราเอล นั่นคือรถถังเซนจูเรียน[18]

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 เมอร์คาวา มาร์ค 3 คันหนึ่งถูกทำลายด้วยระเบิดข้างถนนใกล้กับกาซา รถถังตันดังกล่าวถูกล่อให้ไปติดกับโดยไปแล่นทับกับระเบิดขนาดหนักเข้า ทหารทั้งสี่นายถูกสังหาร มันเป็นเมอร์คาวาคันแรกที่ถูกทำลายในอินทิฟาด้าครั้งที่สอง[19] รถถังอีกคัน ซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นเมอร์คาวา 2 หรือ 3 ถูกทำลายในอีกเดือนต่อมาในพื้นที่เดียวกันและทำให้ทหารอีกสามนายเสียชีวิต เมอร์คาวาคันที่สามถูกทำลายและมีทหารเสียชีวิตหนึ่งนาย บาดเจ็บอีกสองนาย[20]

ขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถีด้วยเลเซอร์ เอที-14 คอร์เน็ท

ฝ่ายอิสราเอลสูญเสียลูกเรือประจำเมอร์คาวาและทหารที่ลำเลียงไปในรถถังเป็นจำนวนมากในสงครามเลบานอน พ.ศ. 2549[21] มีเมอร์คาวา มาร์ค 4 เพียงไม่กี่คันเท่านั้นที่ร่วมรบ เพราะว่าพวกมันเพิ่งเข้าประจำการในจำนวนที่จำกัด กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ได้ยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถังกว่า 1,000 นัดในการต่อสู้เข้าใส่รถถังและทหารราบ[22] ประมาณร้อยละ 45 ของรถถังและยานเกราะทั้งหมดที่ถูกยิงด้วยขีปนาวุธต่อต้านรถถังนั้นได้รับความเสียหายเพราะเกราะถูกทำลาย[22] รวมแล้วมีทหารเสียชีวิตจากอาวุธเจาะเกราะทั้งหมด 15 นาย[23] การเจาะทะลวงเกิดจากขีปนาวุธหัวรบเรียง เชื่อกันว่าอาวุธของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ประกอบด้วยอาร์พีจี-29 แวทไพร์ เอที-5 คอนเคอร์ส เอที-13 เมทิส-เอ็ม และเอที-14 คอร์เน็ทของรัสเซีย[24] กองกำลังป้องกันอิสราเอลได้รายงานว่าพวกเขาพบการใช้ขีปนาวุธคอร์เน็ทของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในหมู่บ้านกานดอริเยฮ์[25] หลายเดือนหลังจากการหยุดยิง หลายรายงานได้ให้ข้อมูลทางภาพถ่ายเป็นหลักฐานวาขีปนาวุธคอร์เน็ทนั้นถูกใช้โดยกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในบริเวณดังกล่าว[26][27] ทหารประจำเมอร์คาวา 4 หนึ่งนายถูกสังหารเมื่อรถถังแล่นเหยียบระเบิดแสวงเครื่อง รถถังคันดังกล่าวได้ติดตั้งเกราะเสริมที่ใต้ท้อง ทำให้มีทหารเพียงหนึ่งนายจากทั้งหมดเจ็ดนาย (ลูกเรือสี่นายและทหารราบสามนาย) เสียชีวิต สรุปมีเมอร์คาวา 5 คันถูกทำลาย เป็นมาร์ค 2 สองคัน มาร์ค 3 หนึ่งคัน และมาร์ค 4 สองคัน[22] ในจำนวนมาร์ค 4 ทั้งสองคัน หนึ่งคันถูกระเบิดแสวงเครื่องทำลายและอีกคันถูกทำลายโดยขีปนาวุธคอร์เน็ทของรัสเซีย กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า การทำงานของเมอร์คาวา มาร์ค 4 นั้นน่าพอใจมากและมองว่าปัญหามาจากการซ้อมรบที่น้อยเกินไป[28][29] ในจำนวนทั้งหมดมีเมอร์คาวา 50 คันได้รับความเสียหาย (มาร์ค 2 และ 3) มีแปดคันที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อในสนามรบได้ มี 21 คันถูกอาวุธเจาะเกราะทำลาย (15 คันเป็นขีปนาวุธและอีก 6 คันเป็นระเบิดไออีดีและทุ่นระเบิดต่อต้านรถถัง)[22]

หลังจากสงครามในปีพ.ศ. 2549 รวมทั้งหลังจากที่กองกำลังป้องกันอิสราเอลเผชิญกับสงครามกองโจร บางการประเมินชี้ว่าเมอร์คาวามีจุดอ่อนมากเกินไปต่อขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ซึ่งข้าศึกสามารถนำมาใช้ในสนามรบเชิงกองโจรได้ง่าย[30][31] การประเมินอื่น รวมทั้งของเดวิด เอสเชล ไม่เห็นด้วยเช่นนั้น เขาโต้ว่ารายงานความสูญเสียของเมอร์คาวานั้นเกินจริงและสรุปการทำงานของเมอร์คาวา โดยเฉพาะมาร์ค 4 นั้น จากคำบอกเล่าของทหารส่วนใหญ่ ว่าหากไม่นับข้อบกพร่องทางยุทธวิธีและการสูญเสียแล้ว เมอร์คาวามีความสามารถในสถานการณ์ดุเดือดได้ดี[32] ในจดหมายจากเหล่ายานเกราะได้มีการเปรียบเทียบที่แสดงให้เห็นว่า จำนวนเฉลี่ยของลูกเรือที่เสียชีวิตต่อรถถังหนึ่งคันนั้นลดลงจาก 2 นายในสงครามยมคิปเปอร์เหลือ 1.5 นายในสงครามเลบานอน พ.ศ. 2525 และเหลือ 1 นายในสงครามเลบานอน พ.ศ. 2549 เป็นการพิสูจน์ว่าเมอร์คาวา มาร์ค 4 ให้การป้องกันแก่ลูกเรือได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆ แม้ต้องเผชิญกับอาวุธต่อต้านรถถังที่พัฒนาขึ้นก็ตาม กองกำลังป้องกันอิสราเอลต้องการเพ่มรายการสั่งซื้อเมอร์คาวา มาร์ค 4 และวางแผนที่จะติดตั้งระบบป้องกันโทรฟี่ให้กับพวกมัน รวมทั้งจัดการฝึกฝนระหว่างลูกเรือรถถังและทหารต่อต้านรถถังของอิสราเอล[33][34]

เมอร์คาวา มาร์ค 4 พร้อมระบบป้องกันโทรฟี

เมอร์คาวา 4 เข้าร่วมรบอย่างดุดเดือดในสงครามกาซาเนื่องจากมีจำนวนเข้าประจำการมากขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549 เพื่อแทนที่มาร์ค 2 และ 3 เมอร์คาวาเพียงหนึ่งกรมสามารถแย่งฉนวนกาซาออกเป็นสองเขตได้ภายในห้าชั่วโมงโดยไม่มีการสูญเสียเลย ผู้บัญชากรมกล่าวว่ายุทธวิธีของพวกเขาได้เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549 ยุทธวิธีใหม่ออกแบบมาเพื่อตอบโต้สงครามกองโจรโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มขีดความสามารถเดิมที่เน้นทำสงครามรูปแบบปกติ[35] ในเดือนคุลาคม พ.ศ. 2553 กองกำลังป้องกันอิสราเอลได้เริ่มติดตั้งระบบป้องกันโทรฟีให้กับเมอร์คาวา 4 เพื่อเพิ่มการป้องกันจากขีปนาวุธต่อต้านรถถังที่ใช้หัวรบระเบิดแรงสูง[36][37] ระบบดังกล่าวประกอบด้วยระบบเลเซอร์เตือนภัยเอลบิทและระเบิดควันของไอเอ็มไอ[15]

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 กลุ่มฮามาสในกาซาได้ยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถังเอที-14 คอร์เน็ทใส่เมอร์คาวา มาร์ค 3 คันหนึ่งที่ประจำการอยู่ตรงชายแดนอิสราเอลกาซา ก่อนหน้านี้เชื่อกันว่ากลุ่มฮามาสไม่ได้ครอบครองอาวุธที่มีความซ้ำซ้อนแบบดังกล่าว ขีปนาวุธลูกดังกล่าวเจาะทะลุรถถัง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์นี้อิสราเอลจึงเริ่มใช้เมอร์คาวา 4 ตลอดแนวชายแดนพร้อมกับติดตั้งระบบป้องกันโทรฟีให้กับพวกมัน[38]

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554 เมอร์คาวา มาร์ค 4 คันหนึ่งที่ประจำการใกล้ชายแดนกาซา ถูกยิงด้วยขีปนาวุธแต่สามารถป้องกันได้ด้วยระบบป้องกันโทรฟี นับเป็นการแสดงผลให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบดังกล่าวเป็นครั้งแรก[39]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เมอร์คาวา http://english.al-akhbar.com/content/ali-saleh-des... http://www.army-technology.com/projects/merkava/in... http://www.armyrecognition.com/may_2012_new_army_m... http://www.defense-update.com/analysis/lebanon_war... http://www.defense-update.com/directory/merkava4.h... http://google.com/search?q=cache:qe6SDt20ZOMJ:www.... http://video.google.com/videoplay?docid=-885358645... http://www.haaretz.com/hasen/spages/784074.html http://www.haaretz.com/news/diplomacy-defense/idf-... http://www.israeldefense.com/?CategoryID=483&Artic...