เมนูนำทาง
เมอร์คาวา รุ่นต่างๆรุ่นมาร์ค 1 ได้ปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 เป็นรุ่นดั้งเดิมที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของผู้บัญชาการกรมอิสราเอล ทาล และได้ถูกปรับเปลี่ยนและออกแบบมาเพื่อการผลิตขนานใหญ่ มาร์ค 1 มีน้ำหนัก 63 ตันและมีเครื่องยนต์ดีเซลที่ให้กำลัง 900 แรงม้า ซึ่งมีอัตรากำลังที่ 14 แรงม้าต่อหนึ่งตัน มันมีอาวุธหลักเป็นปืนเอ็ม68 ขนาด 120 มม. (เป็นแบบลอกเลียนจากโรยัล ออร์ดแนนซ์ แอล7 ของอังกฤษโดยซื้อลิขสิทธิ์มา) มีปืนกลขนาด 7.62 มม.อีกสองกระบอก[10] และปืนคกขนาด 60 มม.ที่ด้านนอกรถถัง ซึ่งไม่มีที่กำบังให้กับผู้ใช้เวลาใช้งาน
การออกแบบโดยทั่วไปนั้นได้ยืมเอาตีนตะขาบของรถถังเซนจูเรียนของอังกฤษ ซึ่งถูกใช้อย่างหนักในช่วงสงครมยมคิปเปอร์
เมอร์คาวาทำการรบครั้งแรกในสงครามเลบานอน พ.ศ. 2525 ซึ่งอิสราเอลได้ใช้เมอร์คาวา 180 คัน แม้ว่าพวกมันจะทำงานได้สำเร็จ แต่รถหุ้มเกราะลำเลียงพลที่ร่วมรบด้วยได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากและต้องถอนตัวออกจากการรบ เมอร์คาวาจึงได้รับหน้าที่เพิ่มให้เป็นหน่วยพยาบาลสำหรับทหารราบ โดยการนำเอาส่วนเก็บกระสุนออก ทหาร 10 นายสามารถเข้าออกรถถังโดยใช้ประตูหลังของรถถังได้
หลังสิ้นสุดสงครามได้มีการติดตั้งและปรับเปลี่ยนมากมายให้กับเมอร์คาวา สิ่งสำคัญที่สุดคือการย้ายจุดติดตั้งปืนครกขนาด 60 มม.ไปไว้ในตัวรถและใช้การยิงด้วยรีโมตแทน เป็นจุดสำคัญที่อิสราเอลเรียนรู้มาจากเซนจูเรียน มาร์ค3 ที่ใช่ปืนครกขนาด 2 นิ้ว[11] นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งตาข่ายลูกโซ่เพื่อป้องกันอาร์พีจีและอาวุธต่อต้านรถถัง
รุ่นมาร์ค 2 ถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2526 และได้รับการยกระดับเล็กน้อยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการรบในเลบานอน รถถังรุ่นใหม่นี้มีการปรับให้สามารถรบในสภาพที่เป็นเมืองได้และเหมาะกับการปะทะขนาดเล็ก ด้วยน้ำหนักและเครื่องยนต์ที่ยังเหมือนของมาร์ค 1[12]
มาร์ค 2 ใช้ปืนใหญ่ขนาด 105 มม.และปืนกลขนาด 7.62 มม.เหมือนมาร์ค 1 แต่สำหรับปืนครกขนาด 60 มม.ได้ถูกออกแบบใหม่ให้ติดตั้งอยู่ภายในรถถังและควบคุมการยิงด้วยรีโมตเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารถูกยิงเวลาต้องใช้ปืนครก ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติที่อิสราเอลสร้างขึ้นและถังเชื้อเพลิงที่ใหญ่ขึ้นถูกติดตั้งให้กับมาร์ค 2 ทุกคันที่ผลิตภายหลัง ตาข่ายต่อต้านจรวดถูกติดตั้งเข้าไปเพื่อเพิ่มความสามารถในการอยู่รอดเมื่อต้องเผชิญกับทหารราบติดอาวุธต่อต้านรถถัง การพัฒนาขนาดย่อมอีกมากมายถูกจัดขึ้นให้กับระบบควบคุมการยิง เซ็นเซอร์อุตุนิยม ตัวประเมินทิศทางลม และกล้องจับอุณหภูมิและเครื่องขยายความชัดของภาพ ทำให้รถถังมีความสามารถในการรับรู้สมรภูมิที่ดีขึ้น
รุ่นที่มีการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไปของมาร์ค 2 นั้นจะมีชื่อต่างกันไป และหลายคันยังคงประจำการอยู่ในปัจจุบัน:
เมอร์คาวา มาร์ค 3 นั้นเริ่มเข้าทำหน้าที่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2532 มีการยกระดับส่วนส่งกำลัง อาวุธ และระบบอิเลคทรอนิก สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือปืนไอเอ็มไอ ขนาด 120 มม.[13] ด้วยปืนนี้และเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ขึ้นด้วยกำลัง 1,200 แรงม้า ทำให้รถถังมีน้ำหนักเป็น 65 ตัน แต่เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าทำให้มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง[14]
ป้อมปืนได้รับการปรับเปลี่ยนให้เคลื่อนที่ได้อิสระจากตัวรถถัง ทำให้มันสามารถติดตามเป้าหมายไม่ว่ารถถังจะหันไปทางไหนก็ตาม การพัฒนาอื่นๆ มีดังนี้
ในปี พ.ศ. 2538 มาร์ค 3 บาซ (BAZ ย่อมาจากภาษาฮิบรู Barak Zoher) ได้รับการพัฒนาและเสริมระบบมากมายเข้าไป เช่น
เป็นรุ่นสุดท้ายของมาร์ค 3 มีชื่อว่ามาร์ค 3 ดี ดอร์-ดาเล็ท (Dor-Dalet เป็นภาษาฮิบรูที่แปลว่า รุ่นที่สี่) ซึ่งมีการพัฒนาเพื่อเป็นการปูทางให้กับมาร์ค 4
เมอร์คาวา มาร์ค 4 เป็นรุ่นพัฒนาล่าสุดของเมอร์คาวาและได้พัฒนามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 การพัฒนาดังกล่าวเปิดตัวในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 อย่างไรก็ตาม เมอร์คาวา มาร์ค 3 ยังคงผลิตต่อไปจนถึงปี พ.ศ. 2546 เมอร์คาวา มาร์ค 4 คันแรกๆ ถูกผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2547[15]
มาร์ค 4 มีระบบควบคุมการยิงแบบใหม่ของบริษัทเอล-ออพ เรียกว่า ไนท์ มาร์ค 4 (Knight Mark 4) มีเกราะแยกส่วนที่ถอดได้แบบมาร์ค 3ดี โดยนำมาติดตั้งรอบตัวรถ รวมทั้งด้านบนและรูปทรงวีที่ใต้ท้องรถ ระบบเกราะนี้ถูกออกแบบเพื่อให้รถถังได้รับการซ่อมแซมที่รวดเร็วและกลับเข้ารบให้เร็วที่สุด
กระสุนถูกเก็บไว้ในที่เก็บกันไฟ ซึ่งลดโอกาสที่กระสุนจะระเบิดเมื่อถูกความร้อนเมื่อเกิดไฟไไหม้ในรถถัง ในป้อมปืนนั้นจะไม่มีกระสุนอยู่เลย
นอกจากนี้ยังมีการปรับรูปร่างของรถถัง สีไม่สะท้อน และเกราะสำหรับไอเสียรถที่จะผสมกับอากาศทำให้เกิดภาพความร้อนที่ข้าศึกสับสน โดยเป็นโครงการที่นำมาจากกองทัพอากาศอิสราเอลเพื่อให้รถถังตกเป็นเป้าได้ยากขึ้นในจอเรดาร์และตัวจับความร้อนของศัตรู
มาร์ค 4 มีปืนขนาด 120 มม.ที่ใหญ่กว่าของรุ่นอื่นๆ แต่สามารถยิงกระสุนได้หลากหลายกว่า อย่างกระสุนระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถังและกระสุนแซ็บบ็อตอย่างกระสุนเจาะเกราะด้วยพลังงานจลน์ โดยใช้แม็กกาซีนแบบหมุนกึ่งไฟฟ้าที่บรรจุกระสุน 10 นัด นอกจากนี้ยังมีปืนกลขนาด 12.7 มม.ที่มีขนาดใหญ่กว่าเพื่อจัดการเป้าหมายที่เป็นยานพาหนะ[16]
ระบบควบคุมการยิงแบบใหม่ทำให้เมอร์คาวาสามารถยิงเฮลิคอปเตอร์สัญชาติรัสเซียอย่างมิล เอ็มไอ-24 และฝรั่งเศสอย่างกาเซล์ได้
มาร์ค 4 มีระบบตีนตะขาบที่เรียกว่า ทีซอว์ส (Tracks, Springs, and Wheels System)" ระบบดังกล่าวถูกออกแบบมาให้ทดทานต่อพื้นหินบะซอลต์ในเลบานอนและที่ราบสูงโกลัน T
มาร์ค 4 มีระบบจัดการสนามรบด้วยดิจิตอลของบริษัทเอลบิท เป็นระบบที่ใช้ข้อมูลจากเป้าหมายและยูเอวีในสนามรบ มาแสดงข้อมูลบนจอสีและส่งต่อรหัสข้อมูลไปยังหน่วยรบอื่นๆ ที่มีระบบจัดการสนามรบดังกล่าว
เมอร์คาวา มาร์ค 4 ถูกออกแบบมาสำหรับการซ่อมบำรุงที่รวดเร็วและสามารถเปลี่ยนเกราะใหม่เพื่อทดแทนเกราะที่เสียหายได้ไวขึ้น ด้วยการใช้เกราะแยกส่วนทำให้สามารถทำการถอดและติดตั้งได้อย่างสะดวก นอกจากนี้แล้วมันยังถูกออกแบบมาให้ประหยัดงบประมาณทั้งในขั้นตอนการผลิตและการซ่อมบำรุง ทำให้เมอร์คาวมามีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่ารถถังหลายแบบของประเทศยุโรป
เมอร์คาวา มาร์ค 1 | เมอร์คาวา มาร์ค 2 | เมอร์คาวา มาร์ค 3 | เมอร์คาวา มาร์ค 4 | |
---|---|---|---|---|
ประวัติการประจำการ | ||||
อยู่ในประจำการ | พ.ศ. 2522- (กองกำลังสำรองเท่านั้น) | พ.ศ. 2525–ปัจจุบัน | พ.ศ. 2533–ปัจจุบัน | พ.ศ. 2547–ปัจจุบัน |
ใช้โดย | กองกำลังป้องกันอิสราเอล | |||
สงครามที่เข้าร่วมรบ | สงครามเลบานอน พ.ศ. 2525, อินทิฟาด้าครั้งแรก | ความขัดแย้งในเลาบานอนใต้ (พ.ศ. 2525-2543), อินทิฟาด้าครั้งแรก, อินทิฟาด้าครั้งที่สอง, สงครามเลบานอน พ.ศ. 2549, สงครามกาซา | ความขัดแย้งในเลาบานอนใต้ (พ.ศ. 2525-2543, อินทิฟาด้าครั้งที่สอง, สงครามเลบานอน พ.ศ. 2549, สงครามกาซา | อินทิฟาด้าครั้งที่สอง, สงครามเลบานอน พ.ศ. 2549, สงครามกาซา |
ประวัติการผลิต | ||||
ผู้ออกแบบ | มานทัค (กรมรถถังเมอร์คาวา) | |||
ผู้ผลิต | มานทัค (กรมรถถังเมอร์คาวา) | |||
ช่วงการผลิต | พ.ศ. 2521-2526 | พ.ศ. 2525-2532 | พ.ศ. 2533-2545 | พ.ศ. 2546–ปัจจุบัน |
จำนวนที่ผลิต | 250 คัน | 580 คัน | 780 คัน | 360 คัน และอีก 300 คันกำลังส่งมอบ, (เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555)[3] |
รายละเอียด | ||||
น้ำหนัก | ~63 ตัน | ~65 ตัน | ||
ความยาว | รวมปืน: 8.30 เมตร ไม่รวมปืน 7.45 เมตร | รวมปืน: 9.04 เมตร ไม่รวมปืน 7.60 เมตร | ||
ความกว้าง | 3.70 เมตร ไม่รวมชายเกราะ | 3.72 เมตร ไม่รวมชายเกราะ | ||
ความสูง | 2.65 เมตร | 2.66 เมตร | ||
ลูกเรือ | 4 คน (ผู้บัญชาการรถถัง พลขับ พลปืน พลบรรจุ) สามารถบรรทุกทหารราบเพิ่มได้ | |||
เกราะ | เกราะเหล็กเนื้อรวม | เกราะเหล็กเนื้อรวม | เกราะคอมโพสิทแบบแยกส่วน | ชั้นเกราะคอมโพสิทที่เคลือบด้วยโลหะเจือผสมเซรามิก เหล็กกล้า และนิกเกิล ออกแบบเป็นเกราะลาดเอียงแบบแยกส่วน |
อาวุธหลัก | ปืนลำกล้องเกลียวเอ็ม68 ขนาด 105 มม. ยิงกระสุนลาแฮทและเอทีจีเอ็ม | ปืนลำกล้องเกลี้ยงเอ็มจี251 ขนาด 120 มม. ยิงกระสุนลาแฮทและเอทีจีเอ็ม | ปืนลำกล้องเกลี้ยงเอ็มจี253 ขนาด 120 มม. ยิงกระสุนลาแฮทและเอทีจีเอ็ม | |
อาวุธรอง | ปืนกลขนาด 7.62 มม. 2-3 กระบอก ปืนครกนอกตัวรถขนาด 60 มม. 1 กระบอก ระเบิดควัน 12 ลูก | ปืนกลขนาด 7.62 มม. 2-3 กระบอก ปืนครกในตัวรถขนาด 60 มม. 1 กระบอก ระเบิดควัน 12 ลูก | ปืนกลขนาด 7.62 มม. 3 กระบอก ปืนครกในตัวรถขนาด 60 มม. 1 กระบอก ระเบิดควัน 12 ลูก | ปืนกลขนาด 12.7 มม. 1 กระบอก ปืนกลขนาด 7.62 มม. 2 กระบอก ปืนครกในตัวรถขนาด 60 มม. 1 กระบอก (พัฒนาแล้ว) ระเบิดควัน 12 ลูก |
เครื่องยนต์ | เครื่องยนต์ดีเซลระบายความร้อนด้วยอากาศ เอวีดีเอส-1790-6เอ วี12 908 แรงม้าของเทเลดีน คอนทิเนนทัล | เครื่องยนต์ดีเซลระบายความร้อนด้วยอากาศ เอวีดีเอส-1790-9เออาร์ วี12 1,200 แรงม้าของเทเลดีน คอนทิเนนทัล | เครื่องยนต์ดีเซลระบายความร้อนด้วยน้ำ จีดี883 (เอ็มทียู883) วี12 1,500 แรงม้าของเจเนรัล ไดนามิกส์ | |
อัตรากำลังเครื่อง | ~14.5 แรงม้า/ตัน | ~18.5 แรงม้า/ตัน | ~23 แรงม้า/ตัน | |
บรรจุ | กระสุนปืนใหญ่ 53-63 นัด ชุดละหกนัด | กระสุนปืนใหญ่ 46 นัด พร้อมยิงทันที 5 นัด | กระสุนปืนใหญ่ 48 นัด พร้อมยิงทันที 10 นัด | |
ระบบส่งกำลัง | กลไกไฮดรอลิกกึ่งอัตโนมัติ ซีดี850-6ยีเอ็กซ์ ของอัลลิสัน ทรานส์มิชชั่น | กลไกไฮดรอลิกอัตโนมัติของแอสช็อท แอชเคลลอน 4 เกียร์ | กลไกไฮดรอลิกอัตโนมัติของแอสช็อท แอชเคลลอน 5 เกียร์ (เลียนแบบอาร์เค325 ของเรงค์โดยซื้อลิขสิทธิ์)[17] | |
ระบบกันสั่นสะเทือน | คอยล์สปริง | |||
ระยะระหว่างใต้ท้องกับพื้น | 0.53 เมตร | 0.45 เมตร | ||
ความจุเชื้อเพลิง | 1,100–1,400 ลิตร | 1,400 ลิตร | ||
พิสัยปฏิบัติการ | 400 - 500 กิโลเมตร | 500 กิโลเมตร (310 ไมล์) | ||
ความเร็วบนถนน | 50 กม./ชม. | 60 กม./ชม. | 64 กม./ชม. |
เมนูนำทาง
เมอร์คาวา รุ่นต่างๆใกล้เคียง
เมอร์คาวาแหล่งที่มา
WikiPedia: เมอร์คาวา http://english.al-akhbar.com/content/ali-saleh-des... http://www.army-technology.com/projects/merkava/in... http://www.armyrecognition.com/may_2012_new_army_m... http://www.defense-update.com/analysis/lebanon_war... http://www.defense-update.com/directory/merkava4.h... http://google.com/search?q=cache:qe6SDt20ZOMJ:www.... http://video.google.com/videoplay?docid=-885358645... http://www.haaretz.com/hasen/spages/784074.html http://www.haaretz.com/news/diplomacy-defense/idf-... http://www.israeldefense.com/?CategoryID=483&Artic...