ประวัติ ของ เมืองพวน

เมืองพวน หรือเมืองพวนเชียงขวาง มีนามเต็มในประวัติศาสตร์ว่า เมืองมหารัตนบุรีรมย์พรหมจักรพรรดิ ศรีมหานัครตักกะเสลา นครเชียงขวางราชธานี คำว่า พวน ตรงกับคำว่า โพน ในภาษาลาวและ พูน ในภาษาไทย หมายถึง เมืองอันตั้งอยู่บริเวณพื้นที่สูงหรือที่ราบสูง[1] เมืองพวนเดิมเป็นเขตการปกครองที่มีสถานะเป็นราชอาณาจักรหนึ่งในดินแดนที่เป็นประเทศลาวปัจจุบัน ประกอบด้วยหัวเมืองน้อยใหญ่หลายหัวเมือง ปัจจุบันเป็นตำแหน่งที่ตั้งของแขวงเชียงขวาง มีศูนย์กลางการปกครองเมืองที่เมืองเชียงขวาง ประชากรในเมืองพวนเรียกว่าชาวชาวไทพวน หรือ ชาวลาวพวน ชาวพวนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์สำคัญในกลุ่มตระกูลลาว-ไท ที่อพยพมาจากประเทศจีนทางตอนใต้เช่นเดียวกับชาติพันธุ์ลาว แล้วตั้งตัวเป็นอิสระตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา โดยมีเมืองเชียงขวางเป็นเมืองหลวงหรือราชธานี เมืองพวนมีบทบาทในทางการค้าโลหะและของป่า ในราวพุทธศตวรรษที่ 1920 เมืองพวนตกอยู่ภายใต้อำนาจการคุ้มครองของอาณาจักรล้านช้างในสมัยพระเจ้าฟ้างุ้มแหล่งหล้าธรณีมหาราช (ราว พ.ศ. 1896-1915)[2][3] ในฐานะเมืองส่วนหรือเมืองลาด (นครประเทศราช) จากนั้นมาราชอาณาจักรพวนก็มีความสัมพันธ์อันดีกับอาณาจักล้านช้างของชาวลาวมาโดยตลอด นอกจากการเสียส่วยหรือเครื่องมงคลราชบรรณาการให้ราชอาณาจักรล้านช้างแล้ว เมืองพวนยังคงรักษาการปกครองของตนไว้ได้ มีศิลปกรรมทางพุทธศาสนาเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ศิลปะจากเมืองพวนบางส่วนได้เข้ามามีอิทธิพลต่ออาณาจักรล้านช้างแถบนครหลวงพระบางด้วย ซึ่งนักวิชาการส่วนใหญ่เรียกว่า ศิลปะเชียงขวาง ต่อมาเมื่อสยามได้แผ่อิทธิพลข้ามฝั่งแม่น้ำโขงเข้าควบคุมราชอาณาจักรล้านช้าง เมืองพวนกลายเป็นรัฐกันชนระหว่างราชอาณาจักรสยามกับราชอาณาจักรไดเวียดของชาวญวน ในสมัยหลังรัชกาลเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ (พ.ศ. 2348-2371) สยามได้กวาดต้อนชาวพวนจำนวนมากเข้ามาอยู่ในสยามหลายหัวเมือง ต่อมาในราว พ.ศ. 2413 เมื่อกองทัพฮ่อที่แยกตัวออกมาจากกลุ่มกบฏไท่ผิงซึ่งถูกทางการจีนปราบปรามลง ได้เข้ามาโจมตีนครหลวงพระบางและราชอาณาจักรล้านช้าง เมืองพวนเองก็ได้ถูกกองทัพฮ่อโจมตีจนเสียหายไปมากเช่นเดียวกัน จากสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2436 นครเชียงขวางซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองพวนได้ถูกกำหนดให้อยู่ในเขตแดนของอินโดจีนฝรั่งเศส ภายหลังการประกาศเอกราชของราชอาณาจักรลาวนครเชียงขวางจึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศลาว