อุตสาหกรรม ของ เศรษฐกิจเนเธอร์แลนด์

ก๊าซธรรมชาติ

การค้นพบก๊าซธรรมชาติในปี ค.ศ. 1959 ที่โกรนิงเงินทางตอนเหนือของประเทศสร้างรายได้มหาศาลและผลกระทบกับธุรกิจภาคส่วนอื่นไปพร้อมๆกัน เนเธอร์แลนด์มีก๊าซธรรมชาติคิดเป็นร้อยละ 25 ของปริมาณสำรองของยุโรป[9] หรือราวๆร้อยละ 0.3 ของทั้งโลก[10] แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและยุบบ่อยครั้ง รัฐบาลได้สั่งลดปริมาณการขุดเจาะเมื่อปี ค.ศ. 2014 เรื่อยไปจนกระทั่งเลิกขุดในปี ค.ศ. 2028[11] และตั้งเป้าว่าจะเปลี่ยนมาใช้พลังงานแหล่งอื่นแทนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

พลังงานนิวเคลียร์

โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่โบร์สเซเลอ จังหวัดเซลันด์

นักวิจัยในเนเธอร์แลนด์เริ่มศึกษาพลังงานนิวเคลียร์ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930 และเริ่มสร้างเตาปฏิกรณ์เพื่อการวิจัยที่โดเดอวาร์ด ในจังหวัดเกลเดอร์ลันด์เมื่อปี ค.ศ. 1955 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแหล่งพลังงานนิวเคลียร์ในปี ค.ศ. 1962 เพื่อมาทดแทนเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ มีการทดสอบนำเตาปฏิกรณ์มาเชื่อมกับโครงข่ายพลังงานในปี ค.ศ. 1968 (แต่ถูกปิดไปในปี ค.ศ. 1997) ในปี ค.ศ. 1984 รัฐบาลตัดสินใจสร้างโรงงานจัดเก็บของเสียกัมมันตรังสีแบบอ่อนระยะยาว (100 ปี) และทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการย่อยสลายของเสียจากนิวเคลียร์ มีการตั้งองค์กรกลางเพื่อของเสียกัมมันตรังสีขึ้นในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2003 เพื่อสร้างโรงงานจัดเก็บของเสียกัมมันตรังสีแบบเข้ม

เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ยังมีการใช้งานอยู่ในเชิงพาณิชย์ตั้งอยู่ที่โบร์สเซเลอ จังหวัดเซลันด์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 และสร้างกำลังไฟฟ้าราวร้อยละ 4 ของกำลังไฟฟ้าทั่วประเทศ[12] นอกจากนี้ยังมีเตาปฏิกรณ์ขนาด 2 ล้านเมกะวัตต์ตั้งอยู่ที่ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ เพื่อการวิจัยด้านนิวตรอนและโพสิตรอน

รัฐสภาเนเธอร์แลนด์มีมติให้ลดการใช้พลังงานนิวเคลียร์ลงเมื่อปี ค.ศ. 1994 เป็นสาเหตุให้มีการเปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่โดเดอวาร์ด และถอนใบอนุญาตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่โบร์สเซเลอในปี ค.ศ. 2003 แต่ผ่อนผันให้ได้ถึงปี ค.ศ. 2034 หากยังสามารถดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยสูงสุดได้ อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้งเมื่อปี ค.ศ. 2010 รัฐบาลยังมีแนวคิดที่จะขยายการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์และบริษัทไฟฟ้านิวเคลียร์เริ่มเสนอให้มีการสร้างเตาปฏิกรณ์แห่งใหม่ แต่ข้อเสนอยังไม่ได้ข้อสรุปจนถึงทุกวันนี้

การท่องเที่ยว

ในปี ค.ศ. 2011 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ราว 11.3 ล้านคน[13] สร้างรายได้ราวร้อยละ 5.4 ของจีดีพีของประเทศในปี ค.ศ. 2012 มีการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวประมาณร้อยละ 9.6 ของการจ้างงานทั้งหมดในประเทศ คิดเป็นลำดับ 83 จาก 147 ประเทศทั่วโลกที่มีการจัดอันดับ การท่องเที่ยวจึงเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ใหญ่มากในเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์[14]

จังหวัดนอร์ดฮอลแลนด์เป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากที่สุด ราวๆ 6 ล้านคนในปี ค.ศ. 2011 รองลงมาคือจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ ราวๆ 1.4 ล้านคน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากเยอรมัน อังกฤษ และเบลเยียม (ราวๆ 3.0 ล้านคน 1.5 ล้านคน และ 1.4 ล้านคนตามลำดับ[15]) เนเธอร์แลนด์มีมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก 9 แห่ง และประเทศเนเธอร์แลนด์มีชื่อเสียงด้านมรดกทางศิลปะและประวัติศาสตร์

แหล่งที่มา

WikiPedia: เศรษฐกิจเนเธอร์แลนด์ http://appsso.eurostat.ec.europa.eu/nui/show.do?wa... http://www.cbs.nl/nl-NL/menu/themas/vrije-tijd-cul... http://vorige.nrc.nl//international/article2274261... http://www.oecd-ilibrary.org/taxation/total-tax-re... http://mkt.unwto.org/en/publication/unwto-tourism-... http://www.world-nuclear.org/info/inf107.html http://data.worldbank.org/indicator/NE.CON.GOVT.ZS http://www.wttc.org/research/economic-impact-resea... https://books.google.com/books?id=QG1R4StCc1gC https://www.theguardian.com/environment/2018/jan/2...